ความแท้จริงของแบรนด์ หรือ Brand Authenticity เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนและยังเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด เพราะมันจะช่วยให้เกิดความเชื่อใจและเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ (Brand Trust) เมื่อแบรนด์มีความแท้จริงแล้วนัันก็จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสรวมไปถึงการทำในสิ่งที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ง่ายๆครับ ซึ่งมันจะนำไปสู่การสนับสนุนแบรนด์ในท้ายที่สุด ในบทความนี้จะอธิบายให้เห็นถึงองค์ประกอบสำคัญของการเป็น Brand Authenticity เพื่อมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัดนั่นเองครับ
4 องค์ประกอบสู่ความเป็น Brand Authenticity
ความแท้จริงของแบรนด์ (Brand Authenticity) สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในจิตใจของลูกค้าและผู้บริโภคได้ และยังสร้างให้เกิดความศรัทธาในตัวแบรนด์ (Brand Faith) จนนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ ดังนั้นแบรนด์จำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือ (Reliability) โดยหากเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือ โฟกัสที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ ความเคารพ (Respect) หรือความที่แบรนด์ต้องยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centricity) และความสมจริง (Realness) หรือการสื่อสารสิ่งที่คุณเป็นในแบบที่ลูกค้ารู้สึกและต้องการอย่างแท้จริง มาเป็นแกนหลักให้ได้ก่อนครับ ส่วนองค์ประกอบทั้ง 4 ที่ก่อให้เกิดความแท้จริงของแบรนด์ (Brand Authenticity) นั้นได้แก่
1. ความต่อเนื่อง (Continuity)
เมื่อคุณเริ่มสร้างแบรนด์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเป้าหมาย (Purpose) วิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) สู่ คุณค่าของแบรนด์ (Core Values) และต่อเนื่องไปยังเรื่องอื่นๆ ลูกค้าก็อยากเห็นสิ่งต่างๆที่คุณสร้างนั้นคงอยู่ได้ในอนาคต ความต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องมีเวลาสร้างแบรนด์เพื่อให้อยู่ได้ในระยะยาว เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นหนักแน่นในการสร้างแบรนด์ของคุณ ทุกๆอย่างต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างให้เกิดการจดจำและประสบการณ์ที่ดีในการพัฒนาไปสู่ความภักดีในตัวแบรนด์ (Brand Loyalty) ตัวอย่างเช่น
- ความสอดคล้องในการสื่อสารผ่านทุกช่องทางของการสื่อสารการตลาด
- การสร้าง Loyalty Program ให้ลูกค้าเจ้าประจำ รวมทั้งดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
- การพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการลูกค้าเพื่อสร้างให้เกิดความเชื่อมั่น
- การให้ความสำคัญกับการสร้างรวมถึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีอยู่ตลอดเวลา
2. ความน่าเชื่อถือ (Credibility)
ความจริงใจถือเป็นหนึ่งกฎเหล็กสำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์ เพราะมันจะสร้างให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ จนสามารถเชื่อมโยงให้แบรนด์ของคุณและลูกค้ามีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นอย่างแท้จริง นอกจากนั้นความน่าเชื่อถือยังเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของความโปร่งใสในการทำธุรกิจอีกด้วย ตัวอย่างเช่น
- สื่อสารกับลูกค้าอย่างชัดเจนไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ
- ทุกๆอย่างที่แบรนด์ทำต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
- รับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ
- ฟังความคิดเห็นของลูกค้าและนำมาปรับปรุงแก้ไขในทันที
- ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเสมอ
3. ความซื่อสัตย์ (Integrity)
ความซื่อสัตย์นำไปสู่การสร้างให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับธุรกิจ ซื่อสัตย์ที่จะรับผิดชอบหากเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นโดยไม่ต้องมานั่งหาข้อแก้ตัวใดๆ และสิ่งสำคัญก็คือการยึดมั่นในคุณค่าของแบรนด์ (Core Values) ที่ต้องยึดถือปฏิบัติเป็นแกนหลักอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น
- ข้อความที่แบรนด์สื่อสารในทุกๆสื่อและทุกๆช่องทางนั้น ต้องมีความเชื่อมโยงสอดคล้องและสม่ำเสมอ ไม่สื่อสารเกินจริงเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ในการขายสินค้าหรือบริการ
- ทุกๆการกระทำผ่านกิจกรรมทางการตลาดต้องโปร่งใส ไม่ทำให้เกิดความลำเอียงหรือการวิจารณ์ว่าไม่ยุติธรรม
- ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าโดยไม่ปล่อยให้อะไรที่ไม่ดีออกมาสู่มือของลูกค้า
4. เป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่ง (Symbolism)
การที่แบรนด์เป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่งสามารถเชื่อมโยงลูกค้าผ่านตัวตนที่เป็นอยู่ว่าตัวเองเป็นใคร รวมถึงเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์หรือตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) โดยการเชื่อมโยงนั้นเป็นการถ่ายทอดเชิงอารมณ์ที่เชื่อมโยงไปถึงคุณค่าและความเชื่อ (Values & Belief) ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่มันยิ่งใหญ่กว่า จนส่งผลถึงการสร้างความภักดีในตัวแบรนด์ (Brand Loyalty) ตัวอย่างเช่น โลโก้ของ Nike ที่เป็น Swoosh เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหว ความเป็นนักกีฬา การสร้างแรงบันดาลใจ เป็นต้น
ตัวอย่าง Brand Authenticity อันโดดเด่น
- แบรนด์ Patagonia ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคม
- แบรนด์ Dove กับแคมเปญ Real Beauty ที่เน้นแนวคิดเชิงบวกให้ผู้หญิงเชื่อมั่นในตัวเอง เห็นความสวยงามในตัวเอง
- แบรนด์ Coca-Cola ที่เชื่อมโยงความรู้สึก ความสุข และการแบ่งปันช่วงเวลาดีๆผ่านหลากหลายแคมเปญ เช่น แคมเปญที่โด่งดังอย่าง Share a Coke
- แบรนด์ Apple ที่มุ่งมั่นในเรื่องของการออกแบบและการนำนวัตกรรมมาใช้กับผลิตภัณฑ์
- แบรนด์ TOMs กับแนวคิดการทำธุรกิจแบบ One fo One เมื่อลูกค้าซื้อรองเท้า 1 คู่ TOMs จะบริจาครองเท้า 1 คู่ ให้กับผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาส
Source: https://www.marketingmag.com.au/news/share-a-coke-campaign-post-analysis/