การสร้าง Personal Brand หรือที่เราเรียกว่าแบรนด์บุคคลถือว่ามีความสำคัญและมีประโยชน์มาก หากคุณต้องการมีตัวตนบนโลกออนไลน์ในสายอาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งอาจเป็นทั้ง Influencer, Content Creator, YouTuber, TikToker หรือแม้แต่การทำงานในบทบาทที่คุณเป็นเจ้าของกิจการหรือแม้แต่พนักงานก็ตาม การสร้าง Personal Brand ที่ออกมาได้โดดเด่นอย่างชัดเจนจะทำให้คุณสามารถเชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างคุณกับคนรอบข้าง และยังสร้างให้เกิดความเชื่อถือและความเชื่อมั่นได้อีกอีกด้วย ในบทความนี้ผมขอนำเสนอหนึ่งใน Framework ที่สามารถนำมาช่วยให้ใครก็ตามที่อยากจะลองเริ่มสร้าง Personal Brand นำมาเป็นแนวทางเริ่มต้นได้ด้วย P-B-P-B-J Framework
อะไรคือ P-B-P-B-J Framework
เทคนิคง่ายๆที่ใช้ช่วยสร้าง Personal Brand สำหรับผู้เริ่มต้น ซึ่งผมไปพบเจอมาและคิดว่าค่อนข้างเป็นประโยชน์ครับ ซึ่งนั่นก็คือ Pinpoint, Build, Project, Boost, Judge (P-B-P-B-J) เรามาดูรายละเอียดกันครับว่าแต่ละข้อนั้นคืออะไรกันบ้าง
Pinpoint (P) หรือ ระบุว่าอะไรที่บ่งชี้ความเป็นตัวของคุณ
คุณอยากเป็นที่รู้จักในเรื่องใด อยากเป็นที่รู้จักในแบบไหน ปัจจุบันคุณรู้จักเรื่องอะไรบ้าง แล้วคุณจะเริ่มลดช่องว่างเหล่านั้นได้อย่างไร นี่คือคำถามบางส่วนที่ต้องถามกับตัวเองเมื่อคุณตัดสินใจที่จะจริงจังกับการสร้าง Personal Brand ครับ ด้วยการระบุจุดแข็งและความหลงใหลอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ ความสำคัญของขั้นตอนนี้ คือ การหาตัวเองให้เจอซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้าง Personal Brand ที่แท้จริงที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายของคุณนั่นเอง ดังนั้นคุณจำเป้นต้องคิดและไตร่ตรองถึงประสบการณ์ ความสนใจส่วนตัว ทักษะ และค่านิยมของคุณ โดยใช้ประโยชน์จากบุคคลอื่นๆ เช่น เพื่อนร่วมงานและอาจมีที่ปรึกษาในบางกรณี เพื่อสะท้อนและรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็งของคุณ โดยจุดแข็งที่เกิดขึ้นซ้ำๆสามารถสร้างรากฐานความเป็น Personal Brand ของคุณได้ อีกหนึ่งวิธีคือการลองทำแบบทดสอบบุคลิกภาพต่างๆ ก็สามารถช่วยให้คุณมองเห็นตัวเองที่ชัดเจนมากขึ้นและทำให้คุณได้เปรียบคนอื่นๆ
เมื่อคุณระบุสิ่งที่คุณต้องการได้แล้วให้ลองฝึกหัดเพื่อให้เห็นภาพได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเลือกหัวข้อและคุณค่าที่จะมอบให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ และหลักสำคัญอีกอย่างก็คือเรื่องของ Personal Brand สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทต่างๆ คุณไม่ควรยึดติดกับเรื่องเดิมๆและสิ่งเดิมๆที่คุณเป็นอย่างเดียว เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด กลุ่มเป้าหมายของคุณก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ตัวคุณเองก็อาจจะต้องขยับตัวไปทำงานอย่างอื่นในอนาคต คุณควรเปลี่ยนบางสิ่งเพื่อให้สอดรับกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคตได้ด้วย
Build (B) หรือ สร้างทุกอย่างให้เป็นระบบ
เรื่องของ Personal Brand ก็ไม่ต่างจากการสร้างแบรนด์ในระดับองค์กร (Corporate Brand) ครับ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามมีความว่าแบรนด์เข้ามาเกี่ยวข้อง มันต้องมีกระบวนการบางอย่างที่เป็นระบบที่จำเป็นต้องนำมาใช้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของความพยายามที่จะสร้าง Personal Brand ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยาวนาน โดยคำว่าระบบไม่ได้หมายถึงการเอา Software หรืออะไรต่างๆมาใช้นะครับ แต่เป็นการวางแนวทางของ Personal Brand อย่างเป็นระบบซึ่งจำเป็นต้องระบุให้ได้ว่าความเป็นตัวคุณจะเชื่อมไปสู่ภาพลักษณ์อย่างไร (Brand Image) มีน้ำเสียงอย่างไร (Brand Voice) ที่แตกต่างจากคนอื่นๆบนโลกดิจิทัล มีการสื่อสารผ่านรูปแบบคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์ของการใช้สีสันที่น่าจดจำ (Brand Identity) เช่น VDO, Infographics ทำให้คนเห็นแล้วก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นคอนเทนต์ที่มาจากตัวของคุณ เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้ยินเสียงของคุณได้เห็นโทนในการสื่อสารหรือในการเขียนคอนเทนต์ ก็จดจำได้ทันทีว่านี่คือคอนเทนต์ที่มาจากตัวของคุณ
เมื่อคุณระบุได้ชัดเจนแล้วว่าคุณมีการกำหนดอัตลักษณ์ต่างๆที่เป็นตัวคุณ ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่องและคงเส้นคงวาในทุกๆช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้ทุกคนจดจำตัวของคุณได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นพยายามคิดแบบเป็นระบบและหาให้ได้ว่า คุณจะสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาด้วยภาพลักษณ์และโทนเสียงอันโดดเด่นแบบเฉพาะตัวได้อย่างไร
Project (P) หรือ ได้เวลาเฉิดฉาย
เมื่อคุณรู้แล้วว่าตัวเองชอบและถนัดอะไรมีความเชี่ยวชาญอะไร สามารถกำหนดภาพที่อยากให้ผู้คนจดจำได้ชัดเจน ก็ได้เวลาที่คุณต้องออกมาเฉิดฉายสร้างตัวตนให้ผู้คนรู้จัก และแน่นอนครับว่ายุคนี้ต้องสร้างคอนเทนต์แบบออนไลน์ ซึ่งมี Keywords สำคัญๆอยู่ 3 อย่าง คือ คอนเทนต์ต้องมีคุณค่าพอ (Valuable Content) + สื่อสารพูดคุยตลอดอย่างต่อเนื่อง (Active Engagement) + เข้าถึงหลากหลายช่องทาง (Platforms) และโดยส่วนใหญ่ช่องทางที่ใช้สร้างตัวตนก็หนีไม่พ้น
- การเขียน Blog หรือบทความออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บไซต์ของตัวเองหรืออาจเป็นการเขียนให้กับแหล่งอื่นๆ
- แบ่งปันเรื่องราวต่างๆของคุณกับผู้ชมทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LinkedIn, TikTok, X เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและการกระจายข้อมูลได้ในวงกว้างมากขึ้น
- หาเวทีโชว์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นการทำเป็น VDO, Podcast หรือจัดสัมมนาเริ่มต้นด้วย Webinar
ส่วนเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่คุณจะพูดนั้นก็สามารถเริ่มได้ด้วยการแบ่งปันความรู้ การเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ต่างๆ หรืออาจจะไปแสดงความคิดเห็นตามกลุ่มหรือกระทู้ออนไลน์ต่างๆ ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ
Boost (B) หรือ ลุยแบบ Active เต็มพิกัด
ไม่ใช่แค่แบ่งปันเรื่องราวต่างๆให้คนรู้แต่คุณต้องทำให้ทุกคนรู้ว่า “คุณได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว” ด้วยการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อส่งมอบสิ่งดีๆที่มีคุณค่าให้กับผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายของคุณ พยายามหล่อเลี้ยงให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณและคนเหล่านั้น และสร้างให้เกิดเป็นเครือข่ายหรือชุมชมให้ได้ เพราะมันจะช่วยส่งเสริมให้ Personal Brand ของคุณแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และคุณก็จะมีโอกาสเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆจากความน่าเชื่อถือที่คุณได้สร้างเอาไว้ แต่อย่าลืมนะครับว่าโดยรวมแล้วคุณต้องพยายามรักษาในข้อแรกเอาไว้ เพราะมันคือตัวตนที่แท้จริงของคุณ
Judge (J) หรือ ทบทวนสิ่งที่คุณทำทั้งหมด
อย่าลืมตรวจสอบและทบทวนดูครับว่าสิ่งที่คุณเป็นสิ่งที่คุณทำนั้น มันเข้าใกล้เป้าหมายที่คุณตั้งไว้มากน้อยขนาดไหน โดยคุณสามารถหาได้จากความคิดเห็นไม่ว่าจะเชิงบวกหรือเชิงลบ ทั้งจากเพื่อร่วมงาน คนที่เป็นอาจารย์ของคุณ กลุ่มผู้ติดตาม เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น หากคุณเห็นว่าคอนเทนต์ที่คุณทำนั้นไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร คุณจะปรับมันออกมาใหม่อย่างไรและจะใช้กลยุทธ์ไหนในการสื่อสาร หากคุณทำการทบทวนตัวเองอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้คุณสามารถขัดเกลาความเป็น Personal Brand ได้ดีและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น