
ชื่อของแบรนด์ถือว่าสำคัญมากสำหรับการทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแบรนด์นั้นมีชื่อเสียงในวงกว้างและเป็นที่รู้จักในระดับประเทศหรือระดับโลก ซึ่งมันเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) ที่มีผลต่อการขายสินค้าหรือบริการของคุณ โดยชื่อแบรนด์ไม่ได้แค่เพียงช่วยในเรื่องของยอดขายเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการเชื่อมโยงและความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคและลูกค้าได้อีกด้วย ซึ่งนั่นถือเป็นหนึ่งในหลายๆบริษัทนำมาใช้เพื่อดึงดูดผู้บริโภคและลูกค้าให้หันมาสนับสนุนแบรนด์มากขึ้น โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ว่านั้นก็คือการทำ Master Brand ครับ ซึ่งมีหลากหลายแบรนด์นำมาใช้ในการโปรโมทหรือการโฆษณา จนสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ และในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคำว่า Master Brand แบบสรุปกันครับว่ามันจะช่วยให้ธุรกิจของคุณแข็งแกร่งมากขึ้นได้อย่างไรกันบ้าง

อะไรคือ Master Brand
Master Brand หรือที่เราเรียกว่าแบรนด์หลักหรือบางครั้งอาจเรียกว่าแบรนด์แม่ ซึ่งก็คือ แบรนด์หลักของบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อาจมีเป็นหลักสิบหรือหลักร้อยผลิตภัณฑ์ Master Brand ถือเป็นตัวเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทคุณ โดยชื่อผลิตภัณฑ์อาจจะเหมือนกับชื่อแบรนด์หลักหรืออาจมีชื่อแตกต่างออกไปก็ได้ แต่ทั้งหมดนั้นจะถูกจัดจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์หลักเสมอ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในชื่อเสียงของความเป็น Master Brand ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เช่น Apple มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ทั้ง iPad, iPhone, MacBook, Apple Watch และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกจัดจำหน่ายภายใต้ชื่อ Master Brand อย่าง Apple หรือในกรณีของ Intel ที่มีโปรเซสเซอร์ หลายรุ่นภายใต้แบรนด์ Intel เช่น Intel Core i3, i5, i7, Intel Pentium, Intel Xeon, Intel Celeron เป็นต้น ตัวอย่างอื่นๆของ Master Brand ก็เช่น
- Google > Google Maps, Google Calendar, Google Meet, Google Docs
- FedEx > FedEx Express, FedEx Ground, FedEx Freight, FedEx Office
- Sony > Sony Bravia, Sony Vaio, Sony CyberShot, Sony Walkman, Sony PlayStation
- Virgin > Virgin Radio, Virgin Active, Virgin Atlantic, Virgin Money, Virgin Galactic
สำหรับ Master Brand แล้วชื่อของแบรนด์จะส่งผลกระทบเชิงบวกและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ลูกที่อยู่ภายใต้ Master Brand ครับ ไม่ว่าคุณจะขายผลิตภัณฑ์ใดๆที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจ เพราะความแข็งแกร่งของ Master Brand นั้นเปรียบเสมือนกับครอบครัวที่มีรากฐานที่ดีที่จะช่วยให้ทุกๆแบรนด์ในบ้านหลังนั้นประสบความสำเร็จ ในทางกลับกันหาก Master Brand มีชื่อเสียงที่ไม่ดีก็อาจทำให้แบรนด์ลูกทั้งหมดพังทลายได้ในทันทีเช่นกัน
Master Brand จึงกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจ ที่นำมาใช้ในการทำแคมเปญโฆษณาและการตลาดเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีภายใต้แบรนด์หลักนั้นๆ และมันก็มีข้อดีที่ยังช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ลูกที่มีจุดอ่อนกลับกลายมาดูแข็งแกร่งได้ในสายตาผู้บริโภคและลูกค้าด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะเชื่อมโยงแบรนด์ลูกต่างๆไปสู่แบรนด์แม่ และความเชื่อมโยงนั้นมันขึ้นไปถึงระดับของเป้าหมาย (Purpose) วิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) คุณค่าหลัก (Core Values) เลยทีเดียว
ผมขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับ Master Brand ให้ดูอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการวางกลยุทธ์ครับ สมมติว่าธุรกิจของคุณขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อแบรนด์ที่มีหลากหลายชื่อที่ไม่เหมือนกัน แต่ละแบรนด์ก็จะมีการโปรโมททำการตลาดด้วยงบประมาณเฉพาะแต่ละแบรนด์ที่แยกกัน มีโอกาสที่แต่ละแบรนด์จะประสบความสำเร็จแตกต่างกัน โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้า ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณการทำการตลาด คู่แข่งขันทางการตลาด และอื่นๆ แต่หากนำเอา Master Brand มาเป็นส่วนหนึ่งของการวางกลยุทธ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชื่อแบรนด์ที่เหมือนกัน การโปรโมทภายใต้ความเป็น Master Brand ที่มีการวางแผนมาอย่างดี จะทำให้ Master Brand ที่สร้างขึ้นมามีรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งตัวธุรกิรของคุณเอง และความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้บริโภคซึ่งจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ดีๆและประโยชน์เหล่านี้นั่นเองครับ
- สร้างความสัมพันธ์ / ความผูกพันในระยะยาวกับผู้บริโภค
- เสียงบประมาณทางการตลาดน้อยลง
- เพิ่มอัตราที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ (Customer Retention)
- โอกาสสร้างการรับรู้และการเข้าถึงมากขึ้น
- มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการที่สูงขึ้น
- สร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
- ลูกค้าเกิดความมั่นใจในตัวแบรนด์
- ส่งเสริมคุณค่าของแบรนด์
- เพิ่มโอกาสการเกิดความจงรักภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty)
- เพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธุรกิจ
ด้วยการวางกลยุทธ์การทำ Master Brand จะช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงทางคุณค่าของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่คุณมี แม้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีความแตกต่างกันทั้งคุณสมบัติ การใช้งาน กลุ่มเป้าหมาย หรืออัตลักษณ์มากขนาดไหนก็ตาม แต่หากนำเอากลยุทธ์การทำ Master Brand มาเติมเต็มธุรกิจก็จะช่วยให้แบรนด์และธุรกิจของคุณ มีชื่อเสียงที่โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของผู้บริโภคกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ Master Brand ของคุณนั่นเอง