
กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งคำว่าความความแตกต่างนั้นมีอยู่หลายมุมมอง แต่หากจะแตกต่างอย่างมีคุณค่านั้นก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่านวัตกรรม (Innovation) ซึ่งหากบริษัทใดสามารถนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการต่างๆในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการได้ ก็จะสร้างให้เกิดโอกาสความได้เปรียบในการแข่งขันโดยทันที สำหรับสินค้าที่เด่นชัดเรื่องการนำเสนอนวัตกรรมที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ ก็พวกแบรนด์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น Apple, BMW, Samsung ซึ่งนอกเหนือจากนวัตกรรมแล้วความแตกต่างยังมีได้อีกหลายแบบ ลองดูจากบทความนี้กันครับ

นวัตกรรมสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือบริการได้ มันคือคุณค่าสำหรับผู้บริโภคที่มีมากกว่าคำว่าราคา หรืออาจเรียกได้ว่าถ้าคุณค่านั้นตอบโจทย์ผู้บริโภคราคาก็ถือเป็นเรื่องรองลงไป เพราะผู้บริโภคยอมจะซื้อเพื่อแลกกับคุณค่าที่ได้มา คำว่านวัตกรรมนั้นจำเป็นต้องมีลักษณะ ดังนี้
- ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Focus) ไม่ว่านวัตกรรมใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นหากไม่อยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้า หรือช่วยให้สังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นดีขึ้น ก็คงไม่สามารถสร้างคุณค่าที่แท้จริงได้
- นวัตกรรมควรเป็นคนแรกที่ทำ (Leader) คุณค่าอย่างมหาศาลจะเกิดขึ้นหากสิ่งนั้นคุณสามารถทำได้เป็นเจ้าแรก มันจะทำให้คุณกลายเป็นผู้นำในตลาดโดยทันทีและแทบจะไม่มีคู่แข่ง
- มีคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม (Society) แม้ว่าบริษัทสามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้ ที่นับว่าสร้างคุณค่าที่เหนือจากคู่แข่งในตลาด แต่หากคุณค่าที่เกิดขึ้นนั้นสามารถส่งผลกระทบในระดับสังคมส่วนรวมได้ บริษัทและผลิตภัณฑ์ของคุณจะยิ่งโดดเด่นมากขึ้น
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Idea) ความเป็นนวัตกรรมก็จำเป็นต้องผสมผสานไอเดียสร้างสรรค์เพื่อบางสิ่งให้เกิดคุณค่า ไอเดียสร้างสรรค์ไม่ใช่ความ Wow เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความคิดสร้างสรรค์ในการใช้งานสินค้าต่างๆให้ง่ายและสะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังอาจรวมถึงแนวคิดในเชิงบวกเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้อีกด้วย
- ความรวดเร็ว (Speed) การนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกรวดเร็วกับตัวสินค้าหรือบริการ เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคอยากให้มี ไม่ว่าจะเป็นบริการหลังการขาย รูปแบบการขายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้บริการใดๆผ่านแอปพลิเคชัน เช่น ระบบและกระบวนการซื้อสินค้าออนไลน์ ระบบการชำระเงิน ระบบการโอนเงิน ระบบการยืนยันตัวตน และอื่นๆ
ตัวอย่างแบรนด์เสื้อผ้า GQ ที่สร้างความโดดเด่นด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้

Source: pantip.com/topic/39374884
องค์ประกอบของกลยุทธ์
- สินค้าหรือบริการต้องมีความแตกต่างในด้านใดด้านหนึ่ง อาทิ คุณภาพ คุณสมบัติ ประโยชน์ที่ได้รับ ที่ผู้บริโภคต้องรู้สึกจริงๆว่ามันมีความต่างอย่างเห็นได้ชัด
- ต้องมีคุณค่าต่อผู้บริโภค โดยหากผลิตภัณฑ์หรือสินค้าไม่สามารถสร้างให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าได้ จะเสียทั้งความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น และเสียทรัพยากรต่างๆอีกมาก
- ความแตกต่างนั้นต้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มเป้่าหมายนั้นก็ต้องให้ความสำคัญ
- สร้างให้เกิดข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
ขั้นตอนวางแผนกลยุทธ์
- วิเคราะห์ SWOT เพื่อหาจุดแข็งที่ได้เปรียบของบริษัท เช่น การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การทำวิจัยและพัฒนา จุดขายที่โดดเด่น ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
- กำหนดเลือกใช้กลยุทธ์ด้านความแตกต่าง
- ทำการวิจัยเพื่อหาสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาในเชิงคุณค่าในแต่ละกลุ่มตลาด
- เลือกคุณค่าที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
- ระบุขอบเขตของธุรกิจให้ชัดเจน
- วางคอนเซปต์หรือแนวคิดเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย
- ทดสอบแนวคิดว่าคุณค่าที่เกิดขึ้นนั้น กลุ่มเป้าหมายต้องการหรือไม่
- เมื่อแนวคิดนั้นเป็นที่ยอมรับก็ได้เวลาของการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย
- ทดสอบสิ่งที่ได้ทำการวิจัยและพัฒนาว่า สามารถสนองกลุ่มเป้าหมายต้องการมากน้อยเพียงใด
- วางแผนและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
การที่บริษัทหรือองค์กรจะใช้กลยุทธ์ผู้นำด้านความแตกต่างนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจในตัวลูกค้าอย่างแท้จริง ผู้นำต้องมีความคิดแบบก้าวหน้า กล้าคิด กล้าทำ มีทีมงานที่เข้มแข็งทั้งในด้านวิจัยและพัฒนา ผสมผสานกับความคิดเชิงสร้างสรรค์ และความแข็งแกร่งในโครงสร้างของธุรกิจ โดยหากองค์กรไหนสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำในตลาดด้านความแตกต่างโดยสมบูรณ์