Photo_of_Subscribe_Card_on_Envelopes

รูปแบบธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากความสามารถในการสร้างรายได้ที่คาดการณ์ได้ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยเราจะเห็นค่อนข้างมากในธุรกิจที่ให้บริการด้านสตรีมมิ่ง ไปจนถึงธุรกิจซอฟต์แวร์ที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการสมัครสมาชิก หรือแม้แต่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์อื่นๆก็กำลังปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจไปสู่รูปแบบ Subscription Model ในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านมาเรียนรู้วิธีการปรับธุรกิจไปสู่รูปแบบ Subscription Model เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์หากธุรกิจของคุณ กำลังพิจารณาการทำธุรกิจในแนวทางนี้กันอยู่ครับ

ธุรกิจแบบ Subscription Model

รูปแบบธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) เป็นกลยุทธ์การกำหนดราคา ที่ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นประจำ (เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี) เพื่อให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างต่อเนื่อง แทนที่จะซื้อเพียงครั้งเดียว โดยลูกค้าจะผูกมัดกับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากรายได้ที่เกิดขึ้นแบบซ้ำๆ โดยมีประโยชน์ที่มองเห็นได้ชัด ดังนี้

ประโยชน์สำหรับธุรกิจ

  • กระแสรายได้ที่คาดการณ์ได้ – รายได้ที่เกิดขึ้นแบบซ้ำๆจะช่วยคาดการณ์เรื่องกระแสเงินสด และการวางแผนทางการเงินได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
  • การรักษาลูกค้า – ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระยะยาว และลดความจำเป็นในการหาลูกค้าใหม่ๆ
  • มูลค่าตลอดอายุของลูกค้า (CLV) – อัตราการชำระเงินจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แทนที่จะเป็นการขายเพียงครั้งเดียว
  • ข้อมูลเชิงลึก – ช่วยรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมได้ง่ายขึ้น เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ
  • โอกาสในการขายเพิ่ม – มีช่องทางสำหรับการตั้งราคาแบบเป็นลำดับชั้น (Tiered Pricing) และบริการเสริมที่มีมูลค่าเพิ่ม

ประโยชน์สำหรับลูกค้า

  • ความสะดวกสบาย – ที่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการ ได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องเสียแรงซื้อซ้ำ
  • การประหยัดค่าใช้จ่าย – มักจะถูกกว่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับการซื้อครั้งเดียว
  • การปรับให้เป็นส่วนตัว – ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มี

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนการขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบ Subscription Model

แม้ว่าการเปลี่ยนไปใช้รูปแบบธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) จะสามารถปลดล็อกแผนรายได้ในระยะยาว และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ แต่ก็จำเป็นต้องมีรากฐานที่มั่นคง มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด และการทำงานร่วมกันภายในองค์กร และนี่คือสิ่งที่คุณต้องประเมินก่อนตัดสินใจไปสู่ธุรกิจแบบ Subscription Model

1. ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์หรือบริการ

ไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์หรือบริการจะเหมาะสมกับ Subscription Model ไปซะทั้งหมด โดยคุณอาจต้องตั้งคำถามกับตัวเองดูครับว่า

  • สินค้าที่เราขายมีการใช้งานซ้ำ หรือมีความต้องการอย่างต่อเนื่องหรือไม่
  • เราอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สื่อ การนำเสนอคอนเทนต์ ซอฟต์แวร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ฟิตเนส การศึกษา เครื่องมือทางการตลาด และบริการที่ผู้คนต้องพึ่งพาเป็นประจำหรือไม่
  • หากผลิตภัณฑ์เป็นการใช้งานครั้งเดียวหรือซื้อไม่บ่อยนัก อาจเป็นเรื่องยากที่จะคิดค่าบริการแบบรายเดือน เว้นแต่คุณจะจัดเป็นชุด (Bundle) เพิ่มบริการพิเศษ (Exclusive Serviece) หรือต้องการเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ในรูปแบบต่างๆ
Photo_of_a_Woman_Holding_Tablet

2. พฤติกรรมและจิตวิทยาของลูกค้า

การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากก่อนที่จะนำเสนอ Subscription Model โดยจำเป็นต้องคำนึงว่า

  • พวกเขาจะมองว่ามันสะดวกหรือเป็นภาระมากกว่ากัน
  • พวกเขากำลังมองหาความเรียบง่าย ความแปลกใหม่ การเข้าถึง การประหยัดค่าใช้จ่าย หรือประสบการณ์ระดับพรีเมียม มากน้อยขนาดไหน
  • คุณอาจต้องให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการสมัครสมาชิกนั้นอาจไม่เป็นที่นิยม ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
  • สำรวจลูกค้าหรือทำการทดลอง (Market Survey / Research) เพื่อดูว่า มีความสนใจและความเต็มใจที่จะจ่ายหรือไม่

3. การกำหนดราคาและมูลค่าที่รับรู้

ราคาการสมัครสมาชิกต้องสอดคล้องกับมูลค่า ที่ลูกค้ารับรู้ได้ตลอดเวลาไม่ใช่แค่ ณ เวลาที่ซื้อ ด้วยการปรับมุมมองเรื่องราคาโดยเน้นที่การเข้าถึง ความอุ่นใจ หรือความเป็นเอกสิทธิ์แบบเฉพาะ แทนที่จะเป็นตัวผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว เพราะหากลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้รับในสิ่งที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมในทุกๆเดือน พวกเขาอาจจะตัดสินใจยกเลิกได้ในทันที และควรพิจารณาการเสนอราคาแบบเป็นลำดับชั้น (Tiered Pricing) มีข้อเสนอเบื้องต้น หรือการเพิ่มคุณค่า (เช่น การสนับสนุนลูกค้า)

4. ความพร้อมด้านการดำเนินงานและทางเทคนิค

Subscription Model ส่งผลกระทบต่อระบบหลังบ้านในการทำงานทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์ ระบบคำสั่งซื้อ การเรียกเก็บเงิน การสนับสนุนลูกค้า และการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ โดยลองตั้งคำถามและวางแผนดูว่า

  • คุณมีระบบที่พร้อมสำหรับการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ การคาดการณ์สินค้าคงคลัง และการรักษาลูกค้าหรือไม่
  • ลองพิจารณาเครื่องมือต่างๆอย่าง แพลตฟอร์มการจัดการการสมัครสมาชิกและการเรียกเก็บเงิน (เช่น Stripe, Chargebee, Recurly, Zoho Billing, Gartner) ว่าเรามีความพร้อมที่จะใช้งานมากน้อยขนาดไหน
  • คุณจะต้องมีระบบการแจ้งเตือน การสนับสนุนลูกค้า และการรักษาลูกค้าที่เป็นระบบอัตโนมัติ
Photo_of_Software_Engineer_Coding

5. กลยุทธ์การปรับปรุง Content และเสนอคุณค่าอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกต้องการการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า โดยต้องวางแผนเรื่องการพัฒนาและปรับปรุง Content อยู่ตลอด คุณจะนำเสนอคุณค่าอะไรในแต่ละรอบการเรียกเก็บเงิน เพื่อให้ลูกค้ายังคงสมัครสมาชิกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการเสริมเพิ่มเติม หรือกิจกรรมต่างๆ เพราะความเบื่อหน่ายอาจนำไปสู่การยกเลิกสมาชิกได้ทุกเมื่อ

6. ข้อกฎหมาย ภาษี และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมาพร้อมกับข้อพิจารณาด้านกฎหมาย และข้อบังคับที่ไม่เหมือนใคร โดยคุณต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดในการให้บริการ นโยบายการคืนเงินหรือการยกเลิก และการจัดการความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่ออายุสมาชิกแบบอัตโนมัติ) โดยผลกระทบทางภาษีก็จะแตกต่างกันไปใ นแต่ละประเทศและประเภทผลิตภัณฑ์

7. ความพร้อมด้านการตลาดและการสื่อสาร

Subscription Model ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงด้านราคา แต่เป็นการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาด และการใช้ข้อความในการสื่อสาร โดยคุณจะต้องปรับกรอบคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณใหม่ โดยเน้นไปที่ผลประโยชน์ระยะยาว ความสะดวกสบาย หรือเน้นความภักดี และการตลาดของคุณควรจะต้องสื่อสารให้เห็นถึงสิ่งเหล่านี้

  • ทำไมลูกค้าต้องสมัครสมาชิกแทนที่จะซื้อครั้งเดียว
  • อะไรทำให้สิ่งนี้คุ้มค่าที่ลูกค้าจะยอมจ่ายเงินในทุกๆเดือน
  • ลูกค้าจะได้รับอะไรที่เป็นเอกสิทธิ์แบบเฉพาะหรือสิทธิพิเศษบ้าง
Photo_of_a_Woman_Reading_Email_from_Smartphone

8. ความเสี่ยงของการเลิกใช้งานและแผนการรักษาลูกค้า

ด้วยหัวใจสำคัญของธุรกิจแบบสมัครสมาชิกนั้น “ไม่ใช่แค่การหาลูกค้าใหม่” แต่คือ “การรักษาลูกค้าเดิมไว้” โดยต้องตั้งคำถามว่า “เราจะรักษาให้ผู้คนมีส่วนร่วม สร้างความพึงพอใจ และสร้างความภักดีได้อย่างไร” เพื่อไม่ให้เกิดการเลิกใช้งานและคุณพร้อมที่จะใช้กลยุทธ์ต่างๆเหล่านี้แล้วหรือไม่ เช่น

  • การปรับให้เป็นส่วนตัว (Personalization)
  • การนำเสนอความพิเศษหรือโบนัสต่างๆ
  • การการโอกาสขยายฐานลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • การส่งอีเมล์เพื่อส่งข้อเสนอที่ดึงให้ลูกค้ากลับมาแบบซ้ำๆ

9. การคาดการณ์ทางการเงินและกระแสเงินสด

Subscription Model มักจะทำให้อัตราการทำกำไรในช่วงแรกช้าลง เนื่องจากคุณต้องใช้จ่ายไปกับการหาลูกค้าใหม่ แต่จะได้รับรายได้เข้ามาทีละน้อย คุณจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับ ภาวะกระแสเงินสดติดขัดในช่วงแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังเปลี่ยนจากรูปแบบการขายครั้งเดียว ไปเป็นรายได้ประจำแบบรายเดือน (Monthly Recurring Revenue – MRR) และคุณจำเป็นต้องจำลองการคำนวณเรื่องต่างๆ ดังนี้

Photo_of_Financial_Graph

10. การปรับทีมและวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกัน

การเปลี่ยนไปใช้ Subscription Model จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดของทั้งบริษัท โดยต้องมีความพร้อม ดังนี้

  • ทีมขายอาจเปลี่ยนจากการ “ปิดการขายครั้งเดียว” ไปเป็นการ “รักษาความภักดี” ให้มากยิ่งขึ้น
  • ทีมผลิตภัณฑ์ต้องคิดในเชิงของ “การพัฒนา” และมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
  • “การสนับสนุนลูกค้า” จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาลูกค้า
  • “ปรับ KPIs” ในทุกแผนกให้มุ่งเน้นไปที่มูลค่าตลอดชีวิตของลูกค้า (Customer Lifetime Value – CLV) อัตราการเลิกใช้งาน (Churn Rate) และการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement)

รูปแบบของ Subscription Model

Subscription Model ไม่ได้มีรูปแบบเดียวแบบตายตัว ซึ่งแต่ละรูปแบบก็ได้รับการออกแบบมา เพื่อส่งมอบคุณค่าในรูปแบบที่แตกต่างกันที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ประเภทผลิตภัณฑ์ หรืออุตสาหกรรม ดังนี้

1. การสมัครสมาชิกแบบเข้าถึง (Membership Model)

รูปแบบที่ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นประจำ เพื่อเข้าถึงบริการการใช้งานแพลตฟอร์ม หรือเข้าถึงเนื้อหาพิเศษแบบไม่จำกัด ตัวอย่างเช่น

  • Netflix และ Disney+ กับการจ่ายค่าบริการรายเดือน เพื่อเข้าถึงคลังภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี และรายการทีวีต่างๆแบบไม่จำกัด และสามารถรับชมได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย
  • Spotify กับการจ่ายค่าบริการรายเดือนเพื่อฟังเพลงพอดแคสต์ และเนื้อหาเสียงอื่นๆแบบสตรีมมิ่งโดยไม่มีโฆษณา (สำหรับสมาชิกพรีเมียม) และยังสามารถดาวน์โหลดเพื่อฟังแบบออฟไลน์ได้อีกด้วย
  • Headspace กับการจ่ายค่าบริการรายเดือน เพื่อเข้าถึงคอร์สฝึกสมาธิ การทำสติบำบัด และเครื่องมือช่วยในการนอนหลับต่างๆ
  • The New York Times กับการจ่ายค่าบริการรายเดือน เพื่อเข้าถึงบทความ ข่าวสาร บทวิเคราะห์ และเนื้อหาอื่นๆทั้งหมด ทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆสำหรับสมาชิก

เหมาะสำหรับ Digital Content สื่อ การศึกษา ความบันเทิง หรือเครื่องมือต่างๆแบบไม่จำกัด อย่าง Canva, Zoom, Adobe Creative Cloud เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงความหลากหลายของ Features และเนื้อหาต่างๆ

Photo_of_Netflix_Screen_on_TV

2. การสมัครสมาชิกแบบคัดสรร (Discovery Model)

รูปแบบที่ผู้สมัครสมาชิกจะได้รับสินค้า ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะในแบบ Subscription Box โดยส่วนใหญ่มักเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความชอบหรือไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น

  • Birchbox และ Ipsy กับกล่องผลิตภัณฑ์ความงามที่มีตัวอย่างเครื่องสำอาง สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่คัดสรรมาตามโปรไฟล์ความงามของผู้รับ
  • Book of the Month กับบริการคัดสรรหนังสือใหม่ๆตามความชอบของสมาชิก
  • BarkBox กล่องของเล่นและขนมสำหรับสุนัข ที่ปรับให้เหมาะกับขนาดและลักษณะนิสัยของสุนัขแต่ละตัว

เหมาะสำหรับธุรกิจความงาม แฟชั่น อาหาร งานอดิเรก หนังสือ ที่ต้องการเพิ่มความแปลกใหม่ การปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคล และการค้นพบสิ่งใหม่ๆ

Photo_of_Subscription_Box

3. การสมัครสมาชิกแบบเติมสินค้า (Auto-Refill Model)

รูปแบบการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้หมดเป็นประจำโดยอัตโนมัติ ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการสั่งซื้อซ้ำ เน้นความสะดวกสบายและความต่อเนื่อง ในการจัดส่งผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่ลูกค้าใช้เป็นประจำ โดยลูกค้าจะสมัครสมาชิกและกำหนดความถี่ในการจัดส่ง (เช่น ทุกเดือน ทุกสองเดือน) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นถูกส่งมาถึงบ้านโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น

  • Dollar Shave Club และ Harry’s กับบริการจัดส่งใบมีดโกน และผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชายเป็นประจำตามรอบที่ลูกค้าเลือก
  • Amazon Subscribe & Save โปรแกรมของ Amazon ที่ให้ลูกค้าสมัครสมาชิกสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ (เช่น ทิชชู่ สบู่ ผงซักฟอก อาหารสัตว์เลี้ยง) และรับส่วนลดพร้อมการจัดส่งตามกำหนด
  • Chewy ร้านค้าออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่มีบริการจัดส่งอาหาร ขนม และของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงแบบอัตโนมัติ

เหมาะสำหรับของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารเสริม ที่ช่วยเรื่องความสะดวกสบาย การประหยัดเวลา และรักษาความสม่ำเสมอ

Photo_of_Amazon_Subscribe_&_Save_Banner

Image Source: https://www.aboutamazon.com/


4. การสมัครสมาชิกตามปริมาณการใช้งาน (Pay-as-you-go Model)

รูปแบบการ “จ่ายเท่าที่ใช้” ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ลูกค้าจ่ายค่าบริการ ตามปริมาณการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ แทนที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมคงที่รายเดือนหรือรายปี ตัวอย่างเช่น

  • AWS (Amazon Web Services) บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่คิดค่าบริการตามปริมาณการใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูล จำนวนการประมวลผล
  • Twilio แพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านคลาวด์ ที่คิดค่าบริการตามจำนวนข้อความ SMS ที่ส่ง จำนวนนาทีการโทร หรือการใช้งาน API อื่นๆ
  • Zapier เครื่องมือเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นแบบอัตโนมัติ ที่คิดค่าบริการตามจำนวน “Zaps” (Automatic Workflow) ที่ถูกเรียกใช้งานในแต่ละเดือน

เหมาะสำหรับบริการระบบคลาวด์ สาธารณูปโภค การใช้ข้อมูล API ซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่น และความยุติธรรม

Photo_of_Twilio_SMS_Pricing

Image Source: https://www.twilio.com/en-us/sms/pricing/us


5. การสมัครสมาชิกแบบหลายระดับชั้น (Freemium to Premium Model)

รูปแบบการกำหนดราคาที่นำเสนอแผนการสมัครสมาชิกหลายระดับ โดยแต่ละระดับจะมีคุณสมบัติ ฟังก์ชันการทำงาน หรือปริมาณการใช้งานที่แตกต่างกัน และมีราคาที่แตกต่างกันไป หัวใจสำคัญของรูปแบบนี้ คือ การดึงดูดผู้ใช้จำนวนมากด้วยข้อเสนอ “ฟรี” (Freemium) และจากนั้นจึงกระตุ้นให้ผู้ใช้เหล่านั้นอัปเกรดไปยังแผน “พรีเมียม” (Premium) ที่มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • Canva มีแผนฟรีที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Template และเครื่องมือออกแบบพื้นฐานได้ ส่วนแผนแบบ Pro และ Enterprise จะมี Premium Template เครื่องมือขั้นสูง และฟังก์ชันการทำงานร่วมกันที่มากขึ้น
  • Zoom มีแผนแบบฟรีๆที่จำกัดระยะเวลาการประชุมและจำนวนผู้เข้าร่วม ส่วนแผนแบบ Pro, Business และ Enterprise จะมีระยะเวลาการประชุมที่นานขึ้น จำนวนผู้เข้าร่วมที่มากขึ้น และคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการจัดการประชุม
  • LinkedIn มีบัญชีพื้นฐานที่ใช้งานได้ฟรี ส่วน LinkedIn Premium Career, Business, Sales Navigator และ Recruiter Lite จะมีเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยในการหางาน พัฒนาธุรกิจ หรือหาผู้สมัครงานได้ดียิ่งขึ้น

เหมาะสำหรับธุรกิจ Software-as-a-Service (SaaS), Marketing Tools แพลตฟอร์มด้าน Content ต่างๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกและความสะดวก ในการเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ใหม่ พร้อมกับช่องทางในการอัปเกรด

Photo_of_Canva_Pricing_Table

Image Source: https://www.canva.com


6. การสมัครสมาชิกชุมชนหรือกลุ่ม (Community or Membership Club Model)

รูปแบบที่เน้นการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง การได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะ และการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่มีความสนใจหรือเป้าหมายเดียวกัน ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นประจำเพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์เหล่านี้ ซึ่งมักจะรวมถึงเนื้อหาพิเศษ การสร้างเครือข่าย และประสบการณ์ร่วมกัน ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและในชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น

  • Patreon แพลตฟอร์มที่ช่วยให้แฟนๆสามารถสนับสนุน Creator ที่ตนชื่นชอบได้ โดยการจ่ายเงินรายเดือนเพื่อแลกกับการเข้าถึงเนื้อหาพิเศษ รวมถึงการพูดคุยโดยตรงกับ Creator และสิทธิพิเศษอื่นๆ
  • Soho House เครือข่ายคลับส่วนตัวสำหรับคนในวงการสร้างสรรค์ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าใช้คลับต่างๆทั่วโลก เข้าร่วมกิจกรรมเฉพาะสมาชิกและสร้างเครือข่ายกับคนในวงการเดียวกัน
  • MasterClass แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญและคนดังในสาขาต่างๆ สมาชิกสามารถเข้าถึงคลาสเรียนทั้งหมด รวมถึงชุมชนสำหรับผู้เรียน
  • กลุ่มแฟนคลับแบบมีค่าสมาชิก เช่น ศิลปิน นักเขียน หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจสร้างกลุ่มแฟนคลับแบบมีค่าสมาชิก เพื่อให้แฟนๆได้รับเนื้อหาพิเศษ การเข้าถึงเบื้องหลัง หรือโอกาสในการพูดคุยกับพวกเขาโดยตรง

เหมาะสำหรับบรรดา Creator กลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง แบรนด์ระดับหรู หรือพวกที่เน้นไลฟ์สไตล์ ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ ความพิเศษ การเชื่อมโยงทางอารมณ์

Photo_of_MasterClass_Landing_Page

Image Source: https://www.masterclass.com/


7. การสมัครสมาชิกแบบบริการ (Service-Based Model)

รูปแบบที่ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นประจำ เพื่อเข้าถึงบริการอย่างต่อเนื่อง แทนที่จะเป็นการจ่ายเงินสำหรับบริการแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น

  • บริการจัดการด้านไอที (Managed IT Services) ธุรกิจจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อให้ผู้ให้บริการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่าย และความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) ลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายสัปดาห์ เพื่อรับการฝึกสอนส่วนตัวตามตารางเวลาที่กำหนด
  • โค้ชด้านสุขภาพ (Wellness Coach) ลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อรับคำแนะนำ การวางแผน และการสนับสนุนด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
  • บริการดูแลบัญชี (Bookkeeping Services) ธุรกิจจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อให้ผู้ให้บริการดูแลเรื่องบัญชีและภาษีเป็นประจำ
  • บริการดูแลสวน (Lawn Care Services) เจ้าของบ้านจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปี เพื่อให้ผู้ให้บริการมาดูแลสวน ตัดหญ้า และบำรุงรักษาตามกำหนด
  • บริการให้คำปรึกษาแบบต่อเนื่อง (Retainer-Based Consulting) ธุรกิจจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อให้ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง

เหมาะสำหรับธุรกิจบริการแบบ B2B ผู้เชี่ยวชาญอิสระ ธุรกิจที่มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ที่มอบความเชี่ยวชาญ สร้างความสัมพันธ์ และความน่าเชื่อถือ

Photo_of_Celebrity_Fitness_Landing_Page

Image Source: https://www.celebrityfitness.com/th/en/personal-training


8. โมเดลแบบผสมผสาน (Hybrid Model)

รูปแบบที่รวมเอาโมเดลการสมัครสมาชิกตั้งแต่ 2 ประเภทขึ้นไปมาใช้ร่วมกัน เพื่อสร้างข้อเสนอที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า โดยมุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหนียวแน่น และเพิ่มความผูกพันของลูกค้าในระยะยาว หัวใจสำคัญของรูปแบบนี้ คือ “การรวมจุดแข็ง” ของโมเดลต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุม และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ตัวอย่างเช่น

  • Peloton (จักรยาน + คลาสเรียน) โดยลูกค้าซื้อจักรยานออกกำลังกาย (ผลิตภัณฑ์) และสมัครสมาชิกเพื่อเข้าถึงคลาสเรียนสดและคลาสเรียนตามต้องการ (บริการแบบเข้าถึง) ทำให้เกิดประสบการณ์การออกกำลังกายที่บ้านที่สมบูรณ์
  • Apple (อุปกรณ์ + iCloud + บริการ) โดยลูกค้าซื้ออุปกรณ์ (ผลิตภัณฑ์) และมักจะสมัครใช้บริการ iCloud สำหรับจัดเก็บข้อมูลและสำรองไฟล์ (บริการแบบเข้าถึง) นอกจากนี้ Apple ยังมีบริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ บริการเพลง Apple Music และบริการอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศของ Apple
  • Adobe (แอปฯ + พื้นที่จัดเก็บ) โดยลูกค้าสมัครสมาชิก Adobe Creative Cloud เพื่อเข้าถึงชุดแอปพลิเคชั่นออกแบบต่างๆ (ผลิตภัณฑ์) ซึ่งมักจะมาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (บริการตามปริมาณการใช้งาน) และอาจมีแหล่งเนื้อหาหรือ Template พิเศษสำหรับสมาชิก
  • Amazon Prime (สินค้า + สื่อ + บริการ) โดยสมาชิก Prime จ่ายค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การจัดส่งสินค้าฟรีและรวดเร็ว (บริการ) การเข้าถึงวิดีโอสตรีมมิ่ง Prime Video และเพลง Prime Music (บริการแบบเข้าถึง) รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ

เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทั้งองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์และบริการที่ไปควบคู่กัน เพื่อมอบความครบวงจร การบูรณาการทุกอย่างให้เป็นหนึ่งเดียว และสร้างให้เกิดประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดี

Photo_of_Peloton_Landing_Page

Image Source: https://www.onepeloton.com/


การจะเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิด โดยที่คุณต้องคำนึงถึงคุณค่าที่จะส่งมอบแบบต่อเนื่อง การมีส่วนร่วมของลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน และความสัมพันธ์ระยะยาว ด้วยการวางกลยุทธ์ การใช้เทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นที่การส่งมอบผลประโยชน์ที่เหมาะสม Subscription Model จึงจะกลายเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืนได้นั่นเอง

Share to friends


Related Posts

รู้จัก Subscription Model รูปแบบธุรกิจที่มาแรง

เราได้เห็นหลายๆธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนมาทำ Subscription Model ซึ่งเริ่มกลายเป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจในแนวใหม่ที่คุ้นตามากขึ้น โดยแบรนด์ระดับโลกที่นำรูปแบบธุรกิจแบบ Subscription นี้มาใช้และเรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็อย่างเช่น Adobe, Netflix, Microsoft, New York Times


รู้จัก Business Model ในรูปแบบต่างๆ

ในทุกครั้งเวลาที่คุณคิดจะเริ่มธุรกิจใหม่ๆก็จำเป็นต้องเริ่มต้นในการเขียนหรือออกแบบรูปแบบธุรกิจ (Business Model) เพื่อให้เห็นภาพโดยรวมอย่างชัดเจนและสิ่งที่ขาดไม่ได้และจำเป็นสำหรับการออกแบบธุรกิจ นั่นก็คือ การเขียนธุรกิจบนผืนผ้าใบ (Business Model Canvas) ซึ่งหากใครทำงานที่เกี่ยวกับการวางแผนองค์กร การออกแบบธุรกิจใหม่ๆ ก็คงจะรู้จักคำนี้เป็นอย่างดี


รู้จัก Business Model Canvas ก่อนการทำธุรกิจ

Business Model Canvas หรือการเขียนแผนธุรกิจบนผืนผ้าใบ คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้เราเข้าใจรูปแบบธุรกิจได้อย่างตรงไปตรงมาและมีโครงสร้าง การใช้ผืนผ้าใบนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับลูกค้าอย่างแท้จริง การเสนอคุณค่าของธุรกิจ ช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า ความสัมพันธ์กับลูกค้า รูปแบบการทำธุรกิจของเราเป็นอย่างไร



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์