Customer_Service_Team_Talking_with_Customers

ด้วยสภาวะตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจต้องกำหนดอย่างชัดเจนว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง และข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใครหรือที่เราเรียกว่า Unique Value Proposition (UVP) จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดความสนใจของลูกค้า สร้างความไว้วางใจ และกระตุ้นยอดขายได้ หากไม่มี UVP ที่แข็งแกร่งธุรกิจก็เสี่ยงที่จะกลมกลืนไปกับฝูงชน ทำให้ยากต่อการดึงดูดและรักษาลูกค้าได้อย่างยาวนาน ในบทความนี้เราจะดูความหมายของ Unique Value Proposition (UVP) ประเภท และวิธีที่ UVP มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของลูกค้ากันครับ

ความหมายของ Unique Value Proposition (UVP)

ข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร (Unique Value Proposition – UVP) คือ ข้อความที่อธิบายว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแก้ปัญหาของลูกค้าอย่างไร มอบผลประโยชน์แบบเฉพาะอย่างไร และแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร และหากจะสรุปให้เห็นภาพ ก็คือ UVP เป็นเหตุผลหลักที่ลูกค้าควรเลือกแบรนด์หนึ่งมากกว่าอีกแบรนด์หนึ่งนั่นเอง โดย UVP ที่แข็งแกร่งจะต้องตอบคำถามสำคัญ 3 คำถามให้ได้ ดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์ / บริการของคุณมอบคุณค่าอะไร
  • ผลิตภัณฑ์ / บริการนั้นแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไร
  • ข้อเสนอของคุณแตกต่างหรือดีกว่าคู่แข่งอย่างไร
AI_Generated_Image_of_Products_on_Table

UVP ไม่ใช่แค่การบอกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณดีอย่างไร แต่เป็นการระบุว่า “ทำไม” ลูกค้าถึงควรเลือกแบรนด์หรือธุรกิจของคุณเหนือคู่แข่ง มันคือการสื่อสารคุณค่าที่ “ไม่เหมือนใคร” ที่คุณมอบให้ลูกค้า ซึ่งคู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบหรือนำเสนอได้ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้

  • ความชัดเจน (Clearity)
    • UVP ควรเข้าใจง่ายและสื่อสารได้อย่างกระชับ
    • ลูกค้าควรเข้าใจทันทีว่าคุณเสนออะไร และพวกเขาจะได้รับประโยชน์อะไร
  • ความเฉพาะเจาะจง (Specificity)
    • หลีกเลี่ยงการใช้คำทั่วไปหรือคำโฆษณาเกินจริง
    • ระบุคุณค่าและประโยชน์ที่คุณมอบให้อย่างชัดเจนและวัดผลได้
  • ความเกี่ยวข้อง (Relavance)
    • UVP ต้องสอดคล้องกับความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าเป้าหมาย
    • ต้องแสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจปัญหาของพวกเขา และมีวิธีแก้ไขที่ชัดเจน

เมื่อเทียบความแตกต่างระหว่าง UVP กับ USP จะสรุปออกมาได้ ดังนี้

  • USP (Unique Selling Proposition)
    • เน้นไปที่คุณสมบัติหรือลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ / บริการ
    • มุ่งเน้นไปที่ “อะไร” ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ / บริการของคุณแตกต่าง
  • UVP (Unique Value Proposition)
    • เน้นไปที่คุณค่าและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
    • มุ่งเน้นไปที่ “ทำไม” ลูกค้าถึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ / บริการของคุณ

Unique Value Proposition (UVP) กับผลกระทบต่อตัวลูกค้า

ข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร (UVP) ที่น่าสนใจ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการรับรู้ และการตัดสินใจของลูกค้าอยู่เสมอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. สร้างการจดจำและความสนใจในทันที

UVP ที่สร้างสรรค์อย่างดีจะดึงดูดความสนใจ และสร้างความประทับใจที่ยาวนาน เปรียบเสมือนตะขอที่ดึงลูกค้าเข้ามาตั้งแต่แรกเห็น ตัวอย่างเช่น คำว่า “Think Different.” ของ Apple ที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังสร้างความรู้สึกพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์อีกด้วย การมี UVP ที่ทรงพลังจะทำให้แบรนด์โดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

2. สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์

UVP ที่แข็งแกร่งจะสะท้อนความปรารถนา (Desirable) และค่านิยมของลูกค้า (Values) Link ที่ไม่ได้แค่บอกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการทำอะไรได้บ้าง แต่ยังบอกว่ามันทำให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไร ตัวอย่างเช่น คำว่า “Just Do It.” ของ Nike ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นให้กับลูกค้าอีกด้วย การมี UVP ที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ จะสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งกับแบรนด์ได้

3. ลดเวลาในการตัดสินใจ

UVP ที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า ทำไมพวกเขาควรเลือกแบรนด์หนึ่งมากกว่าคู่แข่ง UVP เป็นตัวขจัดความคลุมเครือและทำให้กระบวนการตัดสินใจง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น คำว่า “You get fresh, hot pizza delivered to your door in 30 minutes or less – or it’s free.” ของ Domino’s Pizza ที่ขจัดความไม่แน่นอนในการจัดส่งอาหาร และทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น การมี UVP ที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลา ในการเปรียบเทียบตัวเลือกมากมาย

4. ส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์

UVP ที่ชัดเจนจะสร้างความไว้วางใจ (Trust) ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น เมื่อลูกค้าเข้าใจถึงคุณค่าที่แบรนด์มอบให้ พวกเขาจะรู้สึกมั่นใจและเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) Link ตัวอย่างเช่น คำว่า “Expect More Than Coffee.” ของ Starbucks สร้างความเป็นไลฟ์สไตล์ที่นอกเหนือไปจากเครื่องดื่มเท่านั้น นับเป็นสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องการกลับมาสัมผัสอีกครั้ง การมี UVP ที่สร้างความไว้วางใจ จะเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ (Brand Advocacy) Link ในระยะยาว

5. เพิ่มการรับรู้มูลค่า

ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ ที่พวกเขาเห็นว่ามีเอกลักษณ์และมีคุณค่า เมื่อ UVP สื่อสารคุณค่าที่แตกต่างอย่างชัดเจน ลูกค้าจะมองว่าผลิตภัณฑ์นั้นคุ้มค่ากับราคา ตัวอย่างเช่น คำว่า “Art of Travel.” ของ Louis Vuitton วางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็นสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคม ที่สร้างความรู้สึกพิเศษและทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้น เพื่อครอบครองผลิตภัณฑ์ให้ได้ การมี UVP ที่เพิ่มมูลค่าจะช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนดราคาในแบบพรีเมียมได้

AI_Generated_of_Family_Choosing_a_House

ประเภทของ Unique Value Proposition (UVP)

ข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร (UVP) มีประเภทที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ที่สามารถสรุปออกมาได้ ดังนี้

1. UVP ที่เน้นราคา (Price-Based UVP)

UVP ประเภทนี้เหมาะสมกับธุรกิจที่แข่งขันด้านราคา โดยยังคงรักษาคุณภาพในระดับที่ยอมรับได้ นับเป็นข้อเสนอคุณค่าที่เน้นความคุ้มค่าหรือการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมุ่งเน้นไปที่การเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย หรือการมอบส่วนลดและโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจ ถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องงบประมาณว่า แบรนด์นี้เข้าใจความต้องการและพร้อมที่จะมอบความคุ้มค่าสูงสุด ซึ่งเราจะเห็นค่อนข้างมากกับธุรกิจค้าปลีก (Retail) ที่เน้นขายของจำนวนมากและเน้นความคุ้มค่าด้านราคา

ตัวอย่างเช่น Walmart – “Save Money. Live Better.” (ประหยัดเงิน ใช้ชีวิตให้ดีขึ้น) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Walmart เน้นการประหยัดเงินของลูกค้าเป็นสำคัญ และ DIY – “Always Low Prices” (ราคาต่ำอย่างสม่ำเสมอ) ที่เน้นว่าเราขายความประหยัด

Example_of_DIY_Advertising

Image Source: Mr.DIY


2. UVP ที่เน้นคุณภาพ (Quality-Based UVP)

UVP ประเภทนี้เน้นย้ำถึงความประณีต ความทนทาน และความหรูหราของผลิตภัณฑ์หรือบริการ เป็นข้อเสนอคุณค่าที่เน้นคุณภาพที่เหนือกว่า งานฝีมือ หรือวัสดุระดับพรีเมียม ที่มันดึงดูดผู้บริโภคที่มองหาความเป็นเลิศ และพร้อมที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อคุณภาพที่เหนือกว่า โดยเหมาะสมกับแบรนด์ธุรกิจหรู และอุตสาหกรรมที่เน้นเรื่องคุณภาพระดับพรีเมียม

ตัวอย่างเช่น Rolex – “A Crown for Every Achievement.” (มงกุฎสำหรับทุกความสำเร็จ) ซึ่งสื่อถึงความหรูหรา และคุณภาพสูงดูเลอค่า

The_Iconic_Rolex_Coronet_Advertisement

Image Source: https://sellrolexwatchinlondon.blogspot.com/2019/07/the-iconic-rolex-coronet-crown-for.html


3. UVP ที่เน้นความสะดวกสบาย (Convenience-Based UVP)

UVP ประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่การลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาให้กับลูกค้า ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ เป็นข้อเสนอคุณค่าที่เน้นความง่ายในการใช้งาน การเข้าถึง หรือบริการที่รวดเร็ว ส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับธุรกิจ E-Commerce อุตสาหกรรมบริการ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี

ตัวอย่างเช่น Amazon – “Earth’s biggest selection, delivered to your door.” (แหล่งรวมสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งตรงถึงบ้านคุณ) แสดงถึง ความสะดวกในการซื้อของออนไลน์และการส่งถึงบ้าน

Example_of_Amazon_Same_Day_Delivery_Box_at_Door

Image Source: https://www.aboutamazon.com/news/amazon-prime/amazon-same-day-delivery


4. UVP ที่เน้นนวัตกรรม (Innovation-Based UVP)

UVP ประเภทนี้เน้นย้ำถึงความล้ำสมัยและความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ที่มักดึงดูดผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง นับเป็นข้อเสนอคุณค่าที่แสดงถึงเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ คุณสมบัติใหม่ๆ หรือฟังก์ชันการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเราจะเห็นในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ยานยนต์ และสิ่งที่เกี่ยวกับความเป็นนวัตกรรม

ตัวอย่างเช่น Tesla “Electric Cars, Solar & Clean Energy.” (รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานสะอาด) แสดงถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

tesla_model_3_red

Image Source: https://www.digitaltrends.com/cars/best-electric-cars/


5. UVP ที่เน้นประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience-Based UVP)

UVP ประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และการมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ mujสร้างความไว้วางใจ (Trust) และความภักดีจากลูกค้า (Customer Loyalty) ถือเป็นข้อเสนอคุณค่าที่เน้นบริการส่วนบุคคล โปรแกรมความภักดี (Loyalty Program) หรือการดูแลลูกค้า (Customer Service) โดยเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจ ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม (Hotel & Hospitality) ธุรกิจสายการบิน (Airlines) ธุรกิจค้าปลีก (Retail) และบริการทางการเงิน (Financial Services)

ตัวอย่างเช่น Zappos – “Delivering Happiness.” (ส่งมอบความสุข) แสดงถึงการมุ่งเน้นการบริการลูกค้าให้มีความสุขอยู่เสมอ

zappos-philosophy-of-delivering-happiness

Image Source: https://chatra.com/books/customer-service-excellence-examples/02-zappos-and-the-path-to-customer-happiness/


6. UVP ที่เน้นผลกระทบทางสังคม (Social Impact-Based UVP)

UVP ประเภทนี้เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจในประเด็นทางสังคม และต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่มีคุณธรรม ถือเป็นข้อเสนอคุณค่าที่เน้นความยั่งยืน (Sustainability) Link การจัดหาอย่างมีจริยธรรม (Ethical Sourcing) หรือผลกระทบต่อชุมชน (Social Impact) เหมาะสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่กำหนดเป้าหมาย สำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

ตัวอย่างเช่น Patagonia – “We’re in business to save our home planet.” (เราทำธุรกิจเพื่อรักษาโลกบ้านของเรา) แสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม

patagonia-advertising

Image Source: Patagonia.com


7. UVP ที่เน้นการแก้ปัญหา (Problem-Solving UVP)

UVP ประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ เป็นการแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาเหล่านั้น เหมาะสมกับธุรกิจที่ต้องการแสดงให้เห็นถึง ความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาและให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้า

ตัวอย่างเช่น Grammarly เป็นเครื่องมือช่วยเขียนที่ใช้ AI เพื่อตรวจทานและแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ การสะกดคำ และรูปแบบการเขียน ที่ช่วยให้ผู้ใช้เขียนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Grammarly_Landing_Page

Image Source: https://www.grammarly.com

วิธีสร้าง Unique Value Proposition (UVP) ให้แข็งแกร่ง

การสร้างข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร (UVP) ให้มีประสิทธิภาพ ต้องใช้การคิดเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ เรามาดูขั้นตอนที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อสร้าง UVP ที่โดดเด่นสำหรับแบรนด์และธุรกิจของคุณกันครับ

1. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ

การเข้าใจว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณ (Ideal Customers) คือใคร และพวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง (Pain Points) เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการสร้าง UVP ที่มีประสิทธิภาพ คุณต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ อะไรคือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ และอะไรคือสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้รับ จากผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ การวิเคราะห์ข้อมูลประชากร พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าเชิงลึกระดับ Persona Link จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่ง UVP ของคุณให้ตรงกับความต้องการของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ

2. กำหนดผลประโยชน์หลักของคุณ

ระบุข้อดีหลักๆของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้เห็นอย่างชัดเจน ผลประโยชน์เหล่านี้ควรตอบคำถามว่า “ทำไมลูกค้าควรเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ” และ “ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณจะช่วยแก้ปัญหา หรือตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างไร” การเน้นผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดและเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้ UVP ของคุณมีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. วิเคราะห์ UVP ของคู่แข่ง

อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย คือ การตรวจสอบ UVP ของคู่แข่ง เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขากำลังนำเสนออะไรและอย่างไร การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุช่องว่างในตลาด และสร้าง UVP ที่แตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งได้

4. ทำให้ชัดเจนและกระชับ

หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะทางหรือภาษาที่ซับซ้อน พยายามทำให้ UVP ในทุกการสื่อสารของคุณเข้าใจง่ายและกระชับ โดยลูกค้าควรเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าคุณกำลังนำเสนออะไร และพวกเขาจะได้รับประโยชน์อะไร การใช้ภาษาที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา จะช่วยให้ UVP ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. ทดสอบและปรับปรุง

รวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับ UVP ของคุณ และปรับปรุงให้ดีขึ้นตามความจำเป็น การทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่ง UVP ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะความคิดเห็นของลูกค้าจะทำให้ UVP ออกมาตรงกับความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง


สูตรการเขียน Unique Value Proposition (UVP)

เพื่อให้การถ่ายทอดและสื่อสาร UVP ที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์และธุรกิของคุณ ออกมาเข้าใจง่ายและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันก็มีสูตรในการเขียน UVP ที่ง่ายๆให้คุณเริ่มต้นได้ โดยผมขอเรียกว่า UVP Statement ดังนี้

Statement Example
“We help busy professionals stay healthy by delivering fresh, organic meals daily.”
“เราช่วยให้คนทำงานที่ยุ่งๆอยู่ได้ทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยส่งอาหารสดใหม่ กับมื้อออร์แกนิกทุกวัน”


ตัวอย่างแบรนด์ Grammarly

“We help writers improve their writing by providing real-time grammar
and style suggestions.”

“เราช่วยให้นักเขียนปรับปรุงงานเขียนของพวกเขา โดยมอบคำแนะนำด้านไวยากรณ์
และคำแนะนำต่างๆแบบเรียลไทม์”


ตัวอย่างแบรนด์ FedEx

“We help businesses deliver packages quickly and reliably
by providing a global logistics network.”

“เราช่วยให้ธุรกิจต่างๆจัดส่งพัสดุได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้
ด้วยเครือข่ายด้านจัดส่งและกระจายสินค้าระดับโลก”


ตัวอย่างแบรนด์ Spotify

“We help music lovers discover new music by providing personalized
playlists and recommendations.”

“เราช่วยให้คนรักดนตรีค้นพบเพลงใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอเพลย์ลิสต์
และคำแนะนำแบบส่วนตัว”


ข้อเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร (Unique Value Proposition – UVP) ถือเป็นกระดูกสันหลังของกลยุทธ์การวางตำแหน่งของแบรนด์ มันสื่อสารว่าอะไรที่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการโดดเด่น มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลูกค้า และขับเคลื่อนความภักดีต่อแบรนด์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นที่ราคา คุณภาพ ความสะดวกสบาย นวัตกรรม ประสบการณ์ลูกค้า หรือผลกระทบทางสังคม การมี UVP ที่กำหนดไว้อย่างดีจะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จทางธุรกิจนั่นเอง

Share to friends


Related Posts

รู้จัก Brand Loyalty เพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจ

ความภักดีต่อแบรนด์ หรือ Brand Loyalty เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ และเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยผลจากการที่คุณภาพของสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบสนองและช่วยส่งเสริมลูกค้าได้ ซึ่งความภักดีต่อแบรนด์ นับเป็นหนึ่งองค์ประกอบของการสร้างคุณค่าของแบรนด์


วิธีสร้าง Brand Advocacy ให้กับแบรนด์และธุรกิจของคุณ

การทำหรือสร้าง Brand Advocacy ได้กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดในยุคใหม่ไปแล้ว โดย Brand Advocacy นั้นคือการกระตุ้นให้ทั้งตัวพนักงานและลูกค้าให้กลายเป็นกลุ่มคนที่ช่วยขับเคลื่อนแบรนด์ ในรูปแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth) หรือที่เรียกว่า WoM เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ


7 รูปแบบ Customer Satisfaction Guarantee

การรับประกันความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Guarantee) นับเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างธุรกิจของคุณกับคู่แข่งขันในตลาด และยังช่วยเพิ่มโอกาสการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นส่งผลในการสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นต่อตัวสินค้า/บริการ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของธุรกิจของคุณ



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์