Case Study RISK COMMUNICATION DURING THE SARS EPIDEMIC OF 2003 in Vietnam

โรค SARS ในเวียดนามมีสาเหตุมาจากนักท่องเที่ยวจากเวียดนามไปพักที่โรงแรมในฮ่องกง และกลับมาพักรักษาตัวที่โรงแรมในเมืองฮานอย และอาทิตย์ต่อมาก็มีการระบาดไปยังผู้ป่วย พยาบาล หมอ ผู้ที่มาเยี่ยม ทั่วทั้งโรงพยาบาล และระบาดหนักถึงขั้นรุนแรงในช่วง 5 อาทิตย์แรก มีผู้ติดเชื้อจำนวน 63 คน และเสียชีวิต 5 คน โดย 80% เป็นผู้ติดเชื้อใน 8 เขตของเมืองฮานอย ที่เหลือมาจากเขตอื่นๆ ผู้ป่วยทั้งหมดเป็นผู้ที่ทำงานด้านสาธารณสุขและผู้ป่วยที่อยู่ตามสถานพยาบาล การจัดการกับปัญหาโรค SARS ในเวียดนามถือเป็นเคสที่ประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศถึงความร้ายแรงของโรคนี้ ทางเวียดนามก็เตรียมการรับมือกับปัญหานี้โดยทันที

การปกครองของเวียดนามและจีนมีความคล้ายคลึงกันที่ปกครองโดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ แต่แตกต่างกันที่เวียดนามสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องโรคร้ายแรงได้ และยังสามารถทำงานร่วมกันหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับโรค SARS ได้ ข่าวเรื่องโรค SARS ครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม 2003 สองวันหลังจากการประชุมเกี่ยวกับโรค SARS กับองค์การอนามัยโลก และในวันที่ 13 มีนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเกี่ยวกับ SARS ซึ่งถูกระบุว่าไม่ทราบแหล่งที่มาของโรค และในวันที่ 14 มีนาคม ก็ได้มีการออกข่าวทางโทรทัศน์ว่าได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องโรคเพื่อจัดการกับโรคนี้อย่างจริงจัง นับเป็นความท้าทายอย่างสูงสุดของรัฐบาลในการตอบโต้เรื่องโรค SARS ด้วยการดึงกระทรวงต่างๆเข้ามาจัดการอย่างแท้จริง

การสื่อสารและตอบสนองต่อโรค

กระทรวงสาธารณสุขประเทศเวียดนาม เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการสื่อสารความเสี่ยงเกี่ยวกับโรค SARS โดยได้มีการจัดตั้งทีมบริหารจัดการโรค SARS ขึ้นภายใต้การสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและควบคุมโรค SARS ประจำชาติ ใน 61 จังหวัดของประเทศ เวียดนามนับว่าเป็นประเทศที่มีการบริหารจัดการเรื่องการสื่อสารความเสี่ยงและการจัดการเกี่ยวกับโรคที่ดี โดยมีการจัดตั้งแผนการป้องกัน แผนการรักษาอยู่แล้ว และได้ถูกนำมาใช้ในกรณีของโรค SARS อีกทั้งยังมีการวางตัว Spokesperson ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงทั้งชายและหญิง ที่เป็นคนให้ข่าวทั้งในหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ รวมถึงการแถลงข่าวในประเด็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค SARS

คณะทำงานได้จัดแถลงข่าวย่อยทุกๆ 4 โมงเย็นของทุกวัน พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนทุกเวลา โดยสื่อในประเทศเวียดนามถูกควบคุมโดยรัฐบาลที่มีสำนักข่าวเวียดนามและหนังสือพิมพ์นันดัง เป็นสื่อหลักในการเผยแพร่ข่าวสาร รัฐบาลเวียดนามใช้สื่อโทรทัศน์และวิทยุเป็นสื่อหลักในการสื่อสารเรื่องโรค SARS สำหรับ Spot โทรทัศน์นั้นมีการใช้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและวิธีป้องกัน ซึ่งออกอากาศวันละหลายครั้ง ส่วนหนังสือพิมพ์ก็มีลักษณะข่าวสารที่เหมือนกันกับโทรทัศน์ นอกจากนี้ยังมีการใช้วิทยุ แผ่นพับ หนังสือเล่มเล็กๆ ในการถ่ายทอดความรู้และการป้องกันโรค SARS อีกด้วย

สิ่งที่เหมือนกับประเทศจีนอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การใช้ผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ละดับประเทศไปสู่ระดับภูมิภาค มีการใช้ประชาชนและอาสาสมัครที่เป็นเยาวชนรวมถึงทหารเป็นกระบอกเสียงในกระจายข้อมูลเกี่ยวกับโรค SARS

การสื่อสารของเวียดนามนั้นเน้นที่ความรวดเร็วในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค SARS สู่สาธารณชน แม้ว่าข้อมูลข่าวสารในช่วงแรกจะยังไม่ถูกต้องทั้งหมด ตัวอย่างเช่น การบอกประชาชนว่าเป็นไข้หวัดไวรัส B ซึ่งอันที่จริงควรจะมีการตรวจสอบก่อน แต่ความรวดเร็วก็นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสื่อสารภาวะความเสี่ยง


Reference

The University of Hong Kong (2006). RISK COMMUNICATION DURING THE SARS EPIDEMIC OF 2003 (Case studies of China, Hong Kong, Vietnam and Singapore)

Share to friends


Related Posts

Case Study : กลยุทธ์การสื่อสาร กรณีการเกิดโรค SARS ในประเทศจีน ปี 2003

โรค SARS เริ่มระบาดในประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายน 2002 และแพร่กระจายไปยัง 24 จังหวัด ในหลายภูมิภาค ผู้คนติดเชื้อกว่า 5,327 คน ซึ่งเมืองปักกิ่งมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ 2,521 คน และเมืองกวางตุ้งติดเชื้อเป็นอันดับ 2 กว่า 1,500 คน


Case Study : กลยุทธ์การสื่อสาร กรณีการเกิดโรค SARS ในประเทศสิงคโปร์ ปี 2003

โรค SARS เริ่มระบาดในประเทศสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 เมื่อมีสตรี 3 คนเดินทางกลับมาจากฮ่องกงในช่วงที่เกิดการระบาดของโรค โดยหนึ่งในนั้นมีอาการป่วยเป็นไข้ซึ่งไม่รู้สาเหตุทำให้ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล


Case Study : กลยุทธ์การใช้ YouTube กับการสื่อสารไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1

ในช่วงกลางเดือนเมษายน ปี 2009 ได้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่รู้จักในนามไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่ถูกตรวจพบในเด็กชาวแคลิฟอเนียอายุเพียง 10 ขวบ และมีการแพร่กระจายไปยังประเทศเม็กซิโกและกระจายไปอย่างรวดเร็วจนถึงประเทศสหรัฐอเมริกา



Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *


copyright 2024@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์