ceo-on-interview-session-with-press

เมื่อคราวก่อนผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับการ “ขอโทษอย่างไรให้ได้ใจกลับมา” (Apology Statements) Link ที่สามารถเปลี่ยนจากความผิดพลาดจนอาจพลิกฟื้น สู่การสร้างความไว้วางใจได้อีกครั้ง และในบทความนี้ผมจะมาอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Apology Statement Template ว่า หากจะเขียนหรือร่างคำแถลงการณ์สำหรับการขอโทษ ควรจะเขียนออกมาอย่างไร ควรมีโครงสร้างอย่างไร และจะนำไปใช้ในสถานการณ์ใดได้บ้าง

5 ประเภทของ Apology Statement

เมื่อพูดถึงการสร้างคำขอโทษที่มีประสิทธิภาพ การใช้รูปแบบเดียวกับทุกสถานการณ์ย่อมไม่เหมาะสมครับ เพราะลักษณะของความผิดพลาด กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ และช่องทางที่ใช้ ล้วนมีอิทธิพลต่อวิธีการสื่อสารคำขอโทษที่แตกต่างกัน โดยในภาพรวมแล้วคำขอโทษมีหลักๆอยู่ 5 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประเภท Apology Statement

การใช้งาน

โทนเสียง

กลุ่มเป้าหมาย

คำขอโทษแบบองค์กรอย่างเป็นทางการ

(Corporate Formal)

เมื่อเกิดข้อผิดพลาดด้านนโยบาย ปัญหาด้านผลิตภัณฑ์ หรือบริการล้มเหลว

ความเป็นมืออาชีพ

สาธารณชน / ลูกค้า

คำขอโทษส่วนตัวในฐานะผู้นำ

(Leadership Personal)

เมื่อเกิดการประพฤติมิชอบ คำพูดที่ไม่เหมาะสม ความล้มเหลว

ทางศีลธรรม

ความนอบน้อม

สาธารณชนทั่วไป / พนักงาน

คำขอโทษที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

(Customer-Centric)

เมื่อเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย

เช่น ความล่าช้า คำสั่งซื้อผิดพลาด

เป็นมิตรและพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ลูกค้าแต่ละราย

คำขอโทษในภาวะวิกฤต /

การคำนึงถึงกฎหมาย

(Crisis / Legal-Aware)

เมื่อเกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพ การละเมิดความปลอดภัย

ปัญหาด้านกฎระเบียบ

ระมัดระวัง / โปร่งใส

หน่วยงานกำกับดูแล / สาธารณชน

คำขอโทษแบบเป็นกันเองบน

โซเชียลมีเดีย

(Social Media Friendly)

การตอบสนองอย่างรวดเร็ว

สำหรับเหตุการณ์ทั่วๆไป

สั้นๆแต่จริงใจ

ผู้ติดตาม / สาธารณชน

คำขอโทษแบบองค์กรอย่างเป็นทางการ (Corporate Formal) เหมาะสำหรับปัญหาขนาดใหญ่ เช่น การละเมิดนโยบาย การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ หรือการหยุดชะงักของบริการ คำแถลงเหล่านี้ควรใช้น้ำเสียงที่เป็นมืออาชีพ และมุ่งเป้าไปที่สาธารณชนทั่วไปหรือฐานลูกค้า โดยปกติจะเผยแพร่ผ่านการแถลงข่าว จดหมายอย่างเป็นทางการ หรือประกาศบนเว็บไซต์

คำขอโทษส่วนตัวในฐานะผู้นำ (Leadership Personal) จะใช้เมื่อบุคคลสาธารณะ ผู้บริหาร หรือหัวหน้าทีม มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดด้วยตนเอง เช่น การแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม หรือการตัดสินใจทางจริยธรรมที่ผิดพลาด คำแถลงเหล่านี้จำเป็นต้องฟังดูมีความเป็นมนุษย์และดูนอบน้อม โดยยอมรับความรับผิดชอบส่วนบุคคล และมุ่งเป้าไปที่สาธารณชนหรือทีมงานภายใน ที่รู้สึกผิดหวังหรือได้รับผลกระทบ

คำขอโทษที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) ใช้สำหรับปัญหาในการดำเนินงานในแต่ละวัน เช่น การจัดส่งล่าช้า คำสั่งซื้อผิดพลาด หรือประสบการณ์การบริการที่ไม่ดี คำขอโทษประเภทนี้ควรมีน้ำเสียงที่อบอุ่น และพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยเน้นที่ความเห็นอกเห็นใจและการแก้ไขปัญหา และโดยปกติจะส่งถึงลูกค้าแต่ละราย อาจส่งผ่านอีเมล์หรือการแชทพูดคุย และมักจะมาพร้อมกับของกำนัลเล็กๆน้อยๆ

คำขอโทษในภาวะวิกฤต / การคำนึงถึงกฎหมาย (Crisis / Legal-Aware) ใช้ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือผลกระทบทางกฎหมาย เช่น การละเมิดข้อมูล การปนเปื้อน หรือความเสี่ยงด้านสาธารณสุข คำแถลงเหล่านี้ต้องระมัดระวังและโปร่งใส โดยรักษาน้ำเสียงที่แสดงความรับผิดชอบ กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ หน่วยงานกำกับดูแล องค์กรทางกฎหมาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสาธารณชนทั่วไป

คำขอโทษแบบเป็นกันเองบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Friendly) สร้างขึ้นเพื่อการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ต่อกระแสต่อต้านหรือคำวิจารณ์จากสาธารณะบนโลกออนไลน์ คำขอโทษเหล่านี้ต้องสั้น จริงใจ และเข้าใจง่าย โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ติดตามหรือผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียโดยทั่วไป ควรเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Twitter, Facebook หรือ Instagram และมักจะปักหมุดไว้หรือมาพร้อมกับรูปภาพ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนและมีส่วนร่วมได้มากที่สุด

ceo-reading-statement-at-podium

สูตรโครงสร้างสำหรับคำขอโทษ (Apology Formula)

6_Apology_Formula

ไม่ว่าจะเป็นการขอโทษอย่างเป็นทางการหรือแบบไม่เป็นทางการ คำขอโทษที่มีประสิทธิภาพมักจะประกอบด้วย 6 ส่วนนี้

  1. การรับทราบปัญหา (Acknowledgment)
    เริ่มต้นด้วยการระบุปัญหา และยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
  2. การแสดงความเสียใจ (Expression of Regret)
    กล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ และแสดงความเสียใจอย่างตรงไปตรงมา การใช้คำว่า “ขอโทษ” หรือ “เสียใจ” ถือเป็นสิ่งสำคัญ
  3. การยอมรับความรับผิดชอบ (Acceptance of Responsibility)
    ยอมรับว่าความผิดพลาดนั้นเกิดจากคุณ หรือองค์กรของคุณโดยตรง หลีกเลี่ยงการโทษผู้อื่นหรือหาข้อแก้ตัว การยอมรับความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กลับมาได้
  4. คำอธิบาย (Explanation)
    ถ้าจำเป็นต้องอธิบายก็ให้ทำอย่างกระชับและตรงประเด็น โดยมุ่งเน้นที่การให้บริบทไม่ใช่การแก้ตัว
  5. การดำเนินการแก้ไขหรือขั้นตอนต่อไป (Corrective Action / Next Steps)
    บอกให้ชัดเจนว่าคุณจะทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก หรือชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น การแสดงให้เห็นถึงแผนการที่ชัดเจนจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้
  6. การเชิญชวนให้สนทนาต่อ (Invitation to Continue)
    เปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถพูดคุย หรือให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้ แสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะรับฟัง และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่าง Corporate Formal Apology

กรณีตัวอย่าง: บริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่งเครือข่ายล่มทั่วประเทศเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ทำให้การให้บริการล้มเหลว ที่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าจำนวนมา

การใช้น้ำเสียง: มีความเป็นมืออาชีพ สุขุม จริงใจ

โครงสร้าง

  • หัวข้อ / ชื่อเรื่องที่เป็นทางการ
  • การกล่าวถึงปัญหาอย่างชัดเจน
  • การยอมรับความรับผิดชอบโดยไม่โยนความผิด
  • การระบุมาตรการแก้ไขที่เฉพาะเจาะจง
  • การเปิดโอกาสให้ติดต่อสอบถาม
  • ลงชื่อ

หัวข้อ: ขออภัยสำหรับเหตุการณ์เครือข่ายขัดข้อง

เมื่อวันที่ [_______] เครือข่ายโทรศัพท์มือถือของเรา ประสบปัญหาขัดข้องอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วประเทศ เราต้องขออภัยอย่างจริงใจสำหรับความไม่สะดวก และการไม่สามารถใช้บริการได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

เราขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทีมงานด้านเทคนิคของเรา ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินการติดตั้งระบบสำรองใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

เราให้ความสำคัญกับความไว้วางใจของคุณ และมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้นในอนาคต

หากมีข้อสงสัยใดๆโปรดติดต่อเราได้ที่ [อีเมล์หรือเบอร์โทรศัพท์]

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

[ชื่อ]
[ตำแหน่ง]
[บริษัท]


ตัวอย่าง Leadership Personal Apology

กรณีตัวอย่าง: ซีอีโอคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม ระหว่างการถ่ายทอดสด

การใช้น้ำเสียง: แสดงความอ่อนน้อม ตรงไปตรงมา ตระหนักถึงอารมณ์ความรู้สึก

โครงสร้าง

  • ขึ้นต้นด้วยคำสรรพนามส่วนตัว (“ผม” หรือ “ดิฉัน” ไม่ใช่ “เรา”)
  • แสดงความสำนึกผิดและการใคร่ครวญ
  • ยอมรับความผิดพลาดอย่างชัดเจน
  • แบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้
  • สรุปขั้นตอนต่อไปหรือการเปลี่ยนแปลงที่จะทำ

ผม / ดิฉันขออภัยอย่างจริงใจ สำหรับความคิดเห็นที่พูดไป ในระหว่างการถ่ายทอดสดเมื่อคืนนี้

คำพูดของผม / ดิฉันไม่เหมาะสม และเป็นการเพิกเฉยต่อความรู้สึกต่อผู้อื่นที่ต้องเผชิญ ผม / ดิฉันพูดโดยไม่คิด
และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความเจ็บปวดที่ได้ก่อขึ้น

ผม / ดิฉันขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ผม / ดิฉันได้ใช้เวลาในการรับฟังและไตร่ตรอง และขอให้คำมั่นว่าจะทำได้ดีขึ้น โดยจะเริ่มต้นด้วย [การกระทำ]

ผม / ดิฉันขอขอบคุณผู้ที่ได้ทักท้วงให้ผม / ดิฉันตระหนักถึงความผิดพลาดครั้งนี้


ตัวอย่าง Customer-Centric Apology (ไม่เป็นทางการ)

กรณีตัวอย่าง: แบรนด์สกินแคร์ส่งผลิตภัณฑ์ผิดให้แก่ลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งสาเหตุมาจากเกิดจากคำสั่งซื้อล่าช้า รวมถึงปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ ส่งผลให้เกิดการร้องเรียนจากลูกค้า

การใช้น้ำเสียง: อบอุ่น เข้าถึงง่าย มุ่งเน้นการบริการ

โครงสร้าง

  • ยอมรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น
  • คำอธิบายสั้นๆ
  • เสนอการชดเชยหรือวิธีแก้ไข
  • ระบุชื่อ

สวัสดีคุณ [ชื่อลูกค้า]

ทางเราต้องขออภัยจริงๆครับ / ค่ะ ที่คุณได้รับสินค้าผิดในคำสั่งซื้อ ซึ่งเป็นความผิดของเราโดยสิ้นเชิง

เราได้จัดส่งสินค้าที่ถูกต้องให้คุณแล้ว พร้อมของขวัญเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นการขอโทษสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น

ขอบคุณสำหรับความอดทน และการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนสกินแคร์ของเรานะครับ / ค่ะ หากมีสิ่งใดให้เราช่วยเหลือเพิ่มเติม โปรดแจ้งให้เราทราบได้เลยครับ / ค่ะ

ทีมงาน [ชื่อแบรนด์]


ตัวอย่าง Crisis / Legal-Aware Apology

กรณีตัวอย่าง: แบรนด์อาหารเผชิญกับปัญหาการปนเปื้อนและต้องเรียกคืนสินค้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย การละเมิดจริยธรรม จนนำไปสู่การฟ้องร้อง

การใช้น้ำเสียง: แสดงความรับผิดชอบ ระมัดระวัง สร้างความมั่นใจ

โครงสร้าง

  • กล่าวถึงเหตุการณ์ตามข้อเท็จจริง
  • แสดงความห่วงใย
  • กล่าวถึงการสืบสวนหรือการให้ความร่วมมือ
  • เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยแ ละการให้ข้อมูลล่าสุดอย่างต่อเนื่อง

เราได้รับทราบรายงานเกี่ยวกับการปนเปื้อน ที่อาจเกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์ [ชื่อผลิตภัณฑ์] บางรุ่นแล้ว

ขณะนี้เรากำลังให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเราได้ดำเนินการเรียกคืนสินค้าในทันที ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานผู้ป่วยก็ตาม แต่เราก็ดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

เราเสียใจที่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความกังวล และยังคงยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

โดยเราจะแจ้งข้อมูลล่าสุดทางเว็บไซต์ และสายด่วนของเราที่ [ลิงก์ / เบอร์โทรศัพท์]


ตัวอย่าง Social Media Friendly Apology

กรณีตัวอย่าง: แบรนด์แฟชั่นปล่อยแคมเปญ ที่มีภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมทางวัฒนธรรม จนนำไปสู่กระแสต่อต้านจากสาธารณะ คำวิจารณ์ที่กำลังเป็นประเด็น การร้องเรียนที่กลายเป็นไวรัล

การใช้น้ำเสียง: รวดเร็ว จริงใจ เป็นกันเอง

โครงสร้าง

  • ยอมรับปัญหาต่อสาธารณะ
  • กระชับแต่มีความหมาย
  • หลีกเลี่ยงการตั้งรับหรือแก้ตัว
  • ปักหมุด (Pin) หรือเน้นโพสต์ให้เด่นชัด

ทางแบรนด์ของเรายอมรับว่า แคมเปญล่าสุดของเรามีภาพที่ไม่เหมาะสม และสร้างความไม่พอใจให้หลายๆฝ่าย และเราขอรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

โดยเรารับฟัง เรียนรู้ และทำการปรับปรุงกระบวนการภายใน เพื่อตรวจสอบงานต่างๆของเราทันที


โดยสรุปแล้วคำขอโทษ (Apology) ได้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ที่สามารถช่วยฟื้นฟูความน่าเชื่อถือ แสดงถึงวุฒิภาวะ และสะท้อนถึงคุณค่าของแบรนด์ โดยหากคุณได้เรียนรู้การใช้ Apology Statement Template ก็จะช่วยให้คุณตอบสนองในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมนั่นเอง


Share to friends


Related Posts

ขอโทษอย่างไรให้ได้ใจกลับมา (Apology Statements) ศาสตร์แห่งการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อใจ

ในโลกที่ทุกอย่างนั้นแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นตัวของแบรนด์ ธุรกิจ หรือบุคคลทั้งที่เป็นบุคคลสาธารณะ และบุคคลธรรมดาๆ ก็สามารถแพร่กระจายได้บนโลกออนไลน์เพียงแค่เสี้ยววินาที และวิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การจัดการกับ “การขอโทษ” (Apology) ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าความไว้วางใจ ในระยะยาวว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ และการขอโทษนั้นก็ไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง โดยการขอโทษในบางรูปแบบก็ให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่า บางรูปแบบเป็นการขอโทษที่ดูทางการ ในขณะที่บางรูปแบบดูมีความจริงใจและแสดงถึงความรับผิดชอบ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความโกรธ แต่ยังสามารถสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นใหม่ได้


กลยุทธ์และศาสตร์แห่ง “ข้อแก้ตัว” (Excuses) กับการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดในการบริการ ความล่าช้าของการออกผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ข้อร้องเรียนจากลูกค้า ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ทว่าในทุกวิกฤตการณ์ก็ย่อมมีสิ่งดีๆ หรือโอกาสซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า “ข้อแก้ตัว” (Excuses) ที่หลายๆคนอาจจะงงว่า “ข้อแก้ตัว” หรือ “การขอโทษ”


การสื่อสารเชิงกลยุทธ์กับ Stakeholders เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุน ลูกค้า และสาธารณชน

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในเชิงธุรกิจ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ใช่แค่เพียงผู้ชม แต่พวกเขาเป็นผู้มีอิทธิพลต่อเรื่องราวของแบรนด์ทั้งหมด (Brand Story) ที่ส่งผลกระทบต่อผลกำไร ซึ่งนับว่ามีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสำเร็จในระยะยาว และการใช้รูปแบบการสื่อสารเพียงแบบเดียวสำหรับทุกคน จะไม่เพียงแต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้อีกด้วย ตั้งแต่การจัดทำรายงานไปจนถึงการสื่อสารในภาวะวิกฤต หากธุรกิจมีความสามารถในการปรับแต่งข้อความสำหรับการสื่อสาร



triangle
copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์