
ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตามทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ เรื่องของการสื่อสารก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดมาโดยตลอดครับ ยิ่งในยุคโซเชียลมีเดียที่อะไรต่างๆนั้นแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วแบบนาทีต่อนาทีกันเลยทีเดียว ทำให้แบรนด์นั้นยิ่งต้องใส่ใจกับคำว่าการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าพร้อมกับโปรโมทชื่อเสียงและเรื่องราวต่างๆของแบรนด์ไปในตัว และในปัจจุบันนั้นก็ต้องบอกว่าทุกธุรกิจจำเป็นต้องนำเรื่องของการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนองค์กรและทุกๆหน่วยของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆครับ สำหรับบทความนี้ผมจะสรุปให้เห็นถึงวิธีสร้างการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายต่างๆให้มีประสิทธิภาพที่สุด เรามาดูกันเลยครับว่ามันมีวิธีอะไรดีๆกันบ้าง

Brand Communication ช่วยอะไรได้บ้าง
ก่อนที่จะไปถึงเรื่องวิธีการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ผมขอบอกถึงประโยชน์สักเล็กน้อยครับว่าทำไมการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) นั้นมีความสำคัญค่อนข้างมากกับการทำธุรกิจในปัจจุบัน โดยหลักๆนั้นจะมี 3 ข้อด้วยกัน ได้แก่
- มันช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มผู้ฟังหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าพวกเขาคือใคร รวมถึงชัดเจนในตำแหน่งของแบรนด์คุณในตลาด เพื่อที่คุณจะได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนั่นก็มาจากการฟังในสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อหาคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับพวกเขา เพื่อเพิ่มความประทับใจนั่นเองครับ
- พัฒนาสินค้าหรือบริการให้ดีขึ้นจากปัญหาที่ลูกค้าพบเจอ และอาจจะกลายเป็นช่องทางในการหาโอกาสในการสร้างสินค้าหรือบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอนาคตได้ จนกลายเป็นคุณค่าของแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
- ควบคุมคุณภาพและการบริหารต้นทุนทางการตลาด โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการทำกิจกรรมที่ไม่ใช่หรือไม่เกี่ยวข้อง
วิธีในการสร้าง Brand Communication ให้มีประสิทธิภาพ
การให้คำนิยามและคำจำกัดความของความเป็นตัวตนของแบรนด์ จะเป็นกุญแจสู่การวางแผนการสื่อสารที่ดีที่สุดครับซึ่งมันหมายถึงการที่แบรนด์เข้าไปมีส่วนกับเรื่องของการสื่อสาร เพื่อสร้างบางสิ่งและเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้เกิดขึ้นกับตัวลูกค้า และเราจะมาดูวิธีของการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ให้ออกมาดีแบบมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆกันครับ
1. รู้จัก Persona ของลูกค้าคุณเอง
หากจะพูดให้ถูกภาษาก็ต้องรู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสารที่แท้จริงของคุณ และ Persona ของลูกค้านั้นคือคำตอบครับ เพราะมันมีส่วนประกอบของบุคลิกลักษณะของลูกค้ารวมไปถึงความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณออกแบบคอนเทนต์ โทน/น้ำเสียง เพื่อใช้ประกอบในการทำเครื่องมือทางการตลาดรูปแบบต่างๆ

2. อะไรคือจุดเด่นของคุณ
เรากำลังพูดถึงคุณค่าที่แบรนด์มอบให้กับลูกค้าและตำแหน่งของแบรนด์ (Brand Positioning) ที่ชัดเจน โดยจุดเด่นที่ว่านั้นไม่ใช่แค่คุณขายอะไรแต่มันหมายถึงสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งขันในตลาดครับ เช่น แบรนด์คุณเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม แบรนด์คุณโดดเด่นด้านบริการหลังการขาย แบรนด์คุณเป็นแบรนด์ที่มีแนวทางการทำธุรกิจแบบ CSV
พอคุณรู้จุดเด่นของแบรนด์ตัวเองแล้วก็อย่ารีรอที่จะสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้
3. หาบุคลิกภาพของแบรนด์ให้เจอ
อยากให้มองถึงความเชื่อมโยงระหว่าง Persona ของลูกค้าเพื่อให้เห็นว่าคุณจะสามารถเชื่อมโยงการสื่อสารกับลูกค้าด้วยบุคลิกภาพของแบรนด์ (Brand Personality)
ที่คุณมีและเป็นตัวของคุณได้อย่างไร ที่จำเป็นต้องสื่อสารแบบมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันเพื่อที่จะได้เลือก โทน/น้ำเสียง/คำพูด/ข้อความ/สื่อ/ช่องทางการสื่อสาร ได้ถูกต้องและเหมาะสม และทั้งหมดมันก็คือการพูดภาษาเดียวกันกับลูกค้านั่นแหละครับ
4. แสดงความแท้จริงและความซื่อสัตย์ของแบรนด์
ทุกวันนี้ลูกค้าต้องการพูดคุย สร้างความสัมพันธ์อันดี และมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ที่แสดงความจริงใจและความเป็นตัวตนที่แท้จริง ซึ่งมันก็สะท้อนมาจากคุณค่าของแบรนด์ (Brand Values) ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการสื่อสารผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ ลองนึกดูครับว่าแบรนด์ของคุณเคยประกาศว่าตัวคุณเองคือใคร แบรนด์คุณเกิดมาเพื่อใคร และแบรนด์คุณจะทำอะไรเพื่อพวกเขาเหล่านั้น โดยทั้งหมดจะวัดผลได้ด้วยการกระทำที่สะท้อนออกมาในการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารทุกรูปแบบครับ เช่น หากแบรนด์ของคุณเป็นแบรนด์ที่ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรจากธรรมชาติ คุณก็ต้องแสดงและเชื่อมโยงจุดนั้นให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อต่างๆให้พวกเขารับรู้อย่างต่อเนื่องให้ได้
5. เน้นรูปแบบการสนทนา
การสื่อสารที่ดีไม่ใช่คือพูดอย่างเดียวแบบการสื่อสารทางเดียว แต่การสื่อสารสมัยใหม่นั้นจะเน้นในเรื่องของการสนทนาหรือการพูดคุยที่สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณในฐานะแบรนด์มีความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้ากำลังสื่อสาร หากลูกค้ามีปัญหาก็เข้าไปช่วยเหลือ หากลูกค้ารู้สึกไม่ดีก็เข้าไปให้กำลังใจ หากลูกค้าเข้าใจผิดก็หาข้อมูลที่ถูกต้องให้กับลูกค้า ดังนั้นการรับฟังลูกค้าเยอะๆจะช่วยให้คุณสร้างบทสนารวมไปถึงคอนเทนต์ดีๆได้อีกมากมายครับ

6. ทำให้แบรนด์มีอยู่ทุกที่ทุกทาง
หาช่องทางโปรโมทแบรนด์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ โดยวัตถุประสงค์นั้นก็คือการทำให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นได้ยินและจดจำชื่อแบรนด์ รวมไปถึงสินค้าหรือบริการที่แบรนด์นำเสนอซึ่งต้องวางแผนให้เกิดความต่อเนื่องของการสื่อสาร ไม่ว่าจะการทำบล็อก การโพสต์บนโซเชียลมีเดีย การส่งอีเมล์ เป็นต้น
7. เข้าไปอยู่ในความทรงจำลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็ว
การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ให้ประสบความสำเร็จด้วยการเชื่อมโยงความรู้สึกทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าให้ได้รวดเร็วที่สุด เพื่อเปลี่ยนจากการรู้จัก (Awareness) แบบธรรมดาให้กลายเป็นความเชื่อมั่น (Trust) จนไปสู่แบรนด์อันเป็นที่รัก (Love) ซึ่งทั้งหมดนั้นก็มาจากความเชื่อมโยงทั้งคุณสมบัติของสินค้า คุณค่าที่มอบให้กับลูกค้า การส่งมอบสิ่งดีๆให้กับลูกค้า ความใส่ใจลูกค้า และความต่อเนื่องของการสื่อสารกับลูกค้า

8. เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์
เป้าหมายสูงสุดของการสื่อสารก็ไม่ต่างจากการตลาดครับ นั่นก็คือการโน้มน้าวจูงใจให้ลูกค้ากลายมาเป็นผู้สนับสนุนและบอกต่อ (Advocacy) ให้กับแบรนด์ นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่แบรนด์ทำนั้นต้องสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับลูกค้า และการสื่อสารซึ่งมันก็มีหลายวิธีครับเพื่อทำให้ลูกค้านั้นแชร์หรือบอกต่อผ่านกิจกรรมและการสื่อสารรูปแบบต่างๆ เช่น กิจกรรมแชร์เรื่องราวความประทับใจจากการใช้สินค้าหรือบริการ กิจกรรมการแข่งขันต่างๆเพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างคอนเทนต์ด้วยตัวเอง (User-generated content)
9. ทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
ในโลกออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถหาข้อมูลของแบรนด์ได้แบบไร้ขีดกั้น ยิ่งทำให้ความสำคัญของการสื่อสารนั้นต้องใส่ใจกับการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงและการแสดงความจริงใจไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น อย่าให้สิ่งที่คุณสื่อสารออกมาในฐานะแบรนด์ว่าคุณดีแต่เบื้องหน้าแต่เบื้องหลังกลับกลายเป็นคนละอย่างจากที่คิดครับ โดยเราจะเห็นจากหลายๆกรณีที่แบรนด์สัญญาในเรื่องต่างๆเอาไว้ซะดิบดี แต่หลายๆการกระทำและหลายๆสิ่งมันกลับเป็นอีกแบบที่เราได้เห็นผ่านสื่อและโลกโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
10. อย่าลืมกำหนดตัวชี้วัด
ท้ายที่สุดแล้วก็หนีไม่พ้นการกำหนดตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมครับ โดยเฉพาะมันเป็นเรื่องของกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ที่คุณออกแบบการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ที่จำเป็นต้องกำหนดเป็นวัตถุประสงค์หรือ KPIs ให้ชัดๆกันไปเลยเพื่อวัดผลความสำเร็จของทั้งผลงานและทีมงานครับ เช่น
- การแชร์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย
- จำนวนคอมเม้นท์บนโซเชียลมีเดีย/วีดิโอ/เว็บไซต์
- ความพึงพอใจของลูกค้า เช่น มีการรีวิว มีการให้เรทติ้ง
- Conversion rate ต่างๆ
การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์หลายๆปัจจัย โดยอย่างน้อยนั้นก็ต้องรู้จักตัวเองให้มากที่สุดและต้องเข้าใจลูกค้าให้ได้มากที่สุดครับ ไม่เช่นนั้นคุณก็คงจะไม่สามารถวางแผนและทำการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ให้ออกมาดีได้แน่นอนครับ