การทำการตลาดผ่านอีเมล์ (Email Marketing) ยังคงมีความสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในปัจจุบันอยู่เสมอครับ โดยมีหลากหลายข้อมูลสนับสนุนในเรื่องของการสร้างอัตราการเปิดอ่าน (Open Rate) โอกาสการเปลี่ยนไปสู่ยอดขาย (Conversion Rate) อัตราการคลิกเข้ามายังลิ้งค์นั้นๆ / การเยี่ยมชม (Click-Through Rate) อัตราการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) รวมไปถึง ROI ที่ค่อนข้างมาก และในบางครั้งก็อาจจะมากกว่าสื่อโซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มด้วยซ้ำไป นั่นเป็นเหตุผลที่ธุรกิจทั้ง B2B และ B2C ยังคงนำ Email Marketing มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลของสินค้าหรือบริการ และยังนำมาเป็นช่องทางในการทำโปรโมชั่นอยู่เสมอ เพราะเสน่ห์อย่างหนึ่งของอีเมล์นั้นก็คือจะเป็นกลุ่มคนที่สนใจในข้อมูลของแบรนด์ สินค้าหรือบริการอย่างแท้จริง ซึ่งมาจากการที่ผู้ที่สนใจสมัครรับข้อมูลข่าวสารต่างๆไม่ว่าจะผ่านหน้าเว็บไซต์หรือจากช่องทางอื่นๆนั่นเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากเนื้อหาที่เหมาะสมครบถ้วนถูกต้องและตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้อ่านแล้ว นั่นก็คือ “หัวเรื่อง / ชื่อเรื่อง” (Subject) หรือบางคนอาจเรียกว่าหัวข้อเรื่อง เพราะหากเนื้อหาในอีเมล์ที่คุณนำเสนอจะน่าสนใจมากขนาดไหน แต่ถ้าชื่อเรื่องไม่ดึงดูดใจก็จะไม่มีคนเปิดอ่านนั่นเองครับ ผมจึงได้รวบรวม 10 เทคนิคการเขียนชื่อเรื่องอีเมล์ให้เกิด Email Open Rate หรือโอกาสที่จะเกิดการเปิดอ่านอีเมล์มากที่สุดมาฝากกันครับ
10 เทคนิคที่ช่วยให้ชื่อเรื่องอีเมล์ดูน่าเปิดอ่านมากที่สุด
ก่อนที่จะไปถึงเทคนิคทั้ง 10 ข้อนั้นผมอยากให้ดูสถิติที่น่าสนใจจาก Backlinko บริษัทด้านการทำ SEO Strategy ระดับโลก ซึ่งทำการวิเคราะห์อีเมล์กว่า 12 ล้านฉบับทั่วโลกว่า ความยาวของชื่อเรื่องหรือ Subject Line สำหรับอีเมล์นั้นควรมียาวขนาดไหนถึงจะเหมาะสมมากที่สุด
จากข้อมูลที่เห็นบอกได้ว่าชื่อเรื่องอีเมล์ที่มีจำนวนตัวอักษรต่ำกว่า 15 ตัวอักษรนั้นมีอัตราการตอบสนองหรือการเปิดอ่านน้อยที่สุด เพราะเนื่องจากผู้อ่านไม่สามารถเข้าใจหรือไม่ให้ความสำคัญว่าอีเมล์ฉบับนี้คืออะไร ต้องการจะสื่ออะไร สำคัญมากขนาดไหน ซึ่งอาจส่งผลให้อีเมล์ฉบับนั้นขาดประสิทธิภาพตั้งแต่แรกเริ่มครับ โดยหากจะเขียนชื่อเรื่องอีเมล์ให้เกิดโอกาสการเปิดอ่านได้มากที่สุด ก็ควรเขียนชื่อเรื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 36 – 50 ตัวอักษรนั่นเอง เช่น
- 1 – 15 ตัวอักษร (รายละเอียดไม่เพียงพอต่อความสนใจ)
- กลยุทธ์การตลาด
- คอร์สการตลาด
- 36 – 50 ตัวอักษร (รายละเอียดที่เข้าใจมากขึ้น)
- กลยุทธ์การตลาดระดับเทพที่ทำให้คู่แข่งตามไม่ทัน
- คอร์สด้านการตลาดที่จะช่วยให้ยอดขายพุ่งกระฉูด 40%
เมื่อเรารู้แล้วว่าชื่อเรื่องอีเมล์ที่เหมาะสมนั้นควรมีกี่ตัวอักษร ก็ได้เวลามาดูกันแล้วครับว่า 10 เทคนิคดีๆที่จะช่วยให้ชื่อเรื่องอีเมล์ดูน่าเปิดอ่านมากที่สุด มีอะไรกันบ้าง
1. สร้างให้เกิดความสงสัย
เทคนิคแรกที่ทรงพลังที่สุดเทคนิคหนึ่งคือการสร้างให้ผู้อ่านเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าคุณกำลังจะนำเสนออะไร โดยทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำไมเรายังไม่รู้หรือมองข้ามไปให้หันกลับมาสนใจ เช่น
- “ความลับ” ที่จะทำให้คุณต่อราคา Supplier ได้มากที่สุด
- สิ่งที่ผู้รับเหมา “ไม่เคยบอก” ให้คุณรู้ที่ทำให้คุณประหยัดงบได้หลายสิบเท่า
2. เอาข้อมูล / สถิติ / ตัวเลขต่างๆเข้าสู้
แม้ว่าการตลาดสมัยใหม่จะใช้การนำเสนอเชิงอารมณ์เป็นหลัก แต่ในบางครั้งการใช้เหตุและผลกับการทำธุรกิจด้วยการนำเสนอสถิติ ตัวเลข Case Study ต่างๆ หรือผลวิจัยอะไรก็ตามที่ช่วยให้เกิดประโยชน์กับผู้อ่านและธุรกิจ ก็ช่วยให้อีเมล์ฉบับนั้นมีโอกาสการเปิดที่สูงมากขึ้น เช่น
- เราสร้างยอดขายให้คุณได้ “50-70%” ด้วยเงินลงทุนเพียง 10,000 บาท
- เราสร้าง “ROI ได้มากกว่า 30% ให้ 18 ธุรกิจชั้นนำ” ได้ภายใน 3 เดือน
3. ดึงดูดด้วยการเล่าเรื่อง
อันที่จริงการเล่าเรื่องราวอาจจะดูเข้ากับคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอซะเป็นส่วนใหญ่ หรืออาจเหมาะกับการเล่าอะไรยาวๆที่เป็นประวัติหรือที่มาที่ไปของธุรกิจบนหน้าเว็บไซต์ แต่หากลองนำมาปรับแต่งสักเล็กน้อยให้เข้ากับชื่อเรื่องสำหรับอีเมล์ ก็จะเป็นการเปิดทางไปสู่การเปิดอ่านเรื่องราวที่คุณอธิบายในอีเมล์ได้ดีมากขึ้นครับ เช่น
- นี่คือวิธีที่เรา “พลิกวิกฤตธุรกิจ” ให้กลายเป็นผลกำไรทะลุร้อยล้าน
- จาก “ต้นทุนเพียง 10,000 บาท ไปสู่อาณาจักร 1,000 ล้าน” แบบไร้คู่แข่ง
4. ช่วยให้หายเจ็บปวด
การนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่อาจจะทำให้ธุรกิจของคุณหยุดชะงักหรือติดขัด จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้อ่านสนใจเปิดดูเพื่อหาวิธีที่จะป้องกันหรือก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้อ่านได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง โดยอาจนำบทเรียนที่คุณเคยเจอมาก่อนและนำเสนอวิธีแก้ปัญหาให้กับผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านอยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างที่จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาเหล่านั้น เช่น
- ข้อผิดพลาดที่ทำให้ “ธุรกิจโดน Blacklist” จากสถาบันทางการเงิน
- เหตุผลที่ผมเสีย “งบโฆษณา 100,000 บาท บน Facebook” โดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย
5. เสนอทางออกที่ดี
เมื่อคุณกำลังประสบปัญหาที่ไม่รู้จะแก้ไขมันอย่างไร การนำเสนอทางออกที่ดีที่ช่วยแก้ไขเรื่องที่เป็นอยู่จะทำให้ผู้อ่านรีบเปิดอีเมล์ของคุณได้ในทันที (มันก็คือการแก้ปัญหาวิธีหนึ่งนั่นแหละครับ) เช่น
- แก้ปัญหา “การจัดเก็บเอกสารที่ไม่เป็นระบบ” ด้วยโซลูชั่นของเรา
- วิธีที่จะช่วย “ให้คุณหยุดเมื่อยหลัง” จากการนั่งทำงานประจำในออฟฟิศ
6. อ้างถึงคนมีชื่อเสียง
เทคนิคนี้ยังใช้ได้อยู่ประจำครับเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วกลุ่มผู้อ่านมักจะมีผู้มีชื่อเสียงในวงการต่างๆเป็นไอดอลในดวงใจ โดยหากนำมาใช้กับชื่อเรื่องอีเมล์ก็จะทำให้เกิดการดึงดูดใจมากเป็นพิเศษ เช่น
- บทเรียนครั้งสำคัญของ “คุณ…………” ที่พลิกโฉมธุรกิจไทย
- วิธีที่ “คุณ…………” ใช้ในบริหารจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. เขียนแบบ Personalized หรือเฉพาะเจาะจงรายบุคคล
มีสถิติชี้ชัดครับว่าการทำการตลาดแบบ Personalized Marketing นั้นสามารถสร้างให้เกิดความประทับใจให้กับลูกค้า จนเกิดโอกาสในการขายที่มากขึ้น และยิ่งเป็นการส่งอีเมล์ที่เฉพาะเจาะจงมาเป็นชื่อของคุณด้วยแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความพิเศษจนต้องกดเข้ามาอ่านครับ เช่น
- สวัสดี “คุณ…………” นี่คือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคุณ
- “คุณ…………” แนะนำให้บริษัทของเราติดต่อขอความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Cloud จากคุณ
8. ตั้งคำถาม
สะกิดต่อมเอ๊ะให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้อ่านถือเป็นเทคนิคที่ยังใช้ได้เสมอ แถมยังเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทบทวนว่าสิ่งที่คุณมีสิ่งที่คุณเป็นมันใช่อย่างที่คิดมากหรือน้อยขนาดไหน เช่น
- คุณกำลัง “ป่วยเป็นโรคไมเกรน” อยู่หรือเปล่า
- ชีวิตจะดีขึ้นได้อย่างไร “หากคุณลดน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม” โดยไม่อดข้าวเลยสักมื้อ
9. สร้างเงื่อนไขแบบเร่งด่วนให้ตัดสินใจ
เทคนิคนี้ถือเป็นหนึ่งใน Fear of Missing Out (FOMO) หรือที่เราเรียกกันว่า การกลัวที่จะไม่ได้หรือไม่มีเหมือนที่คนอื่นๆเขามี ด้วยการกำหนดระยะเวลาให้เกิดการตัดสินใจให้ต้องมีของสิ่งนั้นเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดวันหมดอายุ ราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษในช่วงเวลาจำกัด จำกัดสิทธิ์เฉพาะ 3 คนแรก เป็นต้น เช่น
- คุณมีเวลา “แค่เพียง 2 ชั่วโมง” ก่อนลงปิดลงทะเบียน……
- “399 บาท สำหรับวันนี้เท่านั้น” กับชุดเครื่องครัว 7 ชิ้น ที่จะทำให้การทำอาหารของคุณง่ายขึ้น
10. สร้างเรื่องให้เกิดการถกเถียง
เทคนิคสุดท้ายอาจดูขัดใจสักหน่อยแต่มันก็เป็นเชิงจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งบางอย่างขึ้นในหัวด้วยการแย้งความคิดเดิมที่เราเคยเชื่ออยู่ สิ่งที่เรายังบอกหรือพันธงอย่างแน่ชัดไม่ได้ สร้างความไม่มั่นใจให้กับคุณ หรือตั้งประเด็นให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งนั่นสามารถช่วยให้อีเมล์ของคุณน่าเปิดอ่านได้มากยิ่งขึ้น เช่น
- ธุรกิจออฟไลน์ “กำลังจะเกิดการ Disrupt ครั้งใหญ่ที่สุด” ในโลก
- “อีเมล์ของคุณกำลังถูก Block” ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เป็นอย่างไรครับกับเทคนิคทั้ง 10 อย่างสำหรับการเขียนชื่อเรื่องอีเมล์ ที่ผมเชื่อว่ามันสามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มความน่าสนใจในการทำ Email Marketing ได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องเข้าใจกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายว่าเป็นใคร อยากรู้เรื่องอะไร พวกเขามีปัญหาอะไร เพื่อที่คุณจะนำเสนอทั้งเนื้อหาและชื่อเรื่องได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และยังต้องมีการทดสอบหรือการทำ A/B Testing ด้วยนะครับว่า ชื่อเรื่องต่างๆที่คุณเขียนไปนั้นมันสร้างให้เกิดอัตราในการเปิดอ่าน หรือ Open Rate มากน้อยแค่ไหน แล้วนำมาปรับปรุงให้มันดีขึ้นอยู่ตลอดเวลานั่นเอง