
Landing Page ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆในทุกครั้งที่คุณทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ก็ต้องให้ความสำคัญกับ Landing Page การจะซื้อโฆษณาทั้งบน Google และโซเชียลมีเดีย ก็ต้องลิ้งค์มายังหน้าเว็บไซต์หรือเข้ามาที่หน้า Landing Page หน้าใดหน้าหนึ่ง ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของการมี Landing Page นั้นก็คือการสร้างให้เกิด Conversion บางอย่างหรือที่เราเรียกว่าการเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งไปอีกสถานะหนึ่ง เช่น เชิญชวนให้กดสมัครสมาชิก เชิญชวนให้คนมากดซื้อสินค้า เชิญชวนให้คนกรอกแบบฟอร์มอะไรบางอย่าง สำหรับใครที่เป็นสายการตลาดโดยเฉพาะด้าน Online Marketing น่าจะเข้าใจถึงคำๆนี้เป็นอย่างดี ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในสายการตลาดก็อาจจะงงๆกันอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไรครับเพราะในบทความนี้จะอธิบายและแนะนำถึงเทคนิคดีๆที่จะช่วยให้การทำ Landing Page นั้นเกิดการสร้าง Conversion มากยิ่งขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณครับ

อะไรคือ Landing Page
หลายคนมักจะสับสนและเรียกเว็บไซต์ว่า Landing Page และคิดว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันและบางคนดันเข้าใจผิดว่ามันคืออันเดียวกัน แต่อันที่จริงมันมีความแตกต่างจากเว็บไซต์ครับหากพูดง่ายๆ ก็คือ เว็บไซต์จะแสดงทุกอย่างเกี่ยวกับข้อมูลธุรกิจของคุณทั้งหมด แต่ Landing Page คือหน้าที่ระบุข้อมูลที่คุณอยากจะนำเสนอแบบเฉพาะเจาะจงลงไป โดยเวลาออกแบบเว็บไซต์นั้นแต่ละหน้าก็สามารถเป็น Landing Page ได้ โดยแต่ละหน้าก็จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องการให้เกิดการสมัครสมาชิก ต้องการให้เกิดการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ต้องการให้เกิดการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น
Landing Page อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของโดเมนได้ เช่น AAAA.com/promotion/special-deal-of-the-month หรืออาจจะเป็น Sub-domain ก็ได้เช่น promotion.AAAA.com/special-deal-of-the-month หากสรุปง่ายๆสั้นๆก็คือหน้า Landing Page จะต้องมีการสร้างให้เกิดการกระทำบางอย่าง (Call-to-Action) หรือที่เราเรียกว่า CTAs และมีวัตถุประสงค์แบบเฉพาะเจาะจงชัดเจน ดังนั้นการออกแบบหน้า Landing Page จึงถือว่าสำคัญมาก เพราะมันจะสร้างให้เกิด Conversion ได้ดีกว่าซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสการเกิดยอดขาย โอกาสการเกิด Lead ที่มีคุณภาพ โอกาสการสร้าง ROI ที่คุ้มค่า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ดีกับผู้เยี่ยมชมครับ
ประเภทของ Landing Page
ก่อนที่จะไปเรียนรู้เทคนิคในการสร้าง Landing Page ให้เกิด Conversion เรามาทำความรู้จักกับประเภทของ Landing Page กันก่อนครับ โดยหลักๆจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. Lead Generation
สำหรับ Lead Generation Landing Page นั้นจะไม่ใช่หน้าสุดท้ายของการขายสินค้าหรือบริการ แต่จะเป็นเสมือนประตูไปสู่บางสิ่งหรือนำทางไปสู่อะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า Gated Content ซึ่งมันก็คือ การเปลี่ยนให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้า Landing Page นั้นกลายเป็น Lead เพื่อที่ทีมขายจะได้ติดตามและนำเสนอสินค้าหรือบริการในขั้นต่อไป โดยลักษณะเนื้อหานั้นก็จะเป็นการนำเสนอข้อเสนอต่างๆ ข้อมูลสำคัญต่างๆ พร้อมแบบฟอร์มให้กรอกรายละเอียด หรือเรียกได้ว่า Lead Generation Landing Page สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมอยากที่จะได้รับข้อเสนอนั้นๆจากคุณนั่นเองครับ และทุกครั้งที่มีการกรอกข้อมูลเสร็จสิ้นก็จำเป็นต้องมีหน้า Thank you เพื่อแสดงความขอบคุณและยืนยันว่าทางบริษัทได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว และจะทำการติดต่อกลับโดยด่วนหรือใส่ข้อมูลการติดต่อเพิ่มเติมเข้าไปด้วย เช่น
- ลงทะเบียนเพื่อรับ Promotion สุดพิเศษ
- ลงทะเบียนเพื่อรับ E-book ฟรี
- ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี

Source: exposureninja
หากเปรียบเทียบกับ Marketing Funnel แล้ว Lead Generation Landing Page ก็เปรียบเสมือนกัน Funnel เริ่มต้นในขั้นแรกๆครับ ซึ่งเป็นขั้นการสร้าง Awareness และ Interest
2. Click-Through
สำหรับ Click-Through Landing Page จะต่างกับประเภท Lead Generation ตรงที่จะไม่ได้มีแบบฟอร์มให้กรอก แต่จะเป็นการอธิบายถึงคุณสมบัติ (Feature) และคุณลักษณะ (Attribute) ของสินค้าหรือบริการที่คุณนำเสนอ และใส่ปุ่ม Call-to-Action (CTA) ไว้ด้านล่างเพื่อนำไปสู่หน้าถัดไป ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนั้นมีความสนใจและเริ่มอยากจะเปลี่ยนสถานะของตนเองให้เป็นลูกค้าของคุณ เช่น
- Join now เพื่อทดลองใช้ Platform ฟรี 30 วัน
- คลิกที่นี่ เพื่อรับส่วนลด 20% ในการซื้อสินค้าของเรา
- คลิกที่นี่ เพื่อสั่งซื้อสินค้าของเรา

Source: Hubspot
หากเปรียบเทียบกับ Marketing Funnel แล้ว Click-Through Landing Page ก็เปรียบเสมือนกัน Funnel ในขั้นตอนสุดท้าย เป็นขั้นที่เริ่มเห็นเจตนาชัดเจนโดยมุ่งเน้นไปที่การซื้อ (Purchase) สินค้าหรือบริการ
เทคนิคการสร้าง Landing Page ให้เกิด Conversion
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า Landing Page นั้นแบ่งประเภทใหญ่ๆออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ซึ่งได้แก่ Lead Generation Landing Page และ Click-Through Landing Page ต่อไปเรามาดูกันครับว่าการจะสร้างให้ Landing Page มี Conversion ที่ดีมากขึ้นนั้นต้องทำอย่างไรกันบ้าง
1. ดึงดูดด้วยข้อเสนอพิเศษบางอย่าง
นำเสนอคุณค่าที่ออกมาจากตัวสินค้าหรือบริการของคุณ ด้วยการสร้างข้อเสนอพิเศษอะไรบางอย่างเพื่อดึงดูดให้ผู้อ่านรู้สึกว่า ต้องได้มันไปหรือต้องติดต่อกลับมาหาคุณโดยอาจจะเป็นการเสนอส่วนลด หรือการมอบสิทธิพิเศษบางอย่าง
2. ขึ้นต้นด้วยหัวข้อที่น่าสนใจ
หัวข้อที่ดึงดูดความสนใจนอกจากจะส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ชมแล้ว มันยังส่งผลถึง Quality Score สำหรับการทำ Google Ad ด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเขียนในเชิงกระตุ้นความรู้สึกด้านอารมณ์ และหัวข้อก็จะต้องเป็นการนำเสนอผลประโยชน์บางอย่างที่ผู้เยี่ยมชมไม่อาจจะปฏิเสธได้ ซึ่งจะทำให้ Landing Page นั้นเกิด Conversion ได้ดีมากยิ่งขึ้น

Source: Brand24.com
3. เขียนเนื้อหาแบบกระชับและจับใจ
นอกจากหัวข้อที่น่าในใจแล้วก็อย่าลืมเรื่องของเนื้อหาแบบดึงดูดและจับใจหรือที่เราเรียกว่า Compelling Content โดยต้องใช้คำที่มีพลังเพียงพอ เช่น “ยกระดับธุรกิจของคุณด้วย……” “ตัวช่วยให้งานของคุณสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น……” “ที่สุดแห่งนวัตกรรม……ทดลองด้วยตัวคุณเอง” นอกจากนั้นต้องมีความกระชับไม่ยืดเยื้อ อ่านเข้าใจง่าย ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตัวเองลงไปโดยเน้นข้อเท็จจริง เพื่อสร้างให้เกิด Call-to-Action ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
4. ใส่แบบฟอร์มที่เหมาะสม
เมื่อคุณสร้าง Landing Page แบบ Lead Generation คุณก็จำเป็นต้องสร้างแบบฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูล โดยจำเป็นต้องเก็บรายละเอียดที่จำเป็นของผู้ที่สนใจให้ครบถ้วนเพื่อนำไปส่งมอบข้อมูลแบบ Personalized แต่ก็อย่าให้ผู้ที่สนใจนั้นกรอกข้อมูลเยอะเกินไปนะครับ เพราะมันทั้งเสียเวลาในการพิมพ์และดูยุ่งยากจนเกินไปจนอาจกลายเป็นไม่อยากได้ข้อเสนอของเราไปก็ได้ หลักในการสร้างแบบฟอร์มเก็บข้อมูลนั้นก็มีง่ายๆครับ คือ คุณอยากได้ข้อมูลส่วนไหนไปทำอะไรคุณก็เก็บข้อมูลส่วนนั้น แต่ถ้าไม่ได้ใช้ข้อมูลส่วนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บทุกรายละเอียดทั้งหมดครับ
5. Call-to-Action ที่ใช่
ทุกๆการสร้าง Landing Page จำเป็นต้องกำหนดวัตถุประสงค์ครับ และตัวที่จะทำให้วัตถุประสงค์นั้นสำเร็จก็คือการมี Call-to-Action (CTAs) หรือเราอาจเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า คุณอยากให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ทำอะไรนั่นเอง โดยรูปแบบ Call-to-Action ที่เราเห็นกันจนชินตาก็คือ “ปุ่มให้กด” เพื่อไปสู่ผลลัพธ์บางอย่างไม่ว่าจะเป็น “ปุ่มกดเพื่อส่งข้อมูล” “ปุ่มกดให้ดาวน์โหลด” “ปุ่มกดที่ไปสู่ขั้นตอนต่อไป” หรือ “ปุ่มกดเพื่ออ่านเนื้อหาต่อ” โดยอาจใช้คำให้ดูน่าดึงดูดใจผสมผสานเข้ามาใช้กับการออกแบบ Call-to-Action ก็ได้ และอย่าลืมทำให้ปุ่มกดหรือข้อความนั้นๆดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยนะครับ

Source: free-ebooks.net
6. ใส่ Keyword ที่เหมาะสม
ทุกคนคงทราบกันดีว่า Keyword คือสิ่งสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) และยิ่งเป็นการมุ่งเป้าหมายไปที่เรื่องของการทำ Landing Page เวลาคุณซื้อโฆษณาหรือแม้แต่การจะเป็นการโพสต์บนโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการกดลิ้งค์ต่อมายัง Landing Page ของคุณ ก็จำเป็นต้องกำหนด Keyword ที่สอดคล้องกันกับเนื้อหาที่คุณนำเสนอโดยเอาไปใส่ในโฆษณา รวมถึงโพสต์ต่างๆ และต้องมี Keyword บน Landing Page หน้านั้นๆ เพราะมันจะทำให้โฆษณาของคุณกลายเป็น Quality Ad ที่มีคุณภาพและโอกาสที่จะเกิด Conversion ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวครับ
7. อย่าลืมหน้าขอบคุณ
อย่าลืมครับว่าคำขอบคุณเป็นสิ่งสำคัญเสมอสำหรับการสร้างประสบการณ์ที่ดี โดยเฉพาะเมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือลูกค้าพิมพ์รายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมัครสมาชิก การสอบถามข้อมูล การจองห้องพัก การขอทดลองใช้สินค้าผ่านหน้า Landing Page ที่คุณเตรียมไว้ คุณต้องเตรียมหน้า Thank you page หรือหน้าที่ระบุรายละเอียดว่าเราได้รับข้อมูลหรือข้อความของคุณแล้ว ทางเราขอขอบคุณที่ได้ความสนใจต่อด้วยรายละเอียดที่คุณอยากจะแจ้งหรือที่วางแผนเอาไว้ เช่น
- ขอบคุณที่ให้ความสนใจ E-Book ของเรา ทางเราได้ส่งรายละเอียด E-Book ให้ทางอีเมล์ที่คุณได้ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว
- ขอบคุณที่สมัครรับข้อมูลข่าวสารจากทางเรา ทางเราหวังว่าท่านจะได้รับข่าวสารก่อนใครผ่านอีเมล์ของคุณ

Source: Wordstream
เทคนิคทั้ง 7 น่าจะเป็นประโยชน์และช่วยให้ธุรกิจของคุณ สร้างหน้า Landing Page ที่มีเป้าหมายได้อย่างถูกต้องและชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพื่อสร้างให้เกิด Conversion นั่นก็คือ การออกแบบ UX/UI ที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ ที่ควรนำมาประกอบใช้ในการออกแบบเว็บไซต์แต่ละหน้าด้วยครับ