ในยุคนี้ต้องยอมรับครับว่าในเรื่องของโซเชียลมีเดียและการทำการตลาดออนไลน์ด้วยวีดิโอ (Video Marketing) ได้กลายเป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมและลงตัวที่ก่อให้เกิดพลังอย่างมหาศาล การผสมผสานพลังของทั้งสองอย่างนั้นสามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายได้แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่สร้างให้เกิดการรับรู้ในตัวแบรนด์รวมไปถึงสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ผลลัพธ์ด้านยอดขายในรูปแบบต่างๆ โดยหากคุณสามารถใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด มันจะช่วยให้แบรนด์ของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดีในตลาด และหากคุณสร้างสรรค์คอนเทนต์รูปแบบวีดิโอดีๆบนโลกโซเชียลมีเดียได้แล้วละก็ มันก็จะยิ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตให้กับแบรนด์ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งมันก็มีสถิติจากการศึกษาวิจัยที่น่าสนใจอยู่หลากหลายเรื่องครับและหนึ่งในนั้น ก็คือ คอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอนั้นช่วยให้เกิดผู้เข้าชม (Traffic) ผ่านโลกโซเชียลมีเดียได้มากถึง 82% เลยทีเดียว และจากการศึกษาก็แสดงให้เห็นครับว่าการตลาดโดยการใช้วีดิโอบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (social media) นั้นค่อนข้างทรงพลังเลยทีเดียว โดยหลายๆแบรนด์และหลายๆธุรกิจก็รับรู้ถึงพลังของคอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอที่ส่งผลต่อการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายกันเป็นอย่างดี
เราจะมาร่วมกันถอดรหัสกลยุทธ์เพื่อสร้างคอนเทนต์บนโลกโซเชียลมีเดียที่โดดเด่นและน่าประทับใจกันครับ แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นเรามาดูสถิติที่น่าสนใจและน่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียกันก่อน
- จำนวนคนถึง 6 ใน 10 ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นคือคนผู้ใช้งาน (Active Users) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากกว่า 1 แพลตฟอร์ม
- ผู้ใช้งาน (Active Users) บน Facebook, Instagram และ YouTube นั้นมีมากกว่า 6.59 พันล้านคนทั่วโลก
- ผู้ใช้งาน Facebook มีการคลิกดูโฆษณารูปแบบวีดิโอโดยเฉลี่ย 12 วีดิโอต่อเดือน
- YouTube เป็นเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมและมีการค้นหาผ่าน YouTube เป็นอันดับสองของโลก
- มีรายงานว่ามีคนดูวีดิโอบน YouTube ต่อวันมากกว่า 1 พันล้านชั่วโมง
- ในทุกๆ 1 นาที จะมีการอัพโหลดคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอต่างๆรวมแล้วกว่า 500 ชั่วโมง
- ลูกค้าเข้าไปเยี่ยมเยือนธุรกิจผ่านช่องทาง Instagram มากกว่า 200 ล้านครั้งต่อวัน
- กว่า 87% ของผู้ใช้ Instagram จะเกิดการกระทำ (Action) ในแบบต่างๆเมื่อเห็นการโปรโมทสินค้า
- 50% ของผู้ที่เห็นข้อมูลสินค้าผ่าน Instagram Story มักจะเข้าไปดูสินค้าผ่านเว็บไซต์อยู่ตลอด
- LinkedIn กลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ที่เหมาะกับการสร้าง Lead
- 80% ของผู้ใช้ Pinterest ค้นพบแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขณะติดตาม Network Feed
จากสถิติจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุณไม่สามารถะหลีกหนีโลกโซเชียลมีเดียได้ และจำเป็นต้องวางกลยุทธ์การตลาดโดยมีโซเชียลมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ และทีนี้เราจะมาดูอีกสถิติที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอ ที่เน้นประโยชน์สำหรับการทำ Video Marketing กันครับ
- 65% ของผู้ชมให้คะแนน YouTube ว่าเป็นช่องทางที่ชื่นชอบที่สุดสำหรับการดูวีดิโอ
- 40% ของนักช้อปทั้งหลายซื้อสินค้าหลังจากที่ได้ดูวีดิโอผ่าน YouTube
- Facebook มีคอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอถึง 71% เลยทีเดียว
- วีดิโอแบบถ่ายทอดสด (Live Videos) สร้างการมีส่วนร่วมได้มากกว่าเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับวีดิโอที่ทำเอาไว้ล่วงหน้า
- โพสต์ในรูปแบบวีดิโอกลายเป็นโพสต์แบบที่ไม่ได้ซื้อโฆษณา (Organic Reach) ที่คนเห็นมากที่สุดบน Facebook
- 85% ของผู้ชมจะดูวีดิโอบน Facebook แบบไม่เปิดเสียง
- คอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอจะถูกแชร์ไปมากกว่า 20 เท่า ซึ่งมากกว่าทุกๆคอนเทนต์บน LinkedIn
- 60% ของวีดิโอบน Instagram คือ IG Stories
- สติ๊กเกอร์เพิ่มจำนวนผู้ชม IG Stories บน Instagram ได้ถึง 83%
- 7 จาก 10 ของผู้ใช้งาน Instagram มักจะเลื่อนดูลิ้งค์บน IG Stories เพื่อหาดูสินค้า
- นักการตลาดกว่า 66% ยอมรับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก (ถึงระดับเป็นปรากฎการณ์) กับการสร้างสรรค์วีดิโอบน TikTok
- กว่า 80% ของผู้ใช้จดจำโฆษณาในรูปแบบวีดิโอที่ดูได้ในช่วง 30 วัน
- นักการตลาดกว่า 89% ยอมรับว่าคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอนั้นสร้างความคุ้มค่าด้านการลงทุน (ROI) ได้ค่อนข้างดี
- นักการตลาดกว่า 83% ใช้คอนเทนต์รูปแบบวีดิโอในการสร้าง Lead
- นักการตลาดกว่า 87% บอกว่าคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอ สามารถสร้างให้เกิดการเยี่ยมชม (Traffic) ผ่านเว็บไซต์ได้มากขึ้น
ทั้งหมดก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงควรใช้ประโยชน์จากคอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอนั่นเองครับ และเราจะมาช่วยคุณถอดรหัสการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียในรูปแบบวีดิโอกับ 3 แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมกันครับ
เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายด้วย Facebook Videos คุณต้องรู้ก่อนครับว่าผู้คนนั้นชอบดูวีดิโออะไรที่สนุกสนาน อะไรก็ตามที่มันประทับใจ และมันทำให้หัวใจพองโต บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และนี่คือสิ่งที่คุณต้องนำมาใช้ในการสร้างคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอ ที่มันก็ต้องเชื่อมโยงกับโทนและน้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice) ของคุณด้วยเช่นกันกับเคล็ดลับ ดังนี้
- ผู้ชมส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปดูวีดิโออื่นๆในช่วงไม่ถึง 10 วินาที ดังนั้นคุณจำเป็นต้องใช้ 10 วินาทีแรกในการสะกดผู้ชมให้ได้
- ผู้ชมกว่า 1.5 เท่า จะดูวีดิโอผ่านเครื่องมือสื่อสาร ดังนั้นคุณต้องให้ความสำคัญกับขนาดของวีดิโอที่เหมาะสมกับแต่ละหน้าจอด้วยเช่นกัน
- อย่าลืมครับว่าจากสถิติที่บอกไว้ว่ากว่า 83% ผู้ชมจะดูวีดิโอผ่าน Facebook แบบไม่เปิดเสียง ดังนั้นคุณจำเป็นต้องใส่คำอธิบายหรือคำบรรยายเข้าไปในวีดิโอด้วยทุกครั้ง
- มุ่งเน้นความสำคัญไปยัง 3 วินาทีแรกให้ได้ เพื่อดึงให้ผู้ชมจดจ่ออยู่กับคุณต่อไป
- ใช้ขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสแบบ 1:1 กับการทำ Facebook Videos
- หากเป็นไปได้คุณควรใช้วิธีถ่ายทอดสด (Live) ให้มากที่สุด เพราะมันช่วยสร้างการมีส่วนร่วมได้มากกว่าถึงสองเท่า
- อย่าลืมซื้อโฆษณาในรูปแบบวีดิโอเพราะมันสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น
แม้ว่าวีดิโอบน Facebook นั้นจะยาวได้เป็นชั่วโมง แต่คุณจำเป็นและควรต้องทำให้มันเหลือเพียงไม่เกิน 15 วินาที เพราะยิ่งวีดิโอนั้นสั้นและมีคุณภาพมันจะยิ่งดึงดูดให้ผู้ชมสนใจวีดิโอของคุณไปตลอดจนจบครับ
สำหรับ Instagram นั้นก็เหมาะที่จะทำเป็นวีดิโอเพื่อเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ที่สามารถส่งต่อผู้ชมให้เข้าสู่เว็บไซต์ผ่านการทำคอนเทนต์ การทำ Video Marketing สำหรับ Instagram นั้นสามาถทำได้ออกมาหลากหลายแบบครับ ที่ทำได้ทั้งแบบการโพสต์วีดิโอลงบน Feed รูปแบบ Reels รูปแบบ IG Stories รูปแบบ IGTV และการถ่ายทอดสด (Live) ซึ่งมันก็มีหลากหลายเหตุผลครับว่าทำไม Instagram ถึงเหมาะกับการทำคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอ เช่น หากเป็นวีดิโอง่ายๆสั้นๆก็สามารถใช้ IG Stories เป็นเวลา 15 วินาที นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อโปรโมทวิดีโอที่คุณอัปโหลดไปยังฟีดของคุณได้อีกด้วย หากคุณต้องการทำวีดิโอที่มีความยาวมากขึ้นก็สามารถใช้แบบ IGTV ได้ โดยวีดิโออะไรก็ตามที่มีความยาวเกินกว่า 60 วินาที ก็จะถูกโยกย้ายไปที่ IGTV โดยอัตโนมัติ นั่นทำให้ Instagram กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสดีๆให้กับคนสร้างสรรค์คอนเทนต์รูปแบบวีดิโอ ให้สามารถทำวีดิโอออกมาได้หลากหลายแบบนั่นเอง และ IG Stories กับ Reels ก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่คุ้มค่ามากที่สุดฟีเจอร์หนึ่งเลยทีเดียวครับ ทีนี้เราลองมาดูเคล็ดลับดีๆสำหรับการทำวีดิโอบน Instagram กันครับ
- ใช้รูปแบบสี่เหลี่ยมจตุรัสสำหรับวีดิโอที่โพสต์บน Feed ซึ่งมันช่วยสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมได้มากขึ้นในงบประมาณที่น้อยลง
- ทำให้รูปภาพของคุณมีชีวิตขึ้นมาบน IG Stories โดยที่คุณสามารถใส่สติ๊กเกอร์เข้าไปใน Stories เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้ดีขึ้น
- เพิ่มลิ้งค์เข้าไปใน IG Stories เพื่อโอกาสในการสร้าง Conversion หรือโอกาสการเปลี่ยนเป็นผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ / การติดต่อ / ยอดขาย ที่มากขึ้น
- พยายามทำการตลาดด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่เปิดโอกาสให้สร้างคอนเทนต์ร่วมกัน เพื่อโอกาสในการสร้างการมีส่วนร่วมที่ดีมากยิ่งขึ้น
- ใส่ความสนุกสนานและสร้างแรงบันดาลใจดีๆลงบน Instagram
- ตั้งค่าให้วีดิโอที่ทำเริ่มต้นแบบไม่มีเสียงเพื่อไม่ให้เกิดความรำคาญของผู้ชม โดย Instagram นั้นสามารถกดเปิด / ปิดเสียงได้ภายหลังจากที่คุณโพสต์วีดิโอแล้ว
- ปรับเป้าหมายในการทำวีดิโอให้เหมาะสมกับ Instagram ตัดแต่งให้สั้นและกระชับด้วยเครื่องมือตัดแต่งวีดิโอออนไลน์ซึ่งใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาที และ InVideo ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือตัดแต่งวีดิโอออนไลน์ที่มีฟีเจอร์โดดเด่นและใช้งานง่าย สำหรับการตัดแต่งวีดิโอให้ออกมาดูสวยงาม
- เลือกใช้เพลงที่ติดเทรนด์เพื่อเพิ่มโอกาสการมองเห็นบน Reels ที่มากขึ้น
- อย่าลืมโพสต์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ชมจดจำคุณอยู่ในใจได้อย่างสม่ำเสมอ
YouTube
YouTube เป็นช่องทางที่มีคนดูราว 1 พันล้านชั่วโมงในแต่ละวัน ที่ไม่สามารถมองข้ามสำหรับการวางกลยุทธ์การตลาดได้ การทำการตลาดผ่าน YouTube จึงเป็นสิ่งที่มีค่าอยู่เสมอครับ แม้ว่าวีดิโอนั้นอาจจะไม่ใช่วีดิโอที่ผ่านการตัดต่อมาอย่างสมบูรณ์แบบหรือสวยงามมากที่สุดก็ตาม เพราะมันคือช่องทางในการสร้างความน่าเชื่อถือเป็นหลักมากกว่าการทำอะไรที่เป็นเรื่องของการเกาะติดกระแสอย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน เรามาดูเคล็ดลับดีๆสำหรับการทำวีดิโอบน YouTube กันครับ
- ปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของวีดิโอแล้วฝังลงไปบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมันช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ชมสามารถค้นหาคุณผ่าน Search Engine ต่างๆได้ดีมากขึ้น
- สำหรับวีดิโอบน YouTube นั้นควรทำออกมาให้มีความยาวในระดับหนึ่ง
- อย่าลืมใส่รูปภาพตัวอย่าง (Thumbnail) กับทุกวีดิโอที่คุณทำ เพราะมันช่วยดึงดูดให้ผู้ชมสนใจวีดิโอของคุณมากขึ้น
- ใส่คำอธิบายหรือคำบรรยายลงไปบนวีดิโอของคุณ ซึ่งมันช่วยให้วีดิโอของคุณน่าสนใจและมีโอกาสในการรับชมมากขึ้นกว่า 1.5 เท่าเลยทีเดียว
- ผู้ชมมักจะเปลี่ยนไปดูวีดิโอเรื่องอื่นๆในช่วงเวลาไม่ถึง 10 วินาที ดังนั้นพยายามให้ความสำคัญกับช่วง 3-10 วินาทีแรก เพื่อดึงความสนใจให้ผู้ชมอยู่กับคุณไปตลอด
- ทำวีดิโอให้มีความละเอียดสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดในชื่อเรื่อง Meta Tags และใส่คำบรรยายหรือคำอธิบายต่างๆ เพื่อโอกาสในการติดอันดับ SEO rankings ที่มากขึ้น
บทสรุป
ไม่ว่าจะเป็น LinkedIn, Snapchat, Twitter หรือ TikTok ต่างก็มีความสำคัญพอๆกัน โดยหากคุณสามารถถอดรหัสของแต่ละแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณกับการทำคอนเทนต์รูปแบบวีดิโอ แล้วนำมาคิดและสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้ มันจะช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำวีดิโอให้โดดเด่นได้แล้วครับ
