8 วิธีเพิ่มยอดขายสินค้ากับจิตวิทยาการขาย (Psychology of Selling)

สำหรับใครที่เป็นนักขายและมีเป้าหมายในการทำยอดขายสินค้าซึ่งถือเป็น KPIs ให้กับทั้งตัวเองและบริษัท การมีศิลปะและทักษะในการสื่อสารการเจรจาที่ดีถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดในการปิดการขาย แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ความเข้าใจในเรื่องของจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการขายสินค้านั่นเองครับ (Psychology of Selling) เพราะหากนักขายสามารถเข้าใจถึงปัญหาของลูกค้า เข้าใจถึงความคาดหวัง รู้ว่าอะไรถือสิ่งที่กระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจจนหันมาซื้อสินค้า ก็จะช่วยให้งานขายของคุณนั้นมีเปอร์เซ็นต์ที่จะปิดดีลได้สูงเพิ่มมากขึ้น และมันก็มีเทคนิคที่ส่งผลในเชิงจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นนักขายมือทองได้ ดังนี้

1. คิดในแบบที่ลูกค้าคิดเสมอ

หลายครั้งที่นักขายมักจะมองในมุมของตัวเองเพื่อจะขายสินค้าให้กับผู้ที่สนใจ แต่ลืมมองไปว่าสิ่งที่เรานำเสนอนั้นมันมีค่ามากเพียงพอกับที่ลูกค้ามาเสียเวลาพูดคุยกับเราหรือไม่ ในเบื้องต้นนักขายส่วนใหญ่มักจะนำเสนอข้อดีและคุณสมบัติเด่นของสินค้า ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายนั้นต้องการจะได้ยิน ดังนั้นควรนำเสนอสิ่งที่แก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ลองนำเสนอดูครับว่าสินค้าของเรามันจะช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้นได้อย่างไร ซึ่งนั่นจะสร้างให้เกิดความสนใจในตัวสินค้ามากกว่าเสมอ

2. แสดงให้เห็นว่าสินค้านั้นมีอยู่อย่างจำกัด

พยายามนำเสนอว่าสินค้าของคุณมีอยู่อย่างจำกัดเท่านั้น โดยหากพลาดโอกาสซื้อในครั้งนี้อาจจะไม่มีอีกต่อไปเลยก็ได้ คนเราจะรู้สึกถูกกระตุ้นให้เกิดการกระทำบางอย่างเสมอ เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังเป็นที่สนใจนั้นกำลังจะหายไป โดยเรามักจะเห็นการขายสินค้าที่ใช้จิตวิทยาลักษณะนี้กับโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ที่แสดงให้เห็นว่าเหลือสินค้าเท่าไหร่ในสต็อกสินค้า หรืออาจแสดงระยะเวลาจำกัดสำหรับการลดราคาสินค้าชนิดนี้ เป็นต้น

FOMO Marketing

Source: Agoda.com

3. เล่นกับอารมณ์ของคน

การถูกระตุ้นเชิงอารมณ์มักจะส่งผลดีต่อความเชื่อความศรัทธา จนแปรเปลี่ยนมาเป็นแรงสนับสนุนอยู่เสมอ ดังนั้นคุณควรพยายามทำให้คนที่สนใจสินค้าของคุณนั้นเกิดภาวะแบบรู้สึกช็อคทางอารมณ์ พยายามดึงเขาออกมาให้ห่างจากเรื่องของเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นความสุขความอิ่มเอมใจ หรือแม้แต่ความเศร้า ความเสียใจ โดยหากนำมาปรับใชักับวิธีการนำเสนอหรือวิธีการเล่าเรื่องราว ก็จะช่วยให้คุณปิดการขายได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกวิธีหนึ่ง

4. แสดงให้เห็นแบบชัดๆ ไม่ต้องพูดให้มากความ

คุณอาจทำมากกว่าการบอกคุณสมบัติของสินค้าว่ามันดีเด่นขนาดไหนและช่วยลูกค้าได้อย่างไร ด้วยการแสดงให้พวกเขาเห็นเลยครับว่ามันเข้ามาเติมเต็มคุณลูกค้าได้อย่างไร ในลักษณะของการสาธิต (Product Demo) ผ่านรูปแบบที่เข้าใจง่ายและเห็นภาพได้อย่างชัดเจนอย่างเช่นการทำวีดิโอ หรือหากสามารถสาธิตแบบให้เห็นต่อหน้าได้ก็ยิ่งดี เพราะจิตวิทยาเรื่องหนึ่งได้บอกไว้ว่าการที่ลูกค้าได้เห็นหรือได้สัมผัสอะไรที่เป็นของจริงด้วยการสัมผัสหรือด้วยตาของตัวเองนั้น จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดมากกว่คำพูดหรือคำโฆษณาเสียด้วยซ้ำไป

5. ใช้ Social Proof เพื่อย้ำเตือนความมั่นใจ

หนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับตัวสินค้าที่คุณกำลังนำเสนอ นั่นก็คือ การมีจำนวนยอดขายที่มากมายที่มีการยืนยันด้วยผู้ใช้งานจริง และการมี Social Proof หรือคำยืนยันจากผู้ใช้งานตัวจริง ก็เป็นสิ่งจำเป็นมากกับการขายในยุคสมัยนี้ และช่วยให้คนที่สนใจกลับกลายมาเป็นลูกค้าได้แทบจะทันที โดย Social Proof ก็ทำได้ทั้ง Testimonials หรือการรีวิวการใช้งานสินค้าจากลูกค้า

ใช้ Social Proof เพื่อย้ำเตือนความมั่นใจ

Source: blog.nextsale.io/social-proof-examples

6. ไม่กระตือรือร้นจนเกินเหตุ

หลายๆครั้งการที่นักขายมีความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม จนพยายามปิดการขายให้อยู่หมัดด้วยการใส่ข้อมูลแบบเต็มสูบ พูดแบบไม่หยุด นำเสนอแบบไม่มีช่องว่างให้ถาม มอบสิทธิประโยชน์ให้อย่างมากมาย แม้ว่ามันดูเหมือนจะดีก็ตามแต่ว่ามันสร้างให้เกิดความรู้สึกอึดอัดได้ เพราะสิ่งที่คุณนำเสนอมันอาจจะมากเกินความพอดีไป และอาจสร้างให้เกิดช่องว่างระหว่างการสื่อสารรวมไปถึงความรู้สึกของคน ผู้คนไม่ได้ต้องการจะโดนถล่มด้วยข้อเสนอเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ซึ่งมันมีมุมที่เป็นข้อเสียด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างรุนแรงในทันที จนกลายเป็นการต่อต้านและมองคุณในเชิงลบได้ในที่สุด

7. นำเสนอวิธีการที่ง่ายและรวดเร็ว

เชื่อเถอะครับว่าทุกๆคนย่อมต้องการอะไรที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะในกระบวนการที่กำลังตกลงตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง หลายๆธุรกิจมาตายน้ำตื้นตรงจุดนี้ที่พยายามทำให้วิธีซื้อสินค้านั้นดูสลับซับซ้อนและยุ่งยากมากจนเกินไป ดังนั้นคุณต้องมีวิธีและกระบวนการในการที่ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า มีขั้นตอนที่น้อยลงและรวดเร็วมากที่สุด หากสินค้าของคุณมีกระบวนการการซื้อที่ยุ่งยากหรือขั้นตอนเยอะ ก็ควรมีคำอธิบายระบุให้ชัดเจนว่าลูกค้าต้องทำอย่างไรบ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็ยังดี

8. ไม่ถล่มใส่สินค้าของคู่แข่ง

ในขณะที่คุณกำลังขายสินค้านั้นคุณกำลังอยู่ในโหมดของพนักงานที่เป็นตัวแทนของบริษัท การแสดงความเป็นมืออาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญมากเรื่องหนึ่ง ซึ่งควรแสดงออกมาจากทั้งความคิดเชิงบวก และการสื่อสารแบบสร้างความสัมพันธ์อันดี อย่าเผลอไปพูดอะไรแย่ๆหรือด้อยค่าสินค้าของคู่แข่ง แม้ว่าคุณอยากจะแสดงความดีงามรวมไปถึงความยิ่งใหญ่ของสินค้าคุณ หรือคุณอยากจะปิดการขายให้ได้มากขนาดไหนก็ตาม ในทางจิตวิทยาแล้วนั้นมันอาจแสดงให้เห็นว่าคุณมีความคับข้องใจอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจสร้างความไม่สะดวกใจที่จะคุยกับคนที่กำลังสื่อสารกับคุณ และยังแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพอีกด้วย

หากคุณเป็นนักขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เจนจัดในสนาม ก็ลองนำเทคนิคเหล่านี้ที่ส่งผลต่อจิตวิทยาของคนมาปรับใช้ดู รับรองว่าทักษะที่คุณมีหากนำมาผสมกับความเข้าใจในเรื่องจิตวิทยาของการขายสินค้า มันจะช่วยให้การขายของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ


Share to friends


Related Posts

จิตวิทยาการใช้ตัวเลขกับงานด้านการตลาด (Numbers & Marketing)

สำหรับนักการตลาดทุกๆคนคงจะคุ้นเคยกับการนำเอาตัวเลขมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคา (Pricing) การคิดหัวข้อคอนเทนต์ (Topic) หรือนำไปปรับใช้กับการตลาดรูปแบบอื่นๆ ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพียงการคิดจะตั้งแล้วก็ตั้งขึ้นมาแบบเฉยๆครับ แต่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตวิทยาที่เกี่ยวกับตัวเลข ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน


จิตวิทยาในการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์

การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ถือเป็นภาระกิจสำคัญที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดไปแบบขาดไม่ได้ และมันส่งผลให้กับการเติบโตของธุรกิจซึ่งมันเป็นมากกว่าการมีสินค้าที่ดีและบริการที่น่าประทับใจ แต่มันคือการรับรู้ถึงคุณค่าที่แบรนด์มอบให้ที่กลายเป็นตัวตัดสินความสำเร็จให้กับธุรกิจ


กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ E-Commerce

ธุรกิจค้าปลีกได้หันมาลุยตลาด E-Commerce อย่างเต็มรูปแบบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมันกลายเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาลและยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ซึ่งการเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าหน้าร้านมาสู่การซื้อสินค้าในรูปแบบออนไลน์นั้นก็เป็นผลมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรวมไปถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์