การทำธุรกิจในทุกๆวันเริ่มมีความยากมากยิ่งขึ้น เพราะการเติบโตของเทคโนโลยีและคู่แข่งรวมถึงความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม นักการตลาดก็จำเป็นต้องการกลยุทธ์เมื่อสร้างความแตกต่างและพยายามยึดส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด และหนึ่งในวิธีที่จะช่วยสร้างให้แบรนด์นั้นกลายเป็นที่รู้จักและอยู่ในตลาดได้อย่างยาวนาน นั่นก็คือการเชื่อมสายสัมพันธ์กับแบรนด์อื่นๆเพื่อสร้างให้เกิดความน่าสนใจที่สามารถเพิ่มทั้งฐานลูกค้าเดิมรวมไปถึงฐานลูกค้าใหม่ หรือที่เราเรียกกันว่า Co-Branding นั่นเองครับ
การสร้างแบรนด์ร่วมกัน (Co-Branding) คือ การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ระหว่าง 2 บริษัทเพื่อออกสินค้าในชื่อแบรนด์ใหม่ ในสร้างสินค้าหรือบริการในรูปแบบต่างๆโดยเป็นการผนึกกำลังกันในทางการตลาดเพื่อมอบคุณค่าให้กับลูกค้า โดยการ Co-Branding นี้นอกเหนือจากจะส่งผลดีด้านยอดขายก็ยังส่งผลดีต่อชื่อเสียงของแบรนด์ได้อีกด้วย
ประเภทของ Co-Branding
เรามาดูกันครับว่าการทำ Co-Branding นั้นมีกี่ประเภท ที่เรามักจะเห็นแบรนด์ใหญ่ๆในตลาดเค้าทำกัน
Product Co-Branding
การที่สองแบรนด์ขึ้นไปร่วมมือกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ผสมผสานจุดแข็งของพันธมิตรทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น
Nike + Apple
ร่วมพัฒนา Nike+ iPod Sports Kit เพื่อรวมเทคโนโลยีการติดตามการออกกำลังกายเข้ากับรองเท้าวิ่ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามการออกกำลังกายและประสิทธิภาพของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Source: https://www.apple.com/ca/ipod/nike/
Lego + IKEA
ทั้ง 2 แบรนด์ร่วมมือกันสร้างอุปกรณ์จัดเก็บของที่เรียบง่ายสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ กับคอลเลคชันที่ชื่อว่า BYGGLEK Lego ซึ่งเป็นที่เก็บของเล่นที่สร้างพื้นที่ให้เล่นมากขึ้นในแต่ละวัน และตัวกล่อง BYGGLEK ก็ใช้เป็นของเล่นได้ ดังนั้นเด็กๆจึงสามารถต่อเติมทั้งด้านใน ด้านนอก หรือรอบๆกล่อง เพื่อสร้างอะไรที่ใหญ่กว่าได้
Source: https://www.itsnicethat.com/news/lego-ikea-bygglek-collection-product-design-270820
Ingredient Co-branding
การสร้างแบรนด์ร่วมกันของส่วนผสมหรือส่วนประกอบ คือ การที่แบรนด์ต่างๆทำงานร่วมกันโดยอาศัยส่วนผสมที่เข้ากันได้ จุดที่เน้นคือการมองหาองค์ประกอบที่เข้ากันกับบุคลิกโดยรวมของแบรนด์และทำการตลาดเพื่อเสนอสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ดีขึ้น ตัวอย่างที่เราจะเห็นกันอยู่เป็นประจำ เช่น บริษัทผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์กับบริษัทผลิตหน่วยประมวลผล (Processor) หรือแบรนด์จำพวกอาหาร ขนม เครื่องดื่มกับแบรนด์เครื่องปรุงต่างๆ
ตัวอย่างเช่น
Dell + Intel
คอมพิวเตอร์ Dell ใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ร่วมกับ Intel โดยการทำเอา CPU ของ Intel เข้ามาเป็นส่วนประกอบหนึ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ และด้วยการสร้างแบรนด์ประเภทนี้บริษัทสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้นเข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่ายได้มากขึ้น ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เหนือกว่าและได้ผลกำไรที่แท้จริง
Source: http://bmginc.biz/product/flying-ninja/
Composite Co-Branding
การสร้างแบรนด์ร่วมแบบประกอบขึ้นมาใหม่ ระหว่างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงซึ่งร่วมมือกันอย่างมีกลยุทธ์เพื่อสร้างแผนการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น การสร้างแบรนด์ร่วมแบบนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าและการรักษาลูกค้าที่มีอยู่แทนที่จะหาลูกค้าใหม่
ตัวอย่างเช่น
BMW + Louis Vuitton
BMW และ Louis Vuitton ร่วมมือกันสร้างเพื่อนร่วมเดินทางแบบพิเศษสำหรับรถรุ่น i8 ด้วยการออกแบบกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าแบบพกพาเป็นรุ่นพิเศษเพื่อ i8 โดยเฉพาะ โดยการทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพและการวางตำแหน่งของทั้งสองแบรนด์ที่สะท้อนถึง นวัตกรรมใหม่ ความหรูหรา ความเเพง เพรียวบาง
Source: https://www.lvmh.com/news-documents/news/innovative-collaboration-from-louis-vuitton-and-bmw/
Kanye West + Adidas
Kanye West แร็ปเปอร์ชื่อดัง และ Adidas ร่วมมือกันสร้าง “Adidas Yeezy” รองเท้าผ้าใบ เสื้อเชิ้ตแจ็คเก็ต กางเกงวอร์ม ฯลฯ ราคาตั้งแต่ 600 ดอลล่าห์สำหรับกางเกงวอร์มไปจนถึง 3000 ดอลล่าห์สำหรับแจ็คเก็ต Adidas Yeezy เป็นการสร้างแบรนด์ร่วมกันที่มีอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากค่านิยมและตำแหน่งของแบรนด์ทั้งสองนั้นมีสอดคล้องกัน
Source: https://www.forbes.com/sites/jasonbelzer/2016/06/29/adidas-all-in-for-yeezy-with-new-groundbreaking-kanye-west-partnership/?sh=68aedad33396
Joint Venture Co-Branding
การร่วมมือกันระหว่าง 2 ธุรกิจขึ้นไป เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างเช่น
British Airway + Citibank
ทั้ง 2 แบรนด์จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกันในการเสนอบริการด้านบัตรเครดิต โดยเจ้าของบัตรจะเข้าเป็นสมาชิกของ British Airways Executive Club โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็น Loyalty Program ของสายการบิน British Airways
Source: https://www.pointhacks.com.au/executive-club/
Sponsorship Co-Branding
การที่แบรนด์ต่างๆร่วมมือกันโดยเป็นการร่วมกันสนับสนุนหรือจัดกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ตัวอย่างเช่น
GoPro + Red Bull
ร่วมมือกันจัดงาน “Red Bull Stratos” โดยถ่ายทำการดิ่งพสุธาของนักดิ่งพสุธาอย่าง Felix Baumgartner จากชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ นอกจากนั้น GoPro ยังสร้างความร่วมมือระดับโลก โดย GoPro ยังเป็นพันธมิตรด้านกล้องและการถ่ายทำคอนเทนต์แต่เพียงผู้เดียวของ Red Bull
Source: https://digitalsynopsis.com/advertising/red-bull-stratos-felix-baumgartner-space-jump/
National to Local Co-Branding
การสร้างแบรนด์ร่วมระดับชาติไปยังระดับท้องถิ่น คือ การที่แบรนด์ระดับประเทศร่วมมือกับแบรนด์ระดับท้องถิ่นเพื่อให้แบรนด์ระดับประเทศเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่นและแบรนด์ท้องถิ่นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศได้ เนื่องจากฐานลูกค้าทั้งสองนั้นมีมาก วิธีเดียวที่จะเข้าถึงพวกเขาได้นั้นคือการร่วมกันสร้างแบรนด์ร่วมกัน
ตัวอย่างเช่น
Lime + Uber
Lime และ Uber ที่ได้ขยายความร่วมมือไปยังเมืองต่างๆ เช่น ปราก วอร์ซอ และสตอกโฮล์ม เมืองหลวงทั้งสามแห่งนี้เป็นหนึ่งในตลาดแรกๆของยุโรปที่สามารถเข้าถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของ Lime ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชั่น Uber โดนหากต้องการดูสกู๊ตเตอร์ Lime จากแอพ Uber ผู้ขับขี่ในเมืองสามารถแตะ Ride ที่ด้านบนของหน้าจอจากนั้นเลือก Bike & Scooter สกู๊ตเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงที่ปรากฎอยู่บนแผนที่โดยอัตโนมัติ
Source: https://www.nytimes.com/2018/07/09/technology/uber-invests-lime-electric-scooter.html
ประโยชน์ของการทำ Co-Branding
- ขยายฐานลูกค้าของทั้งสองแบรนด์
- สร้างความจงรักภักดีให้เกิดขึ้นได้
- ความเสี่ยงต่ำเพราะชื่อเสียงของทั้งสองแบรนด์สามารถช่วยค้ำจุนกันและกัน
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าของทั้งสองแบรนด์
- ส่งเสริมยอดขาย
- โอกาสสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี
- ภาพลักษณ์ระหว่างแบรนด์ทั้งสองในสายตาลูกค้าที่ดีขึ้น
Photos by freepik – www.freepik.com