ในยุคของดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง การทำคอนเท้นต์ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้านั้นมีความสำคัญมาก และอย่างที่เรารู้กันว่า Content is a King การทำคอนเท้นต์นั้นก็จำเป็นต้องตอบสนองในสิ่งที่ผู้บริโภคนั้นอยากรู้ สิ่งที่สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคได้ ซึ่งต้องมากับการออกแบบให้มีความเหมาะสมและสวยงาม และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ เราจะทำคอนเท้นต์ออกมาในรูปแบบหรือประเภทไหนบ้างในยุคดิจิทัลที่เหมาะกับเนื้อหาที่เรามี
ประเภทของคอนเท้นต์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขั้นของเส้นทางของผู้ซื้อ (Buyer’s Journey) โดยเส้นทางของผู้ซื้อนั้นโดยหลักมีอยู่ 3 ขั้น คือ ขั้นของการรับรู้ (Awareness Stage) ขั้นของการพิจารณา (Consideration Stage) และขั้นของการตัดสินใจ (Decision Stage) แต่ก่อนที่จะกำหนดรูปแบบคอนเท้นต์ในแต่ละขั้นนั้น เราควรพิจารณาและกำหนดคุณลักษณะของผู้ซื้อ (Persona) ให้ชัดเจนว่า เค้าเป็นใคร มีบุคลิกอย่างไร มีความสนใจอะไร มีเป้าหมายอะไรในชีวิต มีความท้าทายอะไร รวมไปถึงช่องทางการเปิดรับสื่อเป็นอย่างไร จะทำให้เราออกแบบเนื้อหาและรูปแบบของดิจิทัล คอนเท้นต์ ได้มีประสิทธิภาพ และยังสามารถรู้ถึงความใกล้เคียงในการซื้อสินค้า เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การทำ Content Mapping
ขั้นของการรับรู้ (Awareness Stage)
- Blog posts การสร้างบล็อคสามารถสร้างให้เกิดทราฟิกผ่านเว็บไซต์ และยิ่งหากมีการทำ SEO ควบคู่กันไปก็จะยิ่งทำให้บล็อคของเราเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น การสร้างบล็อคขึ้นมาถือเป็นรูปแบบหนึ่งของดิจิทัล คอนเท้นต์ที่สามารถสร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ที่บริษัทต่างๆควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
- Infographics การผสมผสานระหว่างเนื้อหากับภาพกราฟิกในรูปแบบต่างๆเพื่อให้คอนเท้นต์ของเรามีความน่าสนใจ อ่านง่าย ดึงดูด และเป็นหนึ่งในรูปแบบที่มีคนแชร์มากที่สุด สร้างโอกาสให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักบนโลกโซเชียลได้
- Short videos การทำวีดิโอสั้นๆแนะนำสินค้าหรือบริการ ที่ผสมผสานการวางเลย์เอ้าท์และการตัดต่อที่สวยงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ผ่านช่องทาง YouTube ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบคอนเท้นต์ที่มีการแชร์ต่อมากในโลกออนไลน์
ขั้นของการพิจารณา (Consideration Stage)
- E-books สามารถสร้างให้เกิดผู้เยี่ยมชมได้มากขึ้น ที่แตกต่างจากการทำบล็อค อินโฟกราฟิก หรือวีดิโอ ที่เปิดโอกาสให้คนที่สนใจลงทะบียนเพื่อเข้าไปดาวน์โหลดเนื้อหาใน E-books นั้นๆ
- Research reports การที่เรามีการทำข้อมูลผลการวิจัยต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า จะยิ่งทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแบรนด์เรามากยิ่งขึ้น
- Webinars หรือการทำการสัมมนา การประชุม หรือการนำเสนองานผ่านเว็บไซต์เริ่มเป็นรูปแบบที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น คุณสมบัติหลักของการสัมมนาผ่านเว็บไซต์แบบสดๆ คือ การโต้ตอบหรือความสามารถในการพูดคุย และรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์
ขั้นของการตัดสินใจ (Decision Stage)
- Case studies หรือการบอกเล่าถึงความสำเร็จ กรณีศึกษาต่างๆที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่หลายๆอุตสาหกรรมโดยเฉพาะธุรกิจประเภท B2B นำมาใช้ในการสร้างให้เกิดกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้ผลอย่างมากรูปแบบหนึ่ง
- Testimonials นับเป็นรูปแบบเนื้อหาที่ทรงพลังอีกอย่างหนึ่งที่ควรนำมาใส่ไว้ในเว็บไซต์ และแชร์ผ่านโซเชียล มีเดีย การมีลูกค้ามายืนยันว่าสินค้าหรือบริการของเรามันดีอย่างไร ตอบโจทย์เค้าได้อย่างไรนั้นสามารถสร้างให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็ว และนับเป็นรูปแบบเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพอีกรูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว
ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ตัวอย่างรูปแบบการทำเนื้อหาในโลกยุกดิจิทัล บนเส้นทางการเดินของผู้ซื้อสินค้าที่มีอยู่หลายขั้นตอน เราไม่สามารถใช้รูปแบบในการทำเนื้อหาแบบเดียวกันได้ เพราะแต่ละแบบนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีผลต่อผู้ซื้อในแต่ละขั้นตอน และเรื่องของการทำดิจิทัล คอนเทนต์นั้นต้องใช้เวลา แต่หากเรารู้ถึง Persona ของกลุ่มเป้าหมายอย่างถ่องแท้ มันจะช่วยให้เราทำรูปแบบของเนื้อหาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียงบประมาณที่มากมายก็ได้
Icon in cover photo from all-free-download.com