
คำว่า Me Too Marketing นั้นเกิดมาพร้อมๆกับการถือกำเนิดของสินค้าประเภท Me Too Product โดยเราจะเห็นสินค้าประเภทนี้เวลาคุณไปเดินตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือตามร้านสะดวกซื้อหลายๆแห่งครับ ซึ่งความหมายของ Me Too นั้นก็คือการที่คุณทำอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่งก็จะมีคนอื่นๆทำตามกันมา เพราะมันไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างหรือโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนครับ หากดูเผินๆแล้วมันอาจดูย้อนแย้งกับแนวคิดการตลาดที่สร้างคุณค่าหรือการสร้างแบรนด์ในแบบยั่งยืน แต่ทำไม Me Too Marketing ยังคงเป็นที่นิยมและหลายๆแบรนด์ยังใช้วิธีนี้กันอยู่เรามาดูคำตอบในบทความนี้กันครับ
Me Too Marketing
Me Too Marketing ถือเป็นหนึ่งในวิธีการทำการตลาดซึ่งมันถูกปรับมาใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของตลาด ที่มีคู่แข่งผลิตสินค้าที่โดดเด่นมีความแตกต่างในตลาดรวมใช้กลยุทธ์ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นสินค้าที่ขายดิบขายดีมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง รวมถึงการสร้างรายได้แลัผลกำไรได้เป็นอย่างดีจนกลายเป็นการคัดลอกหรือเลียนแบบแนวทางการทำการตลาดแบบ Me Too Marketing เพราะเห็นว่าคนที่ทำมาก่อนหน้านั้นทำแล้วมันประสบความสำเร็จ ซึ่งก็คล้ายกับการทำ Me Too Product หรือสินค้าที่เหมือนๆและคล้ายๆกัน เพราะได้เห็นโอกาสและช่องทางการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากแบรนด์ใหญ่ๆได้

อันที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรที่ผิดหรือถูกสำหรับการทำ Me Too Marketing ครับว่าควรทำหรือไม่ควรทำอย่างไร ถ้าหากมันสร้างผลกำไรที่ดีให้กับแบรนด์หรือธุรกิจของคุณก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายถูกไหมครับ แต่ว่าในประโยชน์ด้านผลกำไรนั้นมันก็มีด้านที่อาจส่งผลกระทบต่อแบรนด์ได้เช่นกัน เราลองดูตัวอย่างผลกระทบกันครับ
- อาจเกิดการเลียนแบบทั้งแนวคิด การวางแผน การทำคอนเทนต์ จนแยกไม่ออกว่าแบรนด์หรือธุรกิจของคุณมีอะไรที่แตกต่างจากคู่แข่ง คุณจะกลายเป็นที่สองทันทีในตลาด
- หากคุณมีสินค้าประเภทเดียวกันและกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน แล้วใช้ Me Too Marketing คงจะยากที่อะไรๆก็แตกต่างได้ ยกเว้นกลับไปแข่งขันกันในเรื่องของราคากลายเป็นสงครามแข่งขันกันด้านราคาอย่างรุนแรง
- แม้ว่าคุณจะพยายามเคลมว่าคุณแตกต่างหรือเป็นเจ้าแรกแค่ไหน ก็จะมีอีกหลายๆคนมองว่าคุณนั้นไม่ใช่ของจริงแบบ Original อยู่ดี
- ความยั่งยืนอาจไม่เกิดขึ้นเพราะโดยส่วนใหญ่จะเน้นความรวดเร็วในผลลัพธ์ โดยไม่ได้วางแนวทางอย่างชัดเจนของแบรนด์หรือการทำธุรกิจในมุมของ Branding แบบจริงจัง
และ Me Too Marketing นั้นเรามักจะเห็นแบบหนักๆกับธุรกิจประเภท B2C การขายสินค้าออนไลน์บางประเภท ธุรกิจแนวเครือข่ายหรือขายตรงเป็นส่วนใหญ่ครับ

ทำไม Me Too Marketing ยังเป็นที่นิยม
แม้ว่า Me Too Marketing อาจดูมีความน่ากังวลในเรื่องผลกระทบในบางมุม แต่ว่ามันก็ยังเป็นวิธีทำการตลาดที่เหมาะสมกับบางสถานการณ์ เช่น
- สำหรับใครที่ไม่คิดอะไรมากและไม่ได้เน้นการสร้างคุณค่าที่แท้จริงใหักับแบรนด์ การทำ Me Too Marketing นั้นถือเป็นการสร้างทางลัดโดยการนำแนวทางของแบรนด์อื่นๆมาใช้ ซึ่งย่นระยะเวลาในการผลิตทั้งสินค้ารวมถึงการทำการตลาด
- การทำ Me Too Marketing ถือเป็นกลยุทธ์สำหรับผู้ตาม (Follower Strategy)
โดยเฉพาะแบรนด์หรือธุรกิจน้องใหม่ที่ไม่มีทุนมากมายมหาศาล ที่จะช่วยให้เจาะตลาดได้ง่ายขึ้นด้วยการเดินตามรอยเท้าความสำเร็จของผู้นำในตลาด แล้วเน้นการสู้กันด้วยราคาในภายหลัง
- Me Too Marketing นั้นส่งผลดีต่อผู้บริโภคเพราะตราบใดที่มีการแข่งขันในตลาดกันสูง นั่นหมายถึงจะเกิดการ ลด แลก แจก แถม กันอย่างเมามัน
- ผลดีต่อตลาดหากคุณผลิตสินค้าในตลาดที่เฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้ มันจะทำให้คุณเติบโตได้เร็วขึ้นโดยมีคู่แข่งไม่มากเท่าตลาดแบบ Mass Market
- และ Me Too Marketing ก็สร้างโอกาสในตลาดแรงงานหากมีการขยายธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
หากเรามานั่งสังเกตกันดีๆจะเห็นครับว่า Me Too Marketing นั้นได้รับความนิยมพร้อมกับการเติบโตและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ช่วยให้ตุ้นทุนในด้านต่างๆนั้นถูกมากขึ้นเกิดความง่ายในการทำการตลาดที่สามารถใช้แพลตฟอร์มแบบสำเร็จรูปเพื่อนำมาใช้กับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว การเกิดธุรกิจต่างๆโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กๆที่เพิ่งเริ่มต้น รวมถึงธุรกิจที่มาแรงอย่าง Startup โดยมักจะเร่งในเรื่องของ Quick Win หรือสร้างผลประกอบการที่ดีในเวลาที่รวดเร็วนั่นเอง