กลยุทธ์โฆษณาแบบ Surrogate Advertising เมื่อ “น้ำดื่ม” คือ สะพานไปสู่แอลกอฮอล์
ในแวดวงการตลาด ณ ปัจจุบัน การใช้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆไม่ใช่แค่สิ่งจำเป็น แต่ถือเป็นวิธีการอยู่รอดในการขยับขยายธุรกิจ และเมื่อคุณอยู่ในธุรกิจที่ต้องผลิตสินค้าที่ต้องมีเงื่อนไขกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ไม่ใช่ด้านการผลิตแต่เป็นเรื่องของการจำกัดการโฆษณาสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ หรือการพนัน แบรนด์ต่างๆจึงหันมาใช้กลยุทธ์ทางเลือกที่เรียกว่า “โฆษณาแฝง” (Surrogate Advertising)
สร้างคอนเทนต์เพื่อเปลี่ยนใจผู้ซื้อด้วย BAB Framework
คอนเทนต์ที่ดีเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงผู้คนจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง โดยสะพานนั้นไม่ใช่แค่พาไปให้ถึงจุดหมาย แต่ยังต้องทำให้การเดินทางนั้นมีความหมายและน่าจดจำด้วยนั่นเอง และอีกหนึ่ง Content Framework อย่าง BAB Framework ก็คือ แนวคิดการสร้างคอนเทนต์ที่ใช้หลักการนี้ได้อย่างเต็มที่สมบูรณ์แบบ
อันตรายจากการไม่ปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มของตลาด (Market Trends)
สภาพตลาด คือ ระบบนิเวศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer Behaviors) เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า (Technological Advancements) และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม (Cultural Shifts) ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง สิ่งที่เคยทำแล้วได้ผลในเมื่อวานก็อาจล้มเหลวได้ในวันนี้ หากแบรนด์ไม่สามารถก้าวตามให้ทันหรือเพิกเฉยต่อแนวโน้มใหม่ๆของตลาด (Market Trends) ก็อาจไม่ใช่แค่การพลาดโอกาสสำคัญๆ แต่มันอาจกลายเป็นเส้นทางที่ตรงดิ่งไปสู่ความล้าสมัย จนตามใครๆเขาไม่ทันไปอีกหลายปี
จิตวิทยาและการตลาดกับ Loss Aversion เมื่อผู้บริโภคกลัวความสูญเสียมากกว่าได้
หลักการที่แสดงถึงความไม่ชอบการสูญเสีย (Loss Aversion) ถือ เป็นหนึ่งในแนวคิดที่มีอิทธิพลมากที่สุด ในสาขาเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) โดยเน้นว่ามนุษย์ตอบสนองต่อการรับรู้ถึงการสูญเสีย ที่รุนแรงกว่าการได้รับผลประโยชน์ที่เทียบเท่ากันมาก โดยหลักการนี้ได้ท้าทายแนวคิดที่ว่ามนุษย์ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเสมอ แต่กลับเผยให้เห็นถึงอคติทางอารมณ์ของเราในการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
คิดคอนเทนต์แบบแก้ปัญหาที่แท้จริงด้วย Job-To-Be-Done (JTBD) Content Model
หนึ่งในความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของการทำ Content Marketing ก็คือ การสร้างเนื้อหาตามสิ่งที่เราอยากจะพูด แทนที่จะสร้างเนื้อหาตามสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของเราต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ในการทำคอนเทนต์ และมักจะทำให้ผลลัพธ์นั้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการ และมันก็มีอยู่อีกหนึ่ง Content Marketing Model ที่เรียกว่า Job-To-Be-Done (JTBD) ที่น่าสนใจมากรูปแบบหนึ่ง ในการนำมาคิดคอนเทนต์ที่สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้
เขียนคอนเทนต์ให้ชัดเจนและดึงดูดใจด้วย 4P Copywriting Formula
ในการเขียนคอนเทนต์และคำโฆษณา การสรา้งความชัดเจน นั้นคือ “พลัง” ส่วนการโน้มน้าวใจ คือ “กระบวนการ” ในการส่งมอบเนื้อหาที่เหมาสมและเป็นประโยชน์ และมันก็มีอีกสูตรการเขียนคอนเทนต์แบบง่ายๆที่น่าสนใจ ที่เรียกกันว่า 4P Copywriting Formula ที่สามารถช่วยนำทางผู้ฟังและผู้อ่านของคุณ ให้ก้าวไปทีละขั้นตอนตลอดเส้นทางการตัดสินใจซื้อ ทั้งในด้านอารมณ์ (Emotional) และเหตุผล (Rational) ไม่ว่าคุณจะใช้กับขายสินค้า บริการ หรือแม้แต่การออกแบบความคิดในเรื่องต่างๆ
Case Study: Toyota กับตัวอย่างการทำ Business Model Canvas (BMC)
โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (Toyota Motor Corporation) ก่อตั้งขึ้นในปี 1937 ที่ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก Toyota มีชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือ ประหยัดน้ำมัน และนวัตกรรมในการผลิต (เช่น ระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ Toyota Production System) โดยนำเสนอรถยนต์ที่ครอบคลุมหลายกลุ่ม ตั้งแต่รถยนต์ประหยัดพลังงานไปจนถึงรถยนต์หรู ภายใต้แบรนด์เล็กซัส (Lexus)
Call to Action (CTA) กับการตลาดด้วยพลังเล็กๆ ที่สร้างผลลัพธ์อย่างมหาศาล
ในการทำ Digital Marketing นั้น ทุกๆการคลิก การเลื่อนหน้าจอ ในทุกวินาทีล้วนแล้วแต่มีความหมาย นักการตลาดมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการปรับปรุงสื่อโฆษณา เพิ่มประสิทธิภาพหน้า Landing Page สร้าง Engagement บนโซเชียลมีเดีย ที่มีการเขียนเนื้อหาและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดึงดูดใจ แต่ทั้งหมดนี้จะไร้ความหมายหากไม่มีขั้นตอนต่อไปที่ชัดเจน ซึ่งนั่นก็คือที่มาของ “การกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ” หรือที่เราเรียกว่า “Call to Action” (CTA) นั่นเอง
Rules vs. Guidelines กับเส้นแบ่งที่ต้องรู้ในการทำงานที่ไม่ควรมองข้าม
ในแวดวงการทำธุรกิจ (Business) การสร้างแบรนด์ (Branding) การตลาด (Marketing) และวัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) มันก็มักจะมี 2 คำที่สร้างความสับสนให้กับพนักงานอยู่เสมอ นั่นก็คือ “กฎ” (Rules) และ “แนวปฏิบัติ” (Guidelines) โดยหากมองแบบผิวเผินแล้วคำทั้ง 2 อาจดูใช้แทนกันได้ แต่ความหมาย ผลกระทบ และระดับการบังคับใช้ กลับแตกต่างกันอย่างมาก การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง 2 คำนี้เป็นสิ่งสำคัญมากครับ ที่ไม่เพียงแค่สำหรับพนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าของแบรนด์ เจ้าของธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆด้วย
สร้างคอนเทนต์ที่ชวนหลงใหลด้วยหลัก 3-Act Storytelling
หลายๆครั้งเวลาที่เราทำ Content Marketing เรามักจะมุ่งเน้นไปกับสิ่งที่เรากำลังจะขายมากจนเกินไป จนลืมไปว่า “วิธีการเล่าเรื่อง” นั้นก็เป็นหนึ่งแนวทางที่สำคัญ ที่ไม่แพ้กับสาระสำคัญของสินค้าหรือบริการเลย นั่นคือที่มาของ “โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ 3 องก์” (3-Act Storytelling) ซึ่งถือเป็นกรอบการเล่าเรื่อง ที่มีรากฐานมาจากภาพยนตร์ วรรณกรรม และละครเวที แต่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับการตลาด การสร้างแบรนด์ และการสร้างคอนเทนต์
