
ในช่วงปี 2023 เป็นช่วงปีที่เรากลับมาจากภาวะวิกฤต Covid-19 แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้โลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดียนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า รวมถึง Marketing Technology หรือ MarTech ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อีกการเปิดตัว ChatGPT และ Generative AI ที่สร้างความตื่นตัวและเปลี่ยนแปลงแวดวงการตลาดและการทำธุรกิจไอย่างสิ้นเชิง แล้วในปี 2024 เป็นต้นไปจะเกิดแนวโน้มอะไรขึ้นกับการตลาดกันบ้างเรามาดูไปพร้อมๆกันครับ

Generative AI มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ปี 2023 ที่กำลังจะผ่านไปถือว่าเป็นปีแจ้งเกิดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) และจะทวีความสำคัญมากในปี 2024 ที่จะมาถึง เพราะด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้ Generative AI สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ที่เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกวงการที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งอีกต่อไปแล้ว และเราเห็นได้จากหลากหลายคอร์สหรือหลักสูตรที่เกิดขึ้นอย่างมากมายที่เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT ที่แตกออกมาเป็นการเขียน Prompt แบบเฉพาะให้แต่ละธุรกิจ นักการตลาดต้องเข้าใจรูปแบบ ประเภท วิธีการ และเป้าหมายของการใช้ Generative AI ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
> รวม Generative AI ทั้ง 7 หมวดหมู่สำหรับการใช้งานในยุคดิจิทัล

ตัวอย่างภาพที่ถูก Generate ด้วย AI
องค์กรจะลงทุนกับ MarTech มากขึ้น
สำหรับ Marketing Technology หรือ MarTech มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในต่างประเทศนั้นองค์กรต่างๆก็จริงจังกับการลงทุนใน MarTech และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับประเทศไทยเองปริมาณการนำเอา MarTech มาใช้กับธุรกิจในปี 2022 นั้นอยู่ที่ราว 11.37% และปี 2023 อยู่ที่ราว 16.7% และจากการสำรวจองค์กรในไทยผลปรากฎว่ากว่า 77% จะลงทุนนำเอา MarTech มาใช้กับการขับเคลื่อนธุรกิจในปีต่อๆไป
> ประเภทของ Marketing Technology
ช่องทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น
โซเชียลมีเดียหลักๆที่เราใช้อยู่กันเป็นประจำอย่าง Facebook, X (Twitter เดิม), Instagram, YouTube ยังคงสำคัญกับการทำการตลาดอยู่เสมอ และการเข้ามาของ TikTok ก็ได้เปลี่ยนวิธีการสื่อสารและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เติบโตเร็วที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งในระยะเวลาไม่ถึงปี รวมถึงการเปิดตัวของ Threads จากค่าย Meta ที่เข้ามาแข่งขันกับ X โดยตรง และยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆอย่าง LinkedIn รวมถึง Pinterest ที่กลายมาเป็นตัวเลือกของนักการตลาดในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดและแผนสื่อสารการตลาด นั่นยังไม่นับรวมกับสื่อดั้งเดิมที่มีอยู่และสื่อในรูปแบบดิจิทัลอื่นๆ ที่คุณต้องนำมาปรับใช้กับการทำการตลาดในปี 2024 เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
Affiliate Marketing ยังคงมาแรงต่อเนื่อง
TikTok ถือเป็นตัวเร่งให้เทรนด์การทำ Affiliate Marketing ให้แรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้หลายๆคนสามารถทำเงินได้จากการ LIVE ขายของผ่าน TikTok ถึง 1 ล้านบาทได้ภายใน 1 ชั่วโมง ทุกๆคนสามารถเป็น Influencer หรือ Creator ในแบบที่ไม่ต้องง้อแบรนด์ให้มาจ้างก็ได้ เพียงแค่รีวิวสินค้าแล้วแปะลิงค์ออกไป จากนั้นก็สามารถรอรับเงินได้สบายๆถ้ามีคนกดเข้ามาซื้อ ซึ่งง่ายกว่าการทำคอนเทนต์บน YouTube เพื่อให้ได้ยอดคนดูเป็นล้านกว่าจะได้เงิน นับเป็นการตลาดที่ค่อนข้างมาแรงที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในปี 2024 เป็นต้นไป ที่หลายๆแบรนด์จะจ้าง Influencer และ Creator เหล่านี้ในการช่วงรีวิวหรือโปรโมทสินค้า
> สร้างรายได้ด้วย Affiliate Marketing
โลกแห่ง Social Commerce
การตลาดผ่านโลกเซียลที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันอย่างเช่น การโฆษณาบน Social Media หรือแม้แต่รูปแบบ In-App Purchase ในแอปพลิเคชั่นต่างๆบนมือถือ และรูปแบบ Shop-Able Post จะถูกหลวมรวมเข้าด้วยกันให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างให้เกิดประสบการณ์ในการซื้อสินค้าแบบไร้รอยต่อ และจากการที่ Elon Musk เข้าซื้อกิจการ Twitter แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น X เพื่อสร้างให้เป็น One-stop platform ที่ทำได้ทั้งการพูดคุยโต้ตอบ การรับข้อมูลข่าวสาร รวมถึงเป็นช่องทางการชำระเงินในแบบต่างๆ ทำให้ในอนาคต Social Commerce จะกลายเป็นเทรนด์การตลาดที่มาแรงอย่างต่อเนื่องที่น่าจับตามอง
การทำ Hyper-Personalization
การทำ Personalization ที่บางคนอาจจะเรียกว่าการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมายหรือการตลาดแบบรู้ใจ ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับการทำ Digital Marketing ซึ่งต้องบอกตรงๆว่าการทำ Personalize แบบเดิมๆมันอาจจะดูน่าเบื่อไปแล้วก็ได้ แต่เทรนด์ในอนาคตคือการทำแบบ Hyper-Personalization ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงช่องทางเดียว และต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ถ่ายทอดลงไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้คุณต้องเข้าใจในองค์ประกอบ 3 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ 1. การเข้าใจ Persona
ของกลุ่มเป้าหมาย 2. การเข้าใจในการวางกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ (Content Strategy) และ 3. เรื่องของการนำเอาข้อมูล (Data) มาใช้
ใช้ Social Media ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ
แต่ก่อนการจะหาอะไรก็ต้องไปหาข้อมูลบน Search Engine อย่าง Google แต่หลังๆแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายๆแพลตฟอร์มได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพในการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ออกมาค่อนข้างดี เพราะเนื่องด้วยมีผู้ใช้งานอย่างมากมายมหาศาลและเป็นแหล่งคอนเทนต์ชั้นดี ซึ่งมีทั้งคอนเทนต์ในรูปแบบวีดิโอ มี Influencer เกิดขึ้นมากมาย มีการยิงโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ผลการสำรวจยังพบว่าผู้ใช้งานต่างใช้ Instagram ในการค้นหาข้อมูลของแบรนด์เพิ่มมากขึ้น ใน TikTok เองก็เอาไว้ใช้ค้นแหล่งในการซื้อสินค้าใหม่ๆ ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆก็ใช้ในการหาข้อมูลร้านอาหารรวมไปถึงเมนูใหม่ๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Social Media Search จะมีอิทธิพลต่อการค้นหาข้อมูลที่อาจมากกว่า Google ในอนาคต
Offline Event กลับมาคึกคักกว่าเดิม
สถานการณ์ Covid-19 ที่ผ่านมาทำให้กิจกรรมและงานอีเว้นท์ต่างๆหยุดชงักไปแบบ 100% ทำให้ผู้คนโหยหาที่จะได้สัมผัสประสบการณ์แบบเดิมๆและพูดคุยสนทนากับคนอื่นๆ โดย Offline Event จะมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และที่เราจะเห็นได้ชัดเจนคือเทคโนโลยีเสมือนจริงอย่าง AR, VR และ MR จะถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้นรวมไปถึงการดึงโลก Online มาสู่โลก Offline แบบไร้รอยต่อกันมากขึ้น
ยิ่ง AI ก้าวหน้าเท่าไหร่เรื่องของมนุษย์ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
เราหลีกหนี AI ไปไม่ได้เพราะมันเข้ามามีบทบาทสำคัญในแทบจะทุกมิติ โดยสิ่งที่ AI สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นเป็นการทำขึ้นโดยการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพูดคุยหรือเห็นหน้ากันเหมือนในอดีต ยิ่งเราอยู่กับโลกของ AI มากเท่าไหร่เราจะยิ่งหากจากการมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากเท่านั้น โดยเฉพาะคนในยุคของ Generation Z และ Generation Alpha
ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง เราจึงจำเป็นต้องดึงเอาความรู้สึกเชิงอารมณ์เข้ามาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากขึ้น และยังจำเป็นต้องพัฒนาในเรื่องของความคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล ที่ไม่ใช่จะเชื่อแต่สิ่งที่ AI สร้างขึ้นแต่ต้องมีหลักคิดวิเคราะห์และไตร่ตรองให้ดียิ่งขึ้น นับเป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาคนให้รู้เท่าทันความก้าวหน้าของ AI และสร้างให้เกิดสายสัมพันธ์ดีๆระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง
สร้างประสบการณ์ขั้นสุดผ่าน Omni-channel
ด้วยความที่ในปี 2024 เป็นต้นไปช่องทางการทำการตลาดจะมีหลากหลายทางมากขึ้น การสร้าง Brand Experience ให้เกิดขึ้นผ่านทุกๆช่องทางจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการจดจำและเกิดความรู้สึกที่ดีกับตัวแบรนด์ การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) ผ่านสินค้า บริการ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การออกแบบร้านค้า สื่อโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จะต้องมีแนวทางและทิศทางเดียวกันมี Key Message ที่ชัดเจนเข้าใจง่ายและไม่สับสน หลายๆแบรนด์จะดึงเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี และสร้างให้เกิดความประทับใจในตัวของแบรนด์
Source:
https://www.marketingoops.com/marketing-tech/marketing-trends-2024
https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/10-marketing-trends-thailand-2024
https://www.tlcworldwide.com/blog/19-marketing-trends-2024
https://www.similarweb.com/blog/marketing/marketing-strategy/digital-marketing-trends/
หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น
และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop
หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร
ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา
เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง
และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง
📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594
