
ด้วยความที่โซเชียล มีเดียนั้นมีการพัฒนาคุณสมบัติของแพลตฟอร์มอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั้งแบบบุคคลและแบบธุรกิจ และหนึ่งในโซเชียล มีเดียที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกนั่นก็คือ Instagram นั่นเอง ซึ่งมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านผู้ใช้งานต่อเดือน ที่หลายๆธุรกิจก็ใช้เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตัวเอง
จุดเด่นของ Instagram คือ เรื่องของการนำเสนอภาพที่สวยงาม และได้ออกฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Instagram Stories เพื่อเป็นเอ้าท์เลตหรือแหล่งรวมสินค้าหรือบริการให้กับแบรนด์ต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งคุณออกแบบภาพหรือวีดิโอได้สวยมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสร้างภาพลักษณ์และความประทับใจให้กับแบรนด์ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
ก่อนที่จะเข้าสู่เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Instagram Stories เรามาดูข้อมูลที่น่าสนใจกับสักนิดครับ
> ผู้ใช้กว่า 90% ติดตามธุรกิจต่างๆผ่าน Instagram Stories
> ในแต่ละเดือนมีผู้ใช้ Instagram มากกว่า 1,000 ล้านผู้ใช้งาน
> กว่า 500 ล้านผู้ใช้งาน ใช้ Instagram Stories ในทุกๆวัน
> แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะโพสต์อีเว้นท์ต่างๆที่จัดผ่าน ข่าวสารขององค์กร รวมไปถึงสินค้าและบริการ
> Stories จะอยู่ได้ 24 ชั่วโมง

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Instagram Stories
คุณภาพถือเป็นสิ่งสำคัญของการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการของแบรนด์ ใน Instagram Stories โดยคุณสามารถปรับปรุงคุณภาพของภาพหรือวีดิโอได้ดังนี้
ตรวจสอบคุณภาพก่อนอัพโหลด
โดยปกติ Instagram จะมีการบีบอัดขนาดภาพที่คุณอัพโหลดทุกครั้ง ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ภาพนั้นมีคุณภาพลดลง ดังนั้นคุณควรตรวจสอบภาพให้มีความละเอียดอย่างต่ำที่ 72 dpi ในคอมพิวเตอร์ก่อนอัพโหลดครับ
อัพโหลดภาพให้ถูกขนาดและรูปทรง
Instagram ให้ความสำคัญกับขนาดของภาพและวีดิโอ โดยจะปรับขนาดให้อัตโนมัติเวลาคุณอัพโหลดเนื้อหาใดๆก็ตาม หากคุณอัพโหลดภาพหรือวีดิโอโดยไม่รู้ขนาดที่แน่ชัด ภาพเหล่านั้นอาจถูกตัดจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมและคุณภาพอาจด้อยลงก็ได้ครับ
> อัตราส่วนของภาพและวีดิโอใน Instagram Stories คือ 9:16 / 16:9 / 4:5
> ขนาดที่แนะนำ คือ 1080 x 1920 pixels
> ความยาวของวีดิโอไม่เกิน 15 วินาที

Source: lumen5.com/learn/instagram-story-size/
นำโปรแกรมตกแต่งภาพมาใช้
เพื่อช่วยให้ภาพออกมาดูดีและน่าสนใจ การโหลดโปรแกรมตกแต่งภาพและวีดิโอมาใช้ก็ไม่เลวเลยครับ เช่น Canva, Lumen5, Easil, Adobe Spark, Embed Social

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีผลต่อคุณภาพ
สัญญาณอินเทอร์เน็ตมีผลอย่างมาก หากไม่ดีก็อาจทำภาพหรือวีดิโอของคุณถูกแสดงในคุณภาพที่ต่ำลงได้ ซึ่งตัว Instagram เองจะปรับคุณภาพให้อัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น สำหรับแบรนด์หรือธุรกิจก็ควรทราบประเด็นนี้ไว้ จะได้ไม่หงุดหงิดครับ

ทดสอบภาพถ่ายจากหลายๆเครื่องมือ
ลองทดสอบภาพถ่ายหรือวีดิโอจากมือถือ กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดิโอ หรือจากตัว Instagram เพื่อดูว่าเครื่องมือไหนมันตอบโจทย์มากกว่ากัน ทั้งคุณภาพ ความยากง่ายในการปรับแต่ง ระยะเวลา
และทั้งหมดก็เป็นเทคนิคง่ายๆที่คุณสามารถนำไปลองใช้กับ Instagram Stories เพื่อทำให้การสื่อสารแบรนด์หรือธุรกิจของคุณ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้ใช้งานนั่นเองครับ