เอเจนซีส์ – กองทัพสหรัฐฯแถลงวันพุธ (31 มี.ค. 2564) ว่าบริษัทไมโครซอฟท์ชนะการประมูลได้สัญญามูลค่า 21.88 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างเครื่องสวมศรีษะติดโฮโลเลนส์ด้วยเทคโนโลยี Augmented reality โลกเสมือนผสานโลกแห่งความเป็นจริงให้ทหารสหรัฐฯใช้ในสงครามจำนวน 120,000 ชุดตลอดระยะเวลา 10 ปี
CNBC รายงานเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ว่าหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นทันทีในช่วงบ่ายหลังจากการประกาศข่าวไมโครซอฟท์ชนะสัญญามูลค่า 21.88 พันล้านดอลลาร์ที่มีกับกองทัพสหรัฐฯ โดยหุ้นเพิ่มขึ้น 1.7% ไปอยู่ที่ 235.77% ภายในช่วงเวลาสิ้นสุดการซื้อขายของวันพุธ (31 มี.ค.)
ข้อตกลงที่เปิดเผยล่าสุดวานนี้ (31) เกิดขึ้นตามหลังความสำเร็จตามหลังที่ทางไมโครซอฟท์ชนะสัญญามูลค่า 480 ล้านให้กับกองทัพสหรัฐฯในการสร้างระบบเสมือนจริง “IVAS” หรือ Integrated Visual Augmented System เมื่อปี 2018 โดยข้อตกลงใหม่จะเป็นการต่อยอดจากโครงการเดิมนี้
ซึ่งแว่นโฮโลเลนส์ (HoloLens) ตามปกติที่ไม่มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีใดมีสนนราคาอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์ ทำให้ผู้สวมได้เห็นภาพโฮโลแกรมซ้อนอยู่กับภาพสิ่งแวดล้อมจริงตรงหน้าพร้อมกับการควบคุมด้วยมือและเสียงสั่งการ
โดยอุปกรณ์ต้นแบบ IVAS ที่นักข่าว CNBC ได้ทดลองในปี 2019 นั้นสามารถแสดงแผนที่ เข็มทิศ แผนภูมิความร้อนที่จะชี้ไปถึงบุคคลในที่มืด ระบบนั้นแสดงให้เห็นว่าสามารถถูกใช้เป็นอาวุธ
ด้าน อเล็กซ์ คิปแมน (Alex Kipman) เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิกประจำไมโครซอฟท์ และเป็นคนที่เปิดตัวโฮโลเลนส์ในปี 2015 กล่าวผ่านบล็อกว่า “อุปกรณ์เครื่องสวมศรีษะ IVAS ที่ใช้เทคโนโลยีโฮโลเลนส์และเสริมด้วยบริการจากไมโครซอฟท์ อาซูร์ คลาวด์ เซอร์วิส (Microsoft Azure cloud services) สร้างเทคโนโลยีที่จะทำให้ทหารมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
และกล่าวต่อว่า “อุปกรณ์ตัวนี้จะทำให้ทหารผู้สวมสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ เข้าถึงข้อมูลที่ได้รับการแชร์และการตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์”
อุปกรณ์สวมศรีษะจะช่วยทหารในการต่อสู้ ฝึกซ้อม ภายในระบบเดียว อ้างอิงจากแถลงการณ์ของกองทัพ สัญญาที่ทำขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มี.ค.) อยู่ในระยะเวลา 5 ปี โฆษกกองทัพสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการณ์ไปยัง CNBC
CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงทำให้ไมโครซอฟท์กลายเป็นบริษัทไฮเทคอสัญชาติเมริกันที่ส่งมอบเทคโนโลยีล้ำอนาคตของตัวเองไปให้กับกองทัพสหรัฐฯเพื่อใช้ในการสงคราม
อย่างไรก็ตามจากการที่ใช้เทคโนโลยีพลเรือนไปใช้ในการทหารทำให้มีพนักงานไมโครซอฟท์บางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วยและร้องขอให้ทางบริษัทยกเลิกข้อตกลงการให้บริการคลาวด์เซอร์วิสกับทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งทางไมโครซอฟท์ชนะการประมูลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์สำหรับสัญญาระยะเวลา 10 ปีเมื่อปี 2019 เหนือบริษัทแอมะซอนของ เจฟ เบโซส คู่แข่งซึ่งเป็นเจ้าการตลาดเซอร์เวอร์คลาวด์เซอร์วิสในเวลานี้
และยังมีพนักงานไมโครซอฟท์บางส่วนออกมาประท้วงบริษัทโดยให้ทำการยกเลิกข้อตกลงโฮโลเลนส์ โดยในจดหมายเปิดผนึกของทางกลุ่มต่อต้านระบุว่า
“เราไม่ยอมลงนามเพื่อสร้างอาวุธ และเราขอเรียกร้องให้เปิดเผยออกมาว่าการทำงานของเรา (เทคโนโลยี) นั้นถูกนำไปใช้อย่างไร”
และในเวลาต่อมาซีอีโอใหญ่ไมโครซอฟท์ ซัตยา แนดเดลลา (Satya Nadella) กล่าวผ่านแถลงการณ์ปกป้องข้อตกลงโครงการเทคโนโลยี Augmented reality โลกเสมือนผสานโลกแห่งความเป็นจริงให้ที่ทำกับกองทัพสหรัฐฯกับ CNN ว่า “เราทำการตัดสินใจในหลักการว่าเราจะไม่เก็บซ่อนเทคโนโลยีจากสถาบันที่เราได้เลือกในประชาธิปไตยเพื่อปกป้องเสรีภาพที่เรารัก”
ขณะเดียวกันทางกองทัพสหรัฐฯได้ชี้ว่าเทคโนโลยีเสมือนจริงนี้จะช่วยทำให้ทหารสามารถหาเป้าหมายข้าศึกได้อย่างแม่นยำและยังป้องกันการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์
Source:
https://mgronline.com/around/detail/9640000031191