5 เหตุผลที่ทำให้แบรนด์ Apple มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2023

Apple ถือเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกมา 6 ปี ติดต่อกัน (2017 – 2023) จากการจัดอันดับโดย Interbrand (ณ สิ้นปี 2023 Apple มีมูลค่าแบรนด์โดยรวม 502,680 ล้านเหรียญ)โดย Apple เองก็จัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี ที่นับเป็นแบรนด์ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ด้วย Tagline ที่เป็นตำนานอย่าง Think Different และมีการเปลี่ยน Tagline อีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน แบรนด์ Apple เริ่มต้นโดย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ล่วงลับ และสตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ตั้งแต่ปี 1976 ผู้ซึ่งนำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ๆกับการเปลี่ยนมุมมองที่ผู้คนมีต่อคอมพิวเตอร์ไปอย่างสิ้นเชิง โดยทั้งสองนั้นอยากทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีความเล็กกระทัดรัด สามารถใช้งานง่าย สำหรับทุกๆบ้านและทุกๆออฟฟิศ และในปัจจุบันก็มี Tim Cook ที่ดำรงตำแหน่ง CEO เพื่อสานต่อให้แบรนด์ส่งมอบสิ่งดีๆให้กับลูกค้า และเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ Apple มีมูลค่ามากที่สุดในโลกติดต่อกันมายาวนานถึง 6 ปี ซึ่งผมลองวิเคราะห์ออกมาดูนั้นก็มีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

What's next?

1. ความชัดเจนในเป้าหมายและคุณค่าที่ถ่ายทอดสู่ผลิตภัณฑ์และการบริการ

ด้วยเป้าหมาย (Purpose) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ “เติมเต็มชีวิตประจำวันของผู้คน” มีวิสัยทัศน์ (Vision) ในการ “สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด” โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายใต้แบรนด์ Apple มีการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพราคาระดับพรีเมี่ยมออกสู่ตลาดอย่างมากมาย พันธกิจ (Mission) ของ Apple คือ การมุ่งสร้างสรรค์ “นวัตกรรมใหม่ๆ” ให้กับโลก และสร้าง “ประสบการณ์ที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้า โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกแห่งการฟังเพลงที่หลายๆคนรู้จักนั่นก็คือ iPod ที่ออกขายในปี 2001 โดยใช้เวลาแค่ 6 เดือนในการผลิต และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น iPhone, iPad, MacBook, iMac, Apple Watch, AirPods อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีนวัตกรรมอันทันสมัยซ่อนอยู่ ซึ่งทั้งหมดนั้นเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของหลายๆคนอย่างที่ Apple ได้ตั้งใจเอาไว้ และในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 Apple ก็ได้เปิดตัว Chip M1 ซึ่งถือเป็น Chip รุ่นแรกที่ออกแบบโดย Apple สำหรับเครื่อง Mac โดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพสูงมากและกลายเป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรมไปแล้ว ด้วยคุณสมบัติที่ทรงพลังรวมถึงการประหยัดพลังงานที่น่าทึ่ง ปัจจุบันมีการพัฒนาไปสู่ M2 และ M3 ซึ่งทรงประสิทธิภาพมากกว่าเดิม หรือเรียกได้ว่าแบรนด์ Apple นั้นมี Culture of Innovation อยู่อย่างเต็มเปี่ยม

Apple ยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับคุณค่า (Core Values) ในการขับเคลื่อนธุรกิจอยู่ด้วยกัน 7 ข้อ ซึ่งในแต่ละข้อนั้นก็ได้พิสูจน์ออกมาให้เห็นแล้วว่า Apple ได้ทำมันออกมาได้จริงที่มาจากการตั้งเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพันธกิจของแบรนด์

  • การเข้าถึงอย่างสะดวก (Accessibility)
    Apple มุ่งเน้นที่การทำให้คอมพิวเตอร์ Mac โทรศัพท์ หรือแม้แต่บริการของ Apple TV เข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นักพัฒนา (Developer) สามารถเข้าถึงระบบนิเวศของ App Store ของ Apple เพื่อสร้างแอปพลิเคชันของตนเองได้
  • สนับสนุนการศึกษา (Education)
    บริจาคอุปกรณ์การเรียนการสอนมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ให้กับโรงเรียนที่ด้อยโอกาสกว่า 100 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา โดยได้มีการบริจาค iPad ให้กับนักเรียนทุกคน เครื่อง Mac และ iPad ให้กับคุณครูทุกคน และ Apple TV ให้กับทุกห้องเรียน
  • ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)
    Apple พยายามสร้างผลิตภัณฑ์ทั้งหมดด้วยพลังงานสะอาดและจะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2030 รวมถึงการนำเอาวัสดุ Recycle มาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple มีการลงทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการป่าไม้เพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 1 ล้านเมตริกตันต่อปี
  • ความเท่าเทียมและความหลากหลาย (Equality & Diversify)
    วัฒนธรรมในการทำงานของ Apple นั้นเปิดรับและให้ความเท่าเทียมกันของคนทุกเพศทุกวัย
  • ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
    Apple เชื่อว่าความเป็นส่วนตัวเป็นสิทธิมนุษยชน ดังนั้น จึงออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า และให้พวกเขาควบคุมข้อมูลของตนเองได้มากขึ้น ในปี 2021 Apple ยังอัปเดตการควบคุมความเป็นส่วนตัวเพื่อช่วยให้ลูกค้าเห็นว่าแอพกำลังใช้ข้อมูลของพวกเขาเมื่อใด
  • ความเสมอภาคทางเชื้อชาติและความยุติธรรม (Racial equity and justice)
    Apple ทุ่มเงิน 100 ล้านดอลลาร์ผ่านโครงการ Racial Equity and Justice Initiative (REJI) เพื่อช่วยขจัดการเหยียดเชื้อชาติที่ชุมชนคนผิวสีต้องเผชิญ
  • ความรับผิดชอบต่อคู่ค้า (Supplier responsibility)
    Apple ใช้มาตรฐานเดียวกันกับทั้งซัพพลายเออร์และพันธมิตรของธุรกิจ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทีมงานของตนเองบริษัทมีการประเมินประสิทธิภาพของซัพพลายเออร์อย่างเข้มงวด และมุ่งเน้นอย่างมากในการยุติความเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทที่ไม่ยั่งยืน

2. การวางตำแหน่งแบรนด์ที่ชัดเจนมีความแตกต่าง

Apple วาง Positioning ไว้สำหรับผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรืออุปกรณ์พกพาที่ดีที่สุด โดย Apple ถือเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วยผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยที่สุด ที่เน้นการวิจัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การใช้นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อแนวทางการดำเนินธุรกิจ ตำแหน่งของแบรนด์ Apple สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งจากทุกๆผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาภายใต้แบรนด์ของ Apple และธุรกิจของ Apple ก็ขับเคลื่อนด้วยจริยธรรมทั้งทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

3. สร้าง Experience ในทุกๆ Touchpoints

หากใครที่เป็นสาวก Apple ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์ใดก็ตามก็จะเห็นว่า Apple ได้สร้างประสบการณ์ทั้ง Brand Experience และ Customer Experience อย่างต่อเนื่องและมีความคงเส้นคงวาในทุกๆ Touchpoint มาโดยตลอด โดยสื่อที่เราเห็นไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ บิลบอร์ด เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่หน้าร้านในแต่ละสาขา ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น มีการใช้ Message ที่เคลียร์ อ่านง่าย และแสดงถึงความทันสมัย โดยมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ และมีการพูดถึงจากลูกค้าและผู้บริโภครวมไปถึงคนที่รู้จักแบรนด์ในเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอ

4. ปรับตัวตามสภาพตลาดและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

โลกของเราได้เข้ามาสู่ยุคของ Immersive Experience ที่มีเทคโนโลยีอย่าง AR/VR/MR และ AI อย่างแทบจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งนั่นทำให้หลายๆอุตสาหกรรมและหลากหลายธุรกิจต้องปรับตัว ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้มาปรับใช้ ล่าสุด Apple เองก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีหลายคนขนานนามว่า จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาลนั่นก็คือ Apple Vision Pro ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงการเปิดตัวแม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงสุดกู่ และถึงแม้ว่าในระยะหลังๆจะมีกระแสในเชิงลบออกมาบ้างแต่ก็ยังถือเป็นแบรนด์ผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยังหาแบรนด์ไหนเทียบได้ค่อนข้างยาก แต่ที่น่าเสียดายสำหรับ Apple ก็คือ Apple ได้ประกาศยุติการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งๆที่ซุ่มพัฒนาอยู่นานนับ 10 ปี เพื่อไปมุ่งพัฒนาด้าน AI แทน แต่ก็ทำให้เราเห็นครับว่าแบรนด์มีการปรับตัวตามแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

5. มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก

ปัจจุบัน Apple มีหน้าร้านอยู่ 528 ร้าน ตั้งอยู่ใน 26 ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบจำนวนลูกค้าในแต่ละประเทศอย่างแน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่รับประกันถึงความยิ่งใหญ่ของ Apple นั่นก็คือ Apple มีสาวก (Brand Advocacy) และลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ที่เหนียวแน่นมากที่สุดแบรนด์หนึ่งในโลก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงแบรนด์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีประเภทโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันโดดเด่น มีการออกแบบที่หรูหราและมีความพรีเมี่ยม แบรนด์ Apple มักจะเป็นคำตอบอันดับแรกๆอยู่เสมอนั่นเอง

จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ Apple กลายเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งหรือ Brand Strength มากที่สุดแบรนด์หนึ่ง ซึ่งเมื่อนำมารวมกับมูลค่าทางการเงิน (ยอดขายสินค้าหรือบริการ) และกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคต่อแบรนด์ รวมไปถึงความทุ่มเท โอกาส และศักยภาพในการเติบโตในอนาคตของธุรกิจ Apple จึงกลายเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคจนมีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลกหลายปีซ้อน


Share to friends


Related Posts

Brand History – Apple ผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์

Apple ผู้เปลี่ยนโลกแห่งเทคโนโลยีด้วยสโลแกน Think Difference ด้วยการนำเสนอสินค้าระดับพรีเมี่ยมที่ใครๆก็ต้องมีไว้ใช้สักเครื่องในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด ไอพอด ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกมาหลายปีติดต่อกัน เรามาทำความรู้จักกับเรื่องราวของ Apple กันครับ


Top 100 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 (Best Global Brand 2023)

อันดับที่ 1 นั้นก็ยังเป็นแบรนด์ Apple ที่นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกมาหลายปีติดต่อกัน ตามติดมาด้วย Microsoft, Amazon, Google, Samsung โดย Top 5 นั้นยังคงเป็นแบรนด์เดิมจากปีก่อนหน้านี้ เรามาดู 100 อันดับ


News: Apple ซื้อกิจการสตาร์ทอัพ VR เพื่อนำมาใช้ในการประชุมเสมือนจริง

Apple ได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี VR ที่ชื่อว่า Spaces ซึ่งเป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่สนับสนุนงานของ DreamWorks Animation มาโดยตลอดและได้แยกออกมาตั้งบริษัทเองในปี 2016 โดยตัวอย่างหนังที่นำเทคโนโลยี VR มาใช้ ที่เราคุ้นๆตาก็คือ “Terminator Salvation: Fight for the Future”



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์