เราเติบโตมากับระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งถือเป็นระบบปฏิบัติการที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกบนเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Laptop) โดยมีอัตราสัดส่วนการใช้อยู่ที่ 72.99% ซึ่งผู้พัฒนาคือแบรนด์สัญชาติอเมริกันอย่าง Microsoft ที่ก่อตั้งโดย Bill Gates ในปี 1975 และ Microsoft ก็ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าแบรนด์ติดอันดับ 1 ใน 10 มาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับสาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Microsoft กลายเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกซึ่งจัดอันดับโดย Interbrand (ณ สิ้นปี 2023 มีมูลค่าแบรนด์รวม 316,659 ล้านเหรียญ) หากนำมาวิเคราะห์ดูแล้วก็สามารถสรุปได้ ดังนี้
1. การเติมเต็มเป้าหมายของแบรนด์
โดยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ Microsoft นั้นก็คือ การส่งเสริมบุคคลและองค์กรให้บรรลุเป้าหมายมากขึ้น วัตถุประสงค์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิต ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกันสำหรับผู้คนทั่วโลก Microsoft มีเป้าหมายเพื่อให้บุคคล ธุรกิจ และชุมชนตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของตน ด้วยเป้าหมายและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน ทำให้ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Microsoft ได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนเกือบทั้งโลก
2. ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ
Microsoft ได้สร้างชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดดเด่นด้วยความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และด้านนวัตกรรม ลูกค้าทั้งแบบบุคคลและองค์กรต่างไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์
3. ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
ความมุ่งมั่นของ Microsoft ในการเพิ่มศักยภาพให้กับบุคคลและองค์กรต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้รับการออกแบบโดยมีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในแบบเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ธุรกิจ หรือสถาบัน ตัวอย่าง เช่น Windows ได้พัฒนาเพื่อให้ระบบปฏิบัติการนั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้และปลอดภัยสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลจนไปถึงระดับมืออาชีพ ในขณะที่ Office 365 มีชุดเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่สอดประสานร่วมกัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่ายังคงมีความเกี่ยวข้องและมีคุณค่าต่อผู้ใช้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ ที่ต้องการช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน
Microsoft ยังถือเป็นแบรนด์ที่มีมีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก นับตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Windows ที่มีไม่ต่ำกว่า 25 เวอร์ชั่น ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่เรารู้จักกันดีอย่าง Microsoft Office ที่มีไม่ต่ำกว่า 10 เวอร์ชั่น Windows Server ไม่ต่ำกว่า 10 เวอร์ชั่น ระบบคลาวด์ที่ชื่อว่า Azure เครื่องเกม Xbox แท็บเล็ตอย่าง Surface และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกนับร้อยรายการ เพียงแค่ Microsoft Windows ก็มีผู้ใช้งานกว่า 1.6 พันล้านคนทั่วโลก ส่วนในตระกูล Microsoft Office ก็มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1.2 พันล้านคนเลยทีเดียว
4. ความโดดเด่นด้านการประมวลผลบนระบบคลาวด์
แพลตฟอร์มการประมวลผลบนคลาวด์ Azure ของ Microsoft มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรม ด้วยการที่ธุรกิจต่างๆทั่วโลกหันมาใช้บริการคลาวด์เพิ่มมากขึ้น ณ ปัจจุบัน Microsoft Azure มีให้บริการใน 62 ภูมิภาค และ 120 เขต นับว่าใหญ่และครอบคลุมมากที่สุดในโลก กระจายอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ปัจจุบันมี Market Share ราว 20%-30% เป็นรองเพียงแค่เพียง AWS ของ Amazon เท่านั้น การเติบโตของ Azure จึงมีส่วนสำคัญต่อมูลค่าโดยรวมของ Microsoft เช่นกัน
5. ความสามารถในการปรับตัว
Microsoft ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความสามารถในการฟื้นตัวเมื่อเผชิญกับความท้าทาย เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 การเปลี่ยนมาทำงานจากระยะไกล (Remote Working) และการพึ่งพาโซลูชันแบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นผ่าน Microsoft Team ที่ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์และบริการของ Microsoft
6. ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่อย่าง Satya Nadella นั้น ทำให้ Microsoft ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญไปสู่นวัตกรรมและการทำงานร่วมกัน บริษัทประสบความสำเร็จในการปรับตัวตามแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้น เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆและพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น (Machine Learning) และคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum) ตัวอย่างที่เราเห็นก็คือ Microsoft Bing และ Copilot ทำให้นักพัฒนาและธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงได้ ช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI เพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้ นับเป็น Core Values หลักข้อหนึ่งของ Microsoft ในการขับเคลื่อนธุรกิจอีกด้วย
7. คุณค่าหลักในการขับเคลื่อนแบรนด์ คือ การเข้าถึงอย่างสะดวกสบาย
ความมุ่งมั่นของ Microsoft ในด้านการเข้าถึงนั้นฝังลึกอยู่ในเป้าหมายของแบรนด์ โดย Microsoft เชื่อว่าเทคโนโลยีควรครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความสามารถทางกายภาพหรือความรู้ความเข้าใจ Microsoft รวมคุณลักษณะต่างๆในการใช้งานไว้ในผลิตภัณฑ์และบริการของตนตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่มีความทุพพลภาพจะสามารถใช้งานได้โดยไม่เป็นอุปสรรค ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น โปรแกรมอ่านหน้าจอ แว่นขยาย การจดจำเสียง และวิธีการป้อนข้อมูลอื่นๆ ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของการเข้าถึง Microsoft มุ่งหวังที่จะส่งเสริมให้ผู้พิการมีส่วนร่วมในการทำงาน การศึกษา และกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจ (Mission) ในการช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จมากขึ้น
8. ขับเคลื่อนสังคมด้วยเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
กิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR ของ Microsoft มุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แบรนด์วางแนวทางการทำ CSR ให้สอดคล้องกับประเด็นหลักที่สามารถสร้างความแตกต่างที่มีความหมายได้ เช่น ความเท่าเทียมในการใช้ดิจิทัล การศึกษา ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น Microsoft Philanthropies บริษัทจะมอบเงินสนับสนุน การบริจาคเทคโนโลยี และการสนับสนุนอาสาสมัครแก่องค์กรไม่แสวงผลกำไร รวมไปถึงองค์กร ชุมชนที่ทำงานเพื่อบริหารจัดการกับความท้าทายที่มีอยู่ทางสังคม Microsoft ยังกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนเอาไว้ว่า ในปี 2030 Microsoft จะลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากที่สุด และภายในปี 2050 Microsoft จะไม่มีการปล่อยคาร์บอนจากบริษัทออกสู่สิ่งแวดล้อมเลยไม่ว่าโดยตรงหรือโดยการใช้ไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น
เป้าหมายของ Microsoft นั้นแทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมไปจนถึงการเป็นเข้าไปเป็นหุ้นส่วน โครงการต่างๆที่ได้ริเริ่มขึ้น CSR และกิจกรรมการมีส่วนร่วมของลูกค้า ด้วยการยึดมั่นในเป้าหมายการมีอยู่ของแบรนด์ในการเสริมศักยภาพบุคคลและองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่มากขึ้น Microsoft ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบทางสังคมเชิงบวกและมีส่วนช่วยให้โลกให้ยั่งยืนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น