ธีมสีประจำปี 2024 (Color Theme) ก็ได้เปิดเผยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการรวบรวมจาก TCDC ซึ่งธีมสีในปี 2024 นั้นก็เป็นสีที่เกิดขึ้นจากบริบทโลกท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม อันส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่รวบรวมมาจากหลากหลายสำนัก โดยข้อมูลจาก WGSN ได้ระบุไว้ว่าสีในปี 2024 จะเน้นเรื่องการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านเฉดสีที่เน้นเรื่องสำรวจโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเพื่อเสริมพลังบวก นิตยสาร Viewpoint ได้มุ่งเน้นไปยังการเชื่อมโยงเรื่องระหว่างตนเอง ธรรมชาติ และผู้อื่น ผสานโลกดิจิทัลและกายภาพเข้าด้วยกัน เรามาดูสีหลักทั้ง 7 ที่เกิดจากการคัดกรองและการวิเคราะห์จากสำนักต่างๆที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปี 2024 กันครับ
เฉดสีเบจแกมทอง (Rich Gold)
เฉดสีเบจแกมทอง (Rich Gold) หรือน้ำตาลแกมทอง มีแหล่งที่มาจากกลุ่มของสีน้ำตาล ตัวแทนของ Earth Healing ซึ่งเป็นสีแห่งการฟื้นฟูและรักษาโลกใบนี้ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน สบายๆไม่หวือหวา มีความเรียบง่าย Lifestyle แบบ Low-key เน้นความเป็นธรรมชาติ โดยเราจะเห็นได้จากสีของพืชพรรณตามธรรมชาติ
เฉดสีส้มอมน้ำตาล (Coral Gold)
เฉดสีส้มอมน้ำตาล (Coral Gold) ถือเป็นตัวแทนของพลังบวกที่ให้ความรู้สึกดี เป็นเฉดสีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความสุข การบำบัดจิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดี ถือเป็นโทนสีแบบกลางๆที่ใช้ได้ในระยะยาว เข้ากันได้กับสีน้ำตาล สีเทา และสีดำ นอกจากนั้นยังเป็นเฉดสีที่เติมเต็มวิตามินและพลังแห่งฤดูกาล สร้างความมีชีวิตชีวา ที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับธุรกิจบ้านและที่พักอาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำและห้องนอน เฉดสีส้มอมน้ำตาล (Coral Gold) ยังเป็นเฉดสีแนว Earth Tone ที่ปลุกความรู้สึกอันแสนอบอุ่น เสริมบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอีกด้วย
เฉดสีเขียวอ่อนแบบดิจิทัล (Butterfly)
เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนสำคัญของผู้คนในแทบจะทุกมิติ และยังสร้างให้เกิดจินตนาการอย่างไม่รู้จบโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มมองเรื่องความหลงใหลอย่างลึกซึ้งกับธรรมชาติ ควบคู่ไปกับความปรารถนาที่จะรักษาโลกใบนี้เอาไว้ ทำให้ตีความเรื่องธรรมชาติอย่างไร้ขีดจำกัด ผ่านเทคโนโลยีพวก AI หรือ CGI จนเริ่มปลีกตัวออกจากสีม่วง สีชมพู และน้ำเงินแนว Sci-fi ทำให้ เฉดสีเขียวอ่อนแบบดิจิทัล (Butterfly) จะกลายเป็นเฉดสีสำคัญสำหรับปี 2024 ที่จะกลมกลืนผสมผสาน Lifestyle อย่างสนุกสนานกับชีวิตแบบดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน
เฉดสีฟ้าอมเขียว (Capri)
ในช่วงปีที่ผ่านมามีหลากหลายแบรนด์ได้นำสีโทนฟ้าอมเขียวมาทำการตลาดให้กับแบรนด์ หนึ่งในนั้นคือการจับมือกันระหว่าง Tiffany & Co. กับ Patek Philippe ที่ออกนาฬิกาโดยใช้หน้าปัดสี Tiffany Blue ซึ่งส่งเสริมภาพลักษณ์และมูลค่าให้กับแบรนด์ และเป็นตัวแทนของความหรูหรา เฉดสีฟ้าอมเขียว (Capri) เป็นสีที่แสดงถึงเทสต์ด้านแฟชั่นและจุดเริ่มต้นของการสร้างตัวตนในตลาด นับเป็นเฉดที่ได้พลังจากมหาสมุทรและอัญมณีดึกดำบรรพ์ มีความแข็งแกร่ง ทนทาน แต่ยังรู้สึกนุ่มนวลได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงกับพลังแห่งโชคลาภและการเป็นผู้นำได้อีกด้วย
เฉดสีชมพูเข้ม (Raspberry Rose)
เฉดสีชมพูถูกใช้มายาวนานหลายปีโดยเฉพาะในวงการแฟชั่น ซึ่งเป็นตัวแทนของความเป็นกลาง ความเสมอภาค ความเท่าเทียมระหว่างสองเพศ และในหนังเรื่อง Barbie ที่ฉายในปี 2023 ก็แสดงให้เห็นว่าจะเป็นใครหรือเพศไหนก็ตาม ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ในแบบฉบับของตัวเอง เฉดสีชมพูเข้ม (Raspberry Rose) จึงเป็นสีที่แสดงถึงความกล้าหาญ และเติมเต็มจิตวิญญาณของคนทุกเพศ โดยสามารถนำไปปรับใช้กับสินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
เฉดสีม่วง (Violet Storm)
เฉดสีม่วง (Violet Storm) เป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมด้านมนุษยชน ทั้งฐานะ เพศ ความบกพร่องทางร่างกาย และเป็นสีที่มีความยาวคลื่นสเปกตรัมได้ไกลเกิดความสะดุดตา และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของสีได้มากขึ้น ส่วนใหญ่สีม่วงจะถูกนำมาใช้กับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและการกระตุ้นนให้เกิดพลัง เหมาะกับการนำมาใช้ในพื้นที่สาธารณะสำหรับเด็กหรือสินค้าแฟชั่น สำหรับบางยุคบางสมัยระบุว่าเฉดสีม่วงนั้นยังเป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของพระเจ้าอีกด้วย
เฉดสีน้ำตาล (Pinecone)
เฉดสีน้ำตาล (Pinecone) กับแนวคิดการเชื่อมโยงกับความเป็นธรรมชาติ แนวคิดแบบย้อนยุค (Retro) ที่กลับมาได้รับความนิยม เน้นความเรียบง่าย เส้นสายโค้งมน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งภาระกิจสู่ความยั่งยืน สีน้ำตาลยังสะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่มีฝีมือ มีคุณภาพ อยู่เหนือกาลเวลา นอกจากนั้นยังเป็นสีแห่งการบูรณะ การสร้างสิ่งใหม่ๆจากสิ่งของเหลือใช้หรือขยะ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดีมีมูลค่า
Source: TCDC
