TH_Digital_Stats_2026_1

DataReportal ได้ทำการรวบรวมและสรุปรายงาน Digital 2026 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งาน Digital ของคนไทย โดยรายงานฉบับนี้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งชั้นนำระดับโลก เช่น GWI, Reuters Institute for the Study of Journalism, Meltwater และ We Are Social เพื่อให้เห็นภาพรวมถึงมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ ระยะเวลาในการใช้งาน การซื้อสินค้าออนไลน์ และข้อมูลสำคัญๆอื่นๆ

เรามาสำรวจประเด็นสำคัญๆ จากรายงาน Digital 2026 ของประเทศไทย และวิเคราะห์กันครับว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัลได้อย่างไร

สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลประชากรไทยที่สำคัญสำหรับนักการตลาด (ตุลาคม 2025)

TH_Digital_Stats_2026_18

ข้อมูลประชากรไทย ณ เดือนตุลาคม 2025 ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสที่สำคัญๆ ดังนี้ ประเทศไทยมีประชากรรวมอยู่ที่ 71.6 ล้านคน แต่สิ่งที่น่าจับตา คือ จำนวนประชากรกำลังลดลงเล็กน้อยที่ -0.07% ต่อปี ซึ่งหมายความว่านักการตลาดไม่สามารถพึ่งพาการเติบโตของตลาดในเชิงปริมาณได้อีกต่อไป โครงสร้างอายุของประเทศกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีอายุเฉลี่ยสูงถึง 40.6 ปี ทำให้การตลาดจึงต้องมุ่งเน้นไปยัง กลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัย

ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน เขตเมือง (55.2%) และมีขนาดครัวเรือนเฉลี่ยที่ 2.8 คน ต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นสัญญาณให้ปรับขนาดสินค้าและบริการให้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก การสื่อสารการตลาดจะมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจาก อัตราการรู้หนังสือโดยรวมสูงถึง 91.1% ทำให้สามารถใช้ช่องทางดิจิทัลและเนื้อหาที่เน้นข้อมูลเชิงลึกได้อย่างเต็มที่ โดยสรุป คือ กลยุทธ์ต้องเปลี่ยนจากการเน้นปริมาณไปสู่การเน้นคุณภาพ มูลค่า และความเฉพาะเจาะจง ของกลุ่มเป้าหมายสูงวัยในเขตเมือง

อายุโดยเฉลี่ยของคนไทย

TH_Digital_Stats_2026_20

การกระจายตัวของอายุประชากรไทย แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างที่เป็นระฆังคว่ำอย่างชัดเจน โดยมีจุดสูงสุดของจำนวนประชากรอยู่ที่กลุ่มวัยทำงานตอนกลางถึงตอนปลาย คือ ช่วงอายุ 35-59 ปี ซึ่งแต่ละช่วงอายุ 5 ปี มีจำนวนประชากรมากกว่า 5 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ และอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดในปัจจุบัน สำหรับนักการตลาดแล้ว กลยุทธ์จึงต้องมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการด้านการลงทุน ความมั่นคงในชีวิต และนำเสนอสินค้า / บริการระดับพรีเมียม

ขณะเดียวกัน ฐานประชากรเด็กและวัยรุ่น (0-19 ปี) ที่มีจำนวนน้อยกว่ามาก สะท้อนถึงอัตราการเกิดที่ต่ำ และบ่งชี้ว่าการแข่งขันในตลาดสินค้าสำหรับเด็กจะยิ่งเข้มข้นขึ้น ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่มีจำนวนมหาศาล กำลังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ธุรกิจต้องปรับตัว โดยจำเป็นต้องลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การดูแลระยะยาว และเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงวัย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน

ช่องทางการสื่อสารและประสบการณ์ผู้ใช้งาน

TH_Digital_Stats_2026_23

ข้อมูลการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ยืนยันอย่างชัดเจนว่ากลยุทธ์ต้องเป็น Mobile-First อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากอัตราการเป็นเจ้าของ Smartphone นั้นสูงถึง 98.2% ซึ่งบ่งชี้ว่ามือถือ คือ ศูนย์กลางของทุกกิจกรรมและการซื้อขายออนไลน์ ขณะเดียวกัน อุปกรณ์หน้าจอรองก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยมีผู้เป็นเจ้าของ Smart TV อยู่ที่ 44.9% และ Laptop หรือ Desktop Computer ที่ 36.0% ซึ่งนักการตลาดควรใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เหล่านี้ในการนำเสนอเนื้อหาวิดีโอแบบยาว (Long-form Content) หรือประสบการณ์ที่ต้องใช้หน้าจอขนาดใหญ่

นอกจากนี้ อุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) อย่าง Smart Wrist Device ก็เริ่มเติบโตขึ้นที่ 26.1% สะท้อนถึงเทรนด์การใส่ใจสุขภาพและความเชื่อมโยงส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมล้ำหน้าอย่าง Smart Home Device และ Virtual Reality Device ยังคงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีอัตราการเข้าถึงต่ำกว่า 10% อย่างมาก สรุปคือ การตลาดที่ประสบความสำเร็จในไทย ต้องเริ่มต้นและจบด้วยประสบการณ์บนมือถือ พร้อมเสริมด้วยกลยุทธ์ Cross-Platform เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาการใช้งาน

การใช้สื่อของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

TH_Digital_Stats_2026_24

ข้อมูลการใช้สื่อของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ยืนยันอย่างชัดเจนว่า Video คือ สื่อหลักที่ครอบคลุมที่สุด โดยมีการรับชมวิดีโอออนไลน์สูงถึง 95.8% ต่อสัปดาห์ และเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ Short-form Video (93.5%) ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ Social Media (94.0%) ทำให้การตลาดต้องมีกลยุทธ์แบบ Video-Centric และใช้โซเชียลมีเดียเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่เป็นอันดับแรก ขณะเดียวกัน สื่อดั้งเดิมยังมีบทบาทที่แข็งแกร่ง แต่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดย Press แบบ Online (85.0%) มีการใช้งานสูงกว่า TV แบบ Linear หรือ Broadcast (74.6%) เล็กน้อย และมีการบริโภค Online Video แบบ Long-form (78.6%) ที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ตลาด Mobile Gaming ที่มีผู้ใช้สูงถึง 76.1% รวมถึงการฟัง Music Streaming (69.8%) และ Podcasts (59.7%) ก็เป็นโอกาสสำคัญ ในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางผ่านเสียงเพลง สรุปได้ว่า การจัดสรรงบประมาณควรเน้นที่การผลิตเนื้อหาวิดีโอสั้นที่มีคุณภาพ และใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลัก ในขณะที่ยังคงใช้สื่อโทรทัศน์ดั้งเดิมสำหรับเป้าหมายการเข้าถึงมวลชนในวงกว้าง

เวลาการใช้สื่อรายสัปดาห์

TH_Digital_Stats_2026_25

ข้อมูลเวลาที่ใช้กับสื่อรายสัปดาห์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย เผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Online Video คือ แชมป์ที่ผู้บริโภคใช้เวลาด้วยมากที่สุดถึง 12 ชั่วโมง 6 นาที ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่องทางแรกที่แบรนด์ ควรทุ่มงบประมาณและทรัพยากรไปเพื่อดึงดูดความสนใจ โดยกิจกรรมหลักรองลงมาที่ดึงดูดเวลาของผู้บริโภค ได้แก่ Video Games (8 ชั่วโมง 53 นาที), TV (8 ชั่วโมง 39 นาที) และ Social Media (8 ชั่วโมง 39 นาที) ซึ่งสะท้อนความสำคัญของวิดีโอ เกม และแพลตฟอร์มโซเชียล

สำหรับการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่น่าสนใจ คือ Short Online Video (7 ชั่วโมง 22 นาที) กินเวลามากกว่า Long Online Video (4 ชั่วโมง 44 นาที) อย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าการสื่อสารต้องกระชับ รวดเร็ว และสร้างสรรค์ นอกจากนี้ Mobile Gaming (6 ชั่วโมง 7 นาที) ยังเป็นสื่อที่กินเวลาของผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับ In-Game Advertising และการ Tie-in กับเกมมือถือ การตลาดจึงต้องมุ่งเน้นการผลิตเนื้อหาสั้นๆ สำหรับช่องทางวิดีโอออนไลน์และเกมมือถือ เพื่อให้แบรนด์ได้อยู่บนหน้าจอผู้บริโภคในระยะเวลาที่นานที่สุด

ภาพรวมการใช้อินเทอร์เน็ต

TH_Digital_Stats_2026_32

ข้อมูลภาพรวมการใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ยืนยันถึงการเข้าถึงที่เกือบจะสมบูรณ์ โดยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 67.8 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 94.7% ของประชากรทั้งหมด และยังมีการเติบโตต่อเนื่องถึง +3.7% ต่อปี ข้อมูลนี้ชี้ชัดว่าอินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกธุรกิจ โดยความสำคัญสูงสุดยังคงอยู่ที่ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีผู้ใช้งานเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านช่องทางนี้สูงถึง 97.0% ส่วนการเข้าถึงผ่าน Laptop หรือ Desktop ยังคงมีสัดส่วนที่สำคัญที่ 42.1% ซึ่งหมายถึงผู้บริโภคส่วนหนึ่งใช้หลายอุปกรณ์ในการเข้าถึงสื่อ ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้เวลากับสื่อออนไลน์ รวมกันเฉลี่ยสูงถึง 34 ชั่วโมง 32 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการสร้างแบรนด์บนโลกดิจิทัลนั้น มีโอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยาวนานกับผู้บริโภค

เหตุผลหลักในการใช้อินเทอร์เน็ต

TH_Digital_Stats_2026_36

ข้อมูลเหตุผลหลักในการใช้อินเทอร์เน็ตแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยเข้าสู่โลกออนไลน์เพื่อตอบสนองความต้องการด้าน ข้อมูลและความรู้ (Utility) เป็นหลัก โดยมีเหตุผลอันดับหนึ่ง คือ การค้นหาข้อมูล (63.8%) และ การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ (60.3%) ซึ่งหมายความว่า เนื้อหาของแบรนด์ต้องสามารถถูกค้นหาเจอ (Searchable) มีความน่าเชื่อถือ และตอบโจทย์คำถามของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน การรับชมวิดีโอ (60.9%) ก็ยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยม ที่ทำควบคู่ไปกับการ ใช้เวลาว่าง (56.3%) ซึ่งบ่งชี้ว่าการสร้างความบันเทิงก็ยังคงสำคัญอย่างยิ่ง ที่น่าสนใจ คือ มีผู้ใช้งานเกือบครึ่งที่เข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อ ค้นคว้าหาวิธีการทำสิ่งต่างๆ (49.1%) และเกือบ 40% ใช้ในการ ค้นคว้าเกี่ยวกับสินค้าและแบรนด์ รวมถึง การจัดการด้านการเงินและสุขภาพ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ากลยุทธ์ Content Marketing ควรเน้นไปที่การให้ความรู้ การแก้ปัญหา และการนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อจับลูกค้าในช่วงที่พวกเขากำลังหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ

ประเภทเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้งานสูงสุด

TH_Digital_Stats_2026_47

ข้อมูลประเภทเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้สูงสุด ยืนยันถึงความจำเป็นในการสร้างรากฐานดิจิทัลที่มั่นคง โดยมีแพลตฟอร์มที่เกือบจะเข้าถึงทุกคน คือ Social Networks (97.5%) และ Chat / Messaging (96.7%) ซึ่งเป็นช่องทางหลักสำหรับการสร้างชุมชน และการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า ขณะเดียวกัน Search Engines (86.3%) และ Email (85.9%) ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการค้นพบสินค้าและการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) แต่ที่น่าจับตา คือ E-commerce ซึ่งมีผู้ใช้งานเพื่อ Shopping สูงถึง 81.8% แสดงถึงความพร้อมในการซื้อขายออนไลน์ของผู้บริโภค

นอกจากนี้ การใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับสถานที่อย่าง Maps / Location-based services (59.5%) และ Food Takeaway & Delivery (50.2%) ที่มีผู้ใช้เกินครึ่งหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความต้องการความสะดวกสบาย และการเชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์และโลกทางกายภาพ การตลาดจึงต้องมุ่งเน้นการมีตัวตนในช่องทางโซเชียล การค้นหา และการสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่น โดยไม่ลืมการจัดการชื่อเสียงออนไลน์ (Online Reputation) ผ่านการใช้งาน Reviews (31.2%) ที่ยังคงมีความสำคัญเสมอ

เว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด โดย SEMRUSH

TH_Digital_Stats_2026_49

สำหรับเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด 10 อันดับแรก (จัดอันดับโดย SEMRUSH) ได้แก่

  1. Google.com
  2. YouTube.com
  3. Facebook.com
  4. Xvideos.com
  5. X.com
  6. Shopee.com
  7. ChatGPT.com
  8. VK.com
  9. Yahoo.com
  10. Pantip.com

การอ้างอิง Traffic จากแพลตฟอร์ม AI

TH_Digital_Stats_2026_54

ข้อมูลการอ้างอิง Traffic จากแพลตฟอร์ม AI (LLM) ชี้ให้เห็นถึงการผูกขาดอย่างชัดเจน ในช่องทางการค้นหาข้อมูลยุคใหม่ โดย ChatGPT ครองส่วนแบ่งการอ้างอิง Traffic ถึง 84.30% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างมาก เช่น Google Gemini (6.32%) และ Perplexity (5.00%) ข้อมูลนี้มีนัยยะสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลยุทธ์ Content Marketing ซึ่งแม้ว่าผู้บริโภคจะยังคงใช้ Google Search แบบดั้งเดิมเป็นหลัก แต่การค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังกลายเป็นช่องทางที่มีการรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่แพลตฟอร์มเดียว

ดังนั้น การที่เนื้อหาของคุณจะถูกสรุปหรืออ้างอิงโดย AI Model จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค ที่กำลังมองหาข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การตลาดจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกลยุทธ์การสร้างสรรค์เนื้อหา เพื่อรองรับการดึงข้อมูลโดยเครื่องมือ AI เหล่านี้ นอกเหนือจากการทำ SEO แบบเดิม

การใช้บริการสื่อสารดิจิทัล

TH_Digital_Stats_2026_55

ข้อมูลการใช้บริการสื่อสารดิจิทัล ยืนยันถึงการครองตลาดของแพลตฟอร์ม ที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวและแบบกลุ่ม ผ่าน Social Networks (97.5%) และ Chat Apps and Messengers (96.7%) ซึ่งเน้นย้ำว่าการสื่อสารและการบริการลูกค้า จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเป็นส่วนตัวผ่านช่องทางเหล่านี้ ในขณะที่ Email ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่แข็งแกร่งด้วยอัตราการเข้าถึง 85.9% ซึ่งยังคงมีความสำคัญสำหรับการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) การยืนยันตัวตน และการทำธุรกรรมอย่างเป็นทางการ

ส่วน Mobile Video Calling มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 31.4% บ่งชี้ว่าแม้การโทรผ่าน Video Call จะไม่ได้เป็นการใช้งานหลักในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีบทบาทในการสื่อสารที่เน้นความสัมพันธ์ส่วนตัว และการสื่อสารทางธุรกิจที่ต้องการความชัดเจนสูง ดังนั้น กลยุทธ์การสื่อสารควรเน้นที่การสร้าง Conversational Commerce และการให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างทันท่วงที ผ่านช่องทาง Chat / Social ในขณะที่ยังคงใช้ Email เพื่อสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

กิจกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์

TH_Digital_Stats_2026_58

ข้อมูลกิจกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์รายสัปดาห์นี้ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทย มีพฤติกรรมการซื้อขายที่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง โดยผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตถึง 68.6% ซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเป็นอัตราการทำธุรกรรมหลักที่สูงมาก นอกเหนือจากการซื้อทั่วไปแล้ว ความสะดวกสบายก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยมีผู้สั่ง ซื้อของชำ / ของใช้ผ่านช่องทางออนไลน์สูงถึง 43.3% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการบริการจัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังแสดงความอ่อนไหวต่อราคา และมีความต้องการทางเลือกทางการเงินสูง โดยมีการใช้ บริการเปรียบเทียบราคาออนไลน์ถึง 28.0% และมีการใช้บริการ Buy Now, Pay Later (BNPL) ถึง 25.7% ข้อมูลนี้ตอกย้ำว่ากลยุทธ์ E-Commerce ไม่เพียงแต่ต้องเน้นความง่ายในการใช้งานเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันได้ และการเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เพื่อขับเคลื่อนยอดขายจากฐานลูกค้าที่พร้อมจับจ่ายรายสัปดาห์

การใช้จ่ายบน E-Commerce

TH_Digital_Stats_2026_60

ข้อมูลการใช้จ่ายบน E-Commerce รายปีตามหมวดหมู่สินค้าอุปโภคบริโภค แสดงให้เห็นการกระจุกตัวของการใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่เน้นความจำเป็นและไลฟ์สไตล์อย่างชัดเจน โดย อาหาร (Food) เป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบ ด้วยมูลค่าการใช้จ่ายสูงถึง 4.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความต้องการบริการจัดส่งอาหาร และของชำออนไลน์ที่แข็งแกร่งมากในตลาดของไทย รองลงมา คือ หมวดหมู่ที่ขับเคลื่อนด้วยไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แฟชั่น (Fashion) ($3.16 พันล้าน) และ อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics) ($2.50 พันล้าน) ซึ่งเป็นเสาหลักในการสร้างรายได้หลักของธุรกิจ E-Commerce

นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง ของใช้ในครัวเรือน (Household Essentials) ($1.87 พันล้าน) และ ความงามและการดูแลส่วนบุคคล (Beauty & Personal Care) ($1.79 พันล้าน) ยังสูงมากเช่นกัน ข้อมูลนี้ชี้ว่ากลยุทธ์การตลาดจะต้องจัดสรรทรัพยากรจำนวนมาก ไปที่การบริหารจัดการซัพพลายเชนและระบบโลจิสติกส์ สำหรับหมวดหมู่ “อาหาร” และสินค้าจำเป็นที่มีความถี่ในการซื้อสูง ในขณะที่ใช้การตลาดที่เน้นภาพลักษณ์และคุณภาพ เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายในหมวด “แฟชั่น” และ “อิเล็กทรอนิกส์”

วิธีการชำระเงินยอดนิยม

TH_Digital_Stats_2026_61

ข้อมูลวิธีการชำระเงินสำหรับการทำธุรกรรมผ่าน E-Commerce แสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของตลาดในไทย ที่ให้ความสำคัญกับการโอนเงินโดยตรง โดย Account-to-Account Transfers (A2A) ครองส่วนแบ่งมูลค่าธุรกรรมสูงสุดถึง 44% ซึ่งสะท้อนความไว้วางใจในการโอนเงินผ่านระบบธนาคารโดยตรง (เช่น PromptPay) สำหรับการซื้อสินค้ามูลค่าสูง ตามมาด้วย Mobile and Digital Wallets ที่ 30% ซึ่งยืนยันบทบาทของมือถือในทุกขั้นตอนการซื้อขาย

ขณะที่วิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมอย่าง Debit and Credit Cards มีส่วนแบ่งเพียง 17% เท่านั้น นอกจากนี้ แม้ว่าผู้บริโภคจำนวนมากจะนิยมใช้บริการ Buy Now, Pay Later (BNPL) แต่บริการนี้มีสัดส่วนมูลค่าธุรกรรมเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่า BNPL ถูกใช้เป็นหลักสำหรับการซื้อสินค้าราคาไม่สูง และใช้เป็นตัวเลือกทางการเงินเสริม ดังนั้น กลยุทธ์การตลาด E-Commerce จึงต้องให้ความสำคัญสูงสุด กับความราบรื่นในการชำระเงินผ่านระบบ A2A และ Digital Wallet เพื่อรองรับการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง และมีความถี่ในการซื้อที่ต้องการความสะดวก

ปัจจัยในการซื้อสินค้าออนไลน์

TH_Digital_Stats_2026_62

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสูงสุดอย่างชัดเจน คือ แรงจูงใจทางการเงินและสิทธิประโยชน์ด้านต้นทุน โดย คูปองและส่วนลด (Coupons & Discounts) (55.7%) และ บริการจัดส่งฟรี (Free Delivery) (54.3%) เป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้บริโภค ทำการซื้อขายออนไลน์มากที่สุด รองลงมา คือ ปัจจัยด้านความเชื่อมั่นและการลดความเสี่ยง ซึ่งได้แก่ การชำระเงินปลายทาง (Cash on Delivery) (31.3%) และ รีวิวจากลูกค้า (Customer Reviews) (27.9%) ในระดับเดียวกันนั้น อิทธิพลทางสังคมก็มีบทบาทสำคัญ เนื่องจาก การกดไลค์และความเห็นบนโซเชียล (Social Likes & Comments) (31.3%) ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นหลักเช่นกัน

นอกจากนี้ ความสะดวกสบายในการซื้อขายก็มีความสำคัญ โดยมีผู้บริโภคที่ต้องการ นโยบายการคืนสินค้าที่ง่าย (Easy Returns Policy) (25.6%) และ การจัดส่งในวันถัดไป (Next-Day Delivery) (24.2%) ดังนั้น กลยุทธ์ E-Commerce จึงต้องให้ความสำคัญ กับการให้ข้อเสนอทางการเงินที่น่าสนใจ และการสร้าง Social Proof เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ความบันเทิงกับข้อมูลการใช้ทีวีและสตรีมมิ่ง

TH_Digital_Stats_2026_72

ข้อมูลการใช้ทีวีและสตรีมมิ่งแสดงให้เห็นว่า โทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 85.9% รับชมเนื้อหาผ่านทีวีทุกสัปดาห์ ด้วยเวลาเฉลี่ยรวม 8 ชั่วโมง 39 นาที แต่อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงสื่อต้องปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เวลาอย่างชัดเจน เนื่องจากเวลาที่ผู้บริโภคใช้ไปกับ Streaming TV Content (เช่น Netflix, Disney+) ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ย 4 ชั่วโมง 35 นาที ได้แซงหน้า Linear TV (ทีวีออกอากาศปกติ) ที่ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง 5 นาที และครองส่วนแบ่งเวลาการรับชมรวมสูงถึง 52.9%

ดังนั้น การตลาดจึงควรลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่องทางสตรีมมิ่ง เพื่อการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และสอดคล้องกับพฤติกรรมการรับชมในปัจจุบัน

ข้อมูลการรับชม Online Video

TH_Digital_Stats_2026_76

ข้อมูลประเภทวิดีโอออนไลน์ (Online Video) ที่รับชม แสดงให้เห็นความต้องการเนื้อหาเพื่อความบันเทิงที่ชัดเจน โดย Music Video (48.5%) และ Comedy, Meme หรือ Viral Video (47.1%) เป็นเนื้อหาที่เข้าถึงผู้บริโภคสูงสุดในแต่ละสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม วิดีโอไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความบันเทิงเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการตัดสินใจซื้อ โดย Product Review Video (32.8%) และ Influencer Videos and Vlogs (29.9%) มีอัตราการรับชมสูงมาก ซึ่งยืนยันถึงความสำคัญของ Social Proof และการตลาดที่ใช้ผู้มีอิทธิพล

นอกจากนี้ เนื้อหาประเภทที่เน้นการเรียนรู้และประโยชน์ใช้งานอย่าง Tutorial or How-to Video (22.9%) ยังคงมีความสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้บริโภค ดังนั้น การทำ Content Marketing จึงควรผสมผสานระหว่างวิดีโอที่ให้ความบันเทิงสูงเพื่อสร้างการรับรู้ และวิดีโอรีวิว / ให้ความรู้เพื่อผลักดันการซื้อขายในขั้นตอนต่อไป

การใช้งาน Online Audio

TH_Digital_Stats_2026_77

ข้อมูลการใช้งานสื่อเสียงออนไลน์ (Online Audio) แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่แข็งแกร่ง ในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางที่ไม่มีภาพ โดย Music Streaming Services ครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 69.8% อย่างไรก็ตาม Podcasts กลายเป็นช่องทางที่มีการเข้าถึงสูงอย่างน่าประทับใจถึง 59.7% ซึ่งยืนยันว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมาก มีพฤติกรรมการรับสื่อเสียงในขณะทำกิจกรรมอื่น (Multitasking) และเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถลงโฆษณา หรือสร้างเนื้อหาแบบยาว (Long-form) ที่เน้นการเล่าเรื่อง

นอกจากนี้ การรับชม Online Music Videos (48.5%) ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการบริโภคดนตรี ในขณะที่การฟัง Audio Books (22.3%) ก็ชี้ให้เห็นถึงตลาดเฉพาะกลุ่มที่สำคัญ สำหรับเนื้อหาที่เน้นการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดจึงควรผนวกรวมการลงโฆษณาใน Podcasts เข้าไป เพื่อเจาะกลุ่มผู้ฟังที่ตั้งใจฟังและมีส่วนร่วมสูง

ข้อมูลการใช้ Social Media

TH_Digital_Stats_2026_81

ข้อมูลภาพรวมการใช้ Social Media ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนบัญชีผู้ใช้สูงถึง 56.6 ล้านบัญชี ซึ่งคิดเป็น 79.1% ของประชากรทั้งหมด ที่สำคัญ คือ แพลตฟอร์มนี้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยอัตราเพิ่มขึ้นต่อปีสูงถึง +15.2% และผู้บริโภคก็มีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาบนแพลตฟอร์มเฉลี่ย 20 ชั่วโมง 45 นาทีต่อสัปดาห์ และใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆเฉลี่ย 7.3 แพลตฟอร์มต่อเดือน

นอกจากนี้ยังพบว่าฐานผู้ใช้เป็น เพศหญิงมากกว่า (55.2% เทียบกับชาย 44.8%) ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดจึงต้องเน้นการสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย เพื่อกระจายไปยัง 7.3 แพลตฟอร์มหลัก เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานที่ทั้งมีส่วนร่วมสูง และเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โปรไฟล์ผู้ใช้งาน Social Media

TH_Digital_Stats_2026_84

ข้อมูลโปรไฟล์ผู้ชมสำหรับโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Meta (Facebook, Instagram, Messenger, Threads) เผยให้เห็นการกระจุกตัวของกลุ่มเป้าหมายในวัยทำงานอย่างชัดเจน โดยกลุ่มที่มีการเข้าถึงสูงสุด คือ ผู้หญิงอายุ 25-34 ปี (17.6%) และ ผู้ชายอายุ 25-34 ปี (16.7%) เมื่อรวมกลุ่มเป้าหมายหลักในวัยสร้างฐานะตั้งแต่ อายุ 25 ถึง 44 ปี จะครอบคลุมมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชมโฆษณาทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังสังเกตได้ว่า ผู้หญิงมีสัดส่วนนำผู้ชายในทุกช่วงอายุ ดังนั้น กลยุทธ์การลงโฆษณาบน Meta ควรจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่เพื่อเข้าถึงกลุ่มอายุ 25-44 ปี โดยสร้างเนื้อหาที่เน้นเพศหญิงเป็นศูนย์กลาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด

เหตุผลที่ใช้งาน Social Media

TH_Digital_Stats_2026_85

จากการวิเคราะห์เหตุผลหลักในการใช้ Social Media พบว่า ฟังก์ชันหลักยังคงเป็นด้านสังคมและอารมณ์ โดยผู้บริโภคใช้เพื่อ ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว (58.0%) ตามมาด้วยการรับข้อมูลข่าวสาร (อ่านข่าวสาร 41.5%) และใช้ เพื่อฆ่าเวลา (39.7%) ที่สำคัญ คือ แรงจูงใจทางการค้ามีความเด่นชัด โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่มองหาสื่อสังคมเพื่อ หาแรงบันดาลใจในการซื้อของ (35.3%) และ ค้นหาสินค้าเพื่อซื้อ (34.6%) การติดตาม Influencers (31.6%) มีความสำคัญกว่า การรับชมเนื้อหาจากแบรนด์โดยตรง (26.8%)

ดังนั้น การทำ Content Marketing ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องผนวกการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม ให้เข้ากับการนำเสนอสินค้าในเชิงแรงบันดาลใจ โดยใช้ Influencers เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

การใช้งานแพลตฟอร์ม Social Media

TH_Digital_Stats_2026_86

จากการสำรวจการใช้งานแพลตฟอร์ม ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประกาศตนเองว่า ใช้งานอย่างน้อยหนึ่งครั้งในเดือนที่ผ่านมา พบว่ามี 4 แพลตฟอร์มหลักที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง (มากกว่า 80%) คือ Facebook (89.1%) ซึ่งยังคงเป็นผู้นำด้านการเข้าถึง LINE (84.4%) ที่เป็นช่องทางสื่อสารสำคัญในชีวิตประจำวัน TikTok (83.4%) ที่ครองตลาดวิดีโอสั้น และ YouTube (81.7%) ที่เป็นศูนย์กลางวิดีโอครบวงจร

นอกจากนี้ Messenger (74.4%) และ Instagram (66.9%) ก็ยังคงเป็นช่องทางสำคัญ แต่ที่น่าสนใจ คือ แพลตฟอร์มเฉพาะทางอย่าง Lemon8 (30.3%) ก็มีการเข้าถึงที่โดดเด่น โดยสรุปได้ว่า กลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องครอบคลุมทั้ง 4 แพลตฟอร์มหลัก เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และใช้ LINE เป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารและการขาย

จำนวนผู้ใช้งาน Social Media

TH_Digital_Stats_2026_87

จากการวิเคราะห์ดัชนีผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Social Media (Active User Index) พบว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีการใช้งานบนสมาร์ทโฟนมากที่สุดอย่างชัดเจน (100.0) ตามมาด้วย YouTube (84.8) ซึ่งตอกย้ำว่า วิดีโอสั้นและวิดีโอครบวงจร คือ สื่อที่มีการบริโภคสูงสุดในเชิงของการใช้งานจริงบนมือถือ ส่วนแพลตฟอร์มหลักดั้งเดิมอย่าง Facebook (52.7) และ LINE (47.2) แม้จะยังคงมีการเข้าถึงสูง แต่มีดัชนีการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต่ำกว่า 2 แพลตฟอร์มวิดีโออย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมสูงในแอปพลิเคชัน ควรจัดสรรทรัพยากรส่วนใหญ่ไปยัง TikTok และ YouTube เพื่อคว้าเวลาและความสนใจของผู้ใช้งาน

การเข้าถึงโฆษณาตามแพลตฟอร์ม

TH_Digital_Stats_2026_88

ในการวิเคราะห์ศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาบน Social Media พบว่า TikTok มีฐานผู้ชมโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดถึง 56.6 ล้านบัญชี ซึ่งทำให้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่สุด ในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ตามมาด้วย Facebook (51.5 ล้านบัญชี) และ YouTube (47.2 ล้านบัญชี) ซึ่งยืนยันว่ากลยุทธ์การลงโฆษณา ต้องครอบคลุมสามแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่นี้ เพื่อเข้าถึงผู้ชมส่วนใหญ่ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มอื่นๆในเครือ Meta เช่น Instagram (20.6 ล้านบัญชี) และ Messenger (36.5 ล้านบัญชี) ก็ยังเป็นช่องทางเสริมที่มีความสำคัญ ในการเข้าถึงแบบเจาะจง ดังนั้น งบประมาณโฆษณาควรเน้นไปที่ TikTok ในฐานะผู้นำด้าน Reach และใช้ Facebook / YouTube เพื่อสร้างแคมเปญที่หลากหลาย ตามลักษณะเนื้อหาของแต่ละแพลตฟอร์ม

ความชอบในแต่ละแพลตฟอร์ม

TH_Digital_Stats_2026_90

จากการวิเคราะห์ความชอบของแพลตฟอร์ม Social Media พบว่า TikTok (30.3%) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มโปรดของผู้ใช้ โดยมีคะแนนนำ Facebook (29.2%) เพียงเล็กน้อย ซึ่งตอกย้ำว่าแม้ Facebook จะยังคงมี Reach สูงสุด แต่ TikTok ได้เข้ามากุมหัวใจและความผูกพันของผู้ใช้งานในเชิงลึก ในขณะที่ Instagram (13.3%) และ LINE (10.4%) ยังคงอยู่ในลำดับถัดมา โดยเฉพาะ LINE ที่มีอัตราการเข้าถึงสูงมาก แต่มีสถานะเป็น “แพลตฟอร์มโปรด” ที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมอง LINE เป็นเครื่องมือสื่อสารเชิงหน้าที่ (Utility) มากกว่าช่องทางที่ชื่นชอบ

ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดจึงควรจัดสรรงบประมาณ สำหรับเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์ไปยัง TikTok เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานะความเป็นที่รักของผู้บริโภค ในการขับเคลื่อน Engagement

เวลาการใช้งาน Social Media แต่ละแพลตฟอร์ม

TH_Digital_Stats_2026_91

จากเวลาเฉลี่ยรายวันที่ผู้ใช้ Social Media พบว่า YouTube (58 นาที) และ Facebook (57 นาที) เป็น 2 แพลตฟอร์มที่สามารถดึงเวลาของผู้ใช้งานได้อย่างมีนัยสำคัญที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าเนื้อหาแบบยาว (Long-form) และการใช้งานที่หลากหลายของ Facebook ยังคงทำให้ผู้ใช้มีเซสชั่นการใช้งานที่ยาวนาน ในขณะที่ Instagram (48 นาที) และ TikTok (47 นาที) มีเวลาที่ใช้ต่อวันตามหลังมาติดๆ ซึ่งยืนยันว่าถึงแม้ TikTok จะเป็นแพลตฟอร์มโปรด แต่ YouTube และ Facebook คือ ผู้นำด้านความต่อเนื่องในการรับชม ส่วนแอปพลิเคชันที่เน้นการสื่อสารอย่าง LINE (27 นาที) มีเวลาใช้งานที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น กลยุทธ์การโฆษณาที่ต้องการการใส่ใจ (Attention) ที่ยาวนาน ควรเน้นการลงทุนใน YouTube และ Facebook เพื่อให้ได้ประโยชน์จากเวลาที่ผู้ใช้ใช้ไปสูงสุด

จำนวนครั้งของการใช้งาน Social Media แต่ละแพลตฟอร์ม

TH_Digital_Stats_2026_92

จากการวิเคราะห์ความถี่เฉลี่ยในการเปิดแอปพลิเคชันต่อวัน (Average Daily Sessions) พบว่า แอปพลิเคชันสำหรับ การสื่อสาร (Chat Apps) เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง โดย WhatsApp (17.1 ครั้ง) และ LINE (13.0 ครั้ง) ครองอันดับสูงสุด แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้งาน เพื่อการสื่อสารส่วนตัวและเชิงธุรกิจ ในส่วนของแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Instagram (11.5 ครั้ง) และ Facebook (11.1 ครั้ง) ก็ยังมีความถี่ในการตรวจสอบที่สูงมาก ซึ่งบ่งชี้ถึงพฤติกรรมการเสพฟีดและอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

ในทางตรงกันข้าม TikTok (6.0 ครั้ง) และ YouTube (5.6 ครั้ง) มีความถี่ในการเปิดที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานที่เน้นการรับชมเนื้อหาวิดีโอแบบยาว มากกว่าการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ดังนั้น กลยุทธ์การสื่อสารโดยตรง (Direct Communication) ควรเน้นที่ LINE ในขณะที่กลยุทธ์ Content Creation ควรใช้ประโยชน์จากความถี่ในการเข้าถึงสูงของ Facebook / Instagram

ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้งาน Social Media แต่ละแพลตฟอร์ม

TH_Digital_Stats_2026_93

ในการวิเคราะห์ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้งานแต่ละครั้ง (Average Session Duration) พบว่า แพลตฟอร์มวิดีโอ คือ ผู้นำในการดึงความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดย YouTube (10 นาที 27 วินาที) มีระยะเวลาการใช้งานต่อครั้งที่ยาวนานที่สุด ตามมาด้วย TikTok (7 นาที 53 วินาที) ซึ่งบ่งชี้ว่าเนื้อหาวิดีโอไม่ว่าจะเป็นแบบสั้นหรือยาว สามารถทำให้ผู้บริโภคเข้าสู่สถานะการรับชมแบบต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแอปพลิเคชัน Social Media หลักๆอย่าง Facebook (5 นาที 7 วินาที) และ Instagram (4 นาที 8 วินาที) มีระยะเวลาต่อเซสชั่นสั้นกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ LINE (2 นาที 2 วินาที) ที่มีเซสชั่นสั้นที่สุดในกลุ่มผู้นำ

ดังนั้น แบรนด์ควรออกแบบเนื้อหาให้มีความลึก และเน้นการเล่าเรื่องสำหรับ YouTube และ TikTok เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานที่ยาวนานต่อครั้ง

พฤติกรรมการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้า

TH_Digital_Stats_2026_94

จากพฤติกรรมการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้า พบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ถึง 71.3% ใช้ช่องทาง Social Media ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อการค้นคว้า โดยมี Social Networks (46.4%) เป็นช่องทางหลัก นอกจากนี้ รูปแบบเนื้อหาที่เน้นการให้ข้อมูลเชิงลึกก็มีความสำคัญสูง โดย Blogs (19.7%) และ Vlogs (วิดีโอ 17.4%) มีบทบาทสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและการให้รายละเอียดสินค้า ซึ่งตอกย้ำความจำเป็นในการสร้างเนื้อหารีวิวที่มีคุณภาพสูง และที่สำคัญ ก็คือ 15.3% ของผู้บริโภคใช้ Messaging and Live Chat Services ในการสอบถามข้อมูลโดยตรง

ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดต้องมั่นใจว่าทุกช่องทาง Social Media มีข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน และมีช่องทาง Chat Support ที่พร้อมตอบสนองต่อการสอบถามในทันที

การติดตามบัญชีผู้ใช้งาน Social Media

TH_Digital_Stats_2026_95

จากการวิเคราะห์ประเภทบัญชีที่ผู้ใช้ Social Media ติดตาม พบว่า ผู้ใช้ให้ความสำคัญกับ คนรู้จักส่วนตัว (52.0%) เป็นอันดับแรก แต่การติดตามเนื้อหาเชิงความบันเทิง และผู้มีอิทธิพลก็มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง โดยบัญชี นักแสดง / นักแสดงตลก (36.9%) และ Influencers หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ (32.9%) มีสัดส่วนการติดตามสูง ซึ่งตอกย้ำว่าผู้บริโภคเข้า Social Media เพื่อความบันเทิงและแรงบันดาลใจเป็นหลัก และใช้ Influencers ในการค้นหาข้อมูลสินค้า

ในทางกลับกัน การติดตามบัญชี แบรนด์ที่ซื้ออยู่แล้ว (22.7%) และ แบรนด์ที่กำลังพิจารณาจะซื้อ (21.5%) มีสัดส่วนค่อนข้างต่ำ ดังนั้น แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ให้เน้นการเป็นผู้ให้ความบันเทิง หรือผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับบัญชีประเภทอื่นๆในฟีดของผู้บริโภคได้

Traffic บนเว็บไซต์จาก Social Media

TH_Digital_Stats_2026_96

จากการวิเคราะห์สัดส่วนทราฟฟิกบนเว็บไซต์ ที่ถูกส่งต่อมาจากแพลตฟอร์ม Social Media (Web Traffic Referrals) พบข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจ ก็คือ X (เดิม คือ Twitter) เป็นผู้นำอย่างท่วมท้นด้วยสัดส่วนสูงถึง 68.60% ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ใช้งาน X มีพฤติกรรมกดลิงค์ไปยังเว็บไซต์ภายนอกสูงมาก เมื่อเทียบกับปริมาณผู้ใช้โดยรวม ตามมาด้วย Facebook (20.92%) ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการส่งต่อทราฟฟิก ส่วนแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube (5.82%) และแพลตฟอร์มภาพอย่าง Instagram (1.94%) มีสัดส่วนในการส่งต่อทราฟฟิกที่ต่ำกว่ามาก ซึ่งยืนยันว่า Instagram เน้นการใช้งานแบบ On-Platform มากกว่าการเป็นช่องทางสำหรับ Direct Traffic

ดังนั้น กลยุทธ์ Performance Marketing ที่เน้นยอดคลิกออกไปยังเว็บไซต์ภายนอก (Conversions) ควรพิจารณาเพิ่มน้ำหนักให้กับ X และ Facebook

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ Line

TH_Digital_Stats_2026_98

TH_Digital_Stats_2026_99

ณ เดือนตุลาคม 2025 LINE มีฐาน Active Users รายเดือนในประเทศไทยสูงถึง 56 ล้านบัญชี ซึ่งตัวเลขนี้แสดงถึงการเข้าถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยรวมถึง 82.6% และคิดเป็น 87.9% ของประชากรไทยที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ฐานผู้ใช้งานของ LINE แสดงให้เห็นสัญญาณของ “ความอิ่มตัว” เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในจำนวน Active Users รายเดือนทั้งในเชิงรายไตรมาส (Quarter-on-Quarter) และรายปี (Year-on-Year)

สำหรับสัดส่วนผู้ใช้แบ่งตามเพศนั้น ผู้ใช้ LINE ส่วนใหญ่เป็นเพศชายที่ 54% และเพศหญิง 46% ซึ่งยืนยันสถานะของ LINE ในฐานะเครื่องมือสื่อสารและ Chat Commerce ที่มั่นคงแพลตฟอร์มหนึ่ง

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ YouTube

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน YouTube

TH_Digital_Stats_2026_101

ศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 47.2 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากและครอบคลุมประชากรถึง 65.9% ของประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆแล้ว YouTube มีศักยภาพในการเข้าถึงเป็นอันดับ 3 รองจาก TikTok ที่เป็นผู้นำด้วย 56.6 ล้านบัญชี และ Facebook ที่มีศักยภาพที่ 51.5 ล้านบัญชี แม้ว่าศักยภาพการเข้าถึงของ YouTube จะลดลงเล็กน้อยที่ -0.8% เมื่อเทียบรายปี แต่มีการเติบโตรายไตรมาสที่ +3.3% และแพลตฟอร์มยังคงมีความแข็งแกร่งในด้านการดึงดูด Deep Attention เนื่องจากผู้ใช้มีระยะเวลาต่อเซสชั่นยาวนานที่สุด (10 นาที 27 วินาที) ซึ่งแตกต่างจาก TikTok ที่เน้น Mass Reach และ Facebook ที่เน้น Habitual Check / Engagement

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน YouTube

TH_Digital_Stats_2026_103

หากวิเคราะห์โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน YouTube ตามช่วงอายุและเพศ จะเผยให้เห็นว่า กลุ่มอายุ 35-44 ปี มีสัดส่วนผู้ชมที่ใหญ่ที่สุดในแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะเพศหญิงที่ 9.8% และเพศชายที่ 9.2% รองลงมา คือ กลุ่มอายุ 25-34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในตลาด Meta ด้วย โดยสัดส่วนผู้ชมหญิงอยู่ที่ 9.6% และชายที่ 9.5% ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของ YouTube คือ ผู้ใหญ่ตอนต้นถึงวัยกลางคนที่มีอำนาจซื้อ

ในขณะที่ผู้ชมในกลุ่มวัยหนุ่มสาว 18-24 ปี มีสัดส่วนน้อยที่สุดที่ 4.8% (หญิง) และ 5.1% (ชาย) และกลุ่มผู้ชมสูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยเช่นกัน (หญิง 6.9%, ชาย 5.9%) การกระจายตัวของผู้ชมนี้ชี้ให้เห็นว่า YouTube มีความแข็งแกร่งในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ที่มีความมั่นคงทางการเงินและใช้เวลาต่อเซสชั่นยาวนานที่สุด ในบรรดา Social Apps ซึ่งเหมาะสำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Brand Building) และการนำเสนอ Long-Form Content

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ Facebook

TH_Digital_Stats_2026_105

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน Facebook

TH_Digital_Stats_2026_106

Facebook ยังคงรักษาสถานะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างที่สุด ด้วยศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาทั้งหมดที่ 51.5 ล้านบัญชี และมีอัตราการยอมรับสูงถึง 87.9% ในกลุ่มประชากรไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ถึงแม้จะมีการลดลงเล็กน้อยรายไตรมาสที่ -1.2% แต่มีการเติบโตรายปีที่แข็งแกร่ง +4.7% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตโดยรวมของ Social Media Identities ที่เพิ่มขึ้น +15.2% ต่อปี

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน Facebook

TH_Digital_Stats_2026_108

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน Facebook แสดงให้เห็นว่า กลุ่มเป้าหมายที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด คือ ผู้บริโภคในวัย 25-34 ปี โดยมีสัดส่วนเพศชายอยู่ที่ 17.3% และเพศหญิงที่ 17.2% ซึ่งตอกย้ำว่ากลุ่มนี้เป็นหัวใจสำคัญของฐานผู้ชม Meta ทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มอายุ 35-44 ปี โดยมีสัดส่วนเพศหญิง 11.1% และเพศชาย 10.7% ซึ่งหมายความว่า Facebook มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่งในการเข้าถึงกลุ่ม Young Professionals และผู้ใหญ่ตอนต้นถึงวัยกลางคน ในขณะที่กลุ่มอายุน้อยที่สุด 18-24 ปี มีสัดส่วนเพียง 6.4% (หญิง) และ 6.1% (ชาย) และกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนน้อยที่สุดที่ 3.4% (หญิง) และ 2.9% (ชาย)

การกระจายตัวนี้แสดงให้เห็นว่า Facebook มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการทำการตลาดที่เน้นการเข้าถึง (Reach) และการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในกลุ่มผู้บริโภคหลัก ที่มีอำนาจการใช้จ่าย

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ Instagram

TH_Digital_Stats_2026_109

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน Instagram

TH_Digital_Stats_2026_110

Instagram มีศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณารวมอยู่ที่ 20.6 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าแพลตฟอร์มหลักอื่นๆ อย่างไรก็ตาม Instagram มีการเติบโตของศักยภาพ ในการเข้าถึงโฆษณารายปีที่น่าประทับใจถึง +13.9% ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 2.50 ล้านบัญชี และมีการเติบโตรายไตรมาสที่ +2.0% โดยกลุ่มผู้ชมโฆษณาบน Instagram ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง ที่มีสัดส่วน 56.5% และเพศชายอยู่ที่ 41.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าแพลตฟอร์มนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิงที่มีอำนาจการซื้อ

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน Instagram

TH_Digital_Stats_2026_112

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน Instagram แสดงให้เห็นถึงการมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25-34 ปี ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่ที่สุด โดยเพศหญิงมีสัดส่วนถึง 24.8% และเพศชาย 18.7% ตามมาด้วยกลุ่มวัยหนุ่มสาว 18-24 ปี ซึ่งมีสัดส่วนเพศหญิง 13.6% และเพศชาย 10.0% การกระจายตัวของผู้ชมนี้ชี้ให้เห็นว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึง กลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่เป็นเพศหญิง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนผู้หญิงที่ครองสัดส่วนผู้ชมโฆษณาถึง 56.5% บนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ Instagram ยังมีความสำคัญในการทำการตลาดที่เน้นภาพลักษณ์และการสร้างแรงบันดาลใจ โดยเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคใช้ในการวิจัยแบรนด์ และผู้ใช้มีการเปิดใช้งานแอปสูงถึง 11.5 ครั้งต่อวัน ทำให้เหมาะสำหรับการทำ Social Commerce ที่ขับเคลื่อนด้วยภาพและ Influencer

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ TikTok

TH_Digital_Stats_2026_113

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน Instagram

TH_Digital_Stats_2026_114

TikTok ยังคงเป็นผู้นำด้านศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาในประเทศไทย ด้วยจำนวนผู้ใช้งานอายุ 18 ปีขึ้นไปที่เข้าถึงได้สูงถึง 56.6 ล้านบัญชี ซึ่งครอบคลุมประชากรทั้งหมดถึง 79.1% โดยมีอัตราการยอมรับ (Adoption) ในกลุ่มประชากรหญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป สูงเป็นพิเศษถึง 102.4% และเพศหญิงครองสัดส่วนผู้ชมโฆษณาถึง 55.2% ด้านการเติบโตรายปี (Year-on-Year) ยังคงแข็งแกร่งที่ +5.6% หรือเพิ่มขึ้น 3.00 ล้านบัญชี ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของ TikTok ในฐานะช่องทางหลักสำหรับการทำ Mass Awareness และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials (18-34 ปี) ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นวิดีโอสั้นเพื่อความบันเทิง

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน TikTok

TH_Digital_Stats_2026_116

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน TikTok แสดงให้เห็นถึงการกระจุกตัว ของกลุ่มเป้าหมายในวัยหนุ่มสาวและผู้ใหญ่ตอนต้น โดยกลุ่มอายุ 25-34 ปี มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด ซึ่งประกอบด้วยเพศหญิง 20.5% และเพศชาย 18.7% ตามมาด้วยกลุ่มวัยหนุ่มสาว 18-24 ปี ที่มีสัดส่วนเพศหญิง 10.2% และเพศชาย 8.8% ซึ่งตอกย้ำว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการเข้าถึง Gen Z และ Millennials แม้ว่า TikTok จะมีศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาสูงที่สุด (56.6 ล้านบัญชี) และมีการใช้งานต่อวันสูงถึง 47 นาที แต่ความถี่ในการเปิดแอป (6 ครั้งต่อวัน) และระยะเวลาต่อเซสชั่นที่สั้นกว่า YouTube (7 นาที 53 วินาที) ชี้ให้เห็นถึงบทบาทในด้าน Mass Awareness และการบริโภคเนื้อหาวิดีโอสั้นที่รวดเร็ว

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ LinkedIn

TH_Digital_Stats_2026_117

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน LinkedIn

TH_Digital_Stats_2026_118

LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพและองค์กร โดยมีศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณารวมอยู่ที่ 6.50 ล้านบัญชี ซึ่งคิดเป็น 9.1% ของประชากรทั้งหมด และ 9.6% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แม้ว่าตัวเลข Reach จะน้อยกว่าแพลตฟอร์ม Social Media หลักอื่นๆ แต่ LinkedIn แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่น โดยมีการเติบโตรายปีสูงถึง +14.0% หรือเพิ่มขึ้น 800,000 บัญชี ด้านสัดส่วนเพศ ผู้ชมโฆษณาบน LinkedIn มีสัดส่วนผู้ชายสูงกว่าเล็กน้อยที่ 51.2% และผู้หญิงอยู่ที่ 48.8% อัตราการยอมรับ (Adoption) ในกลุ่มประชากรผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 3.1% ซึ่งสูงกว่าผู้หญิงที่ 2.7% การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ตอกย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของกลยุทธ์ B2B Marketing การสรรหาบุคลากร (Recruitment) และการสร้างแบรนด์ที่เน้นความเป็นมืออาชีพ (Professional Branding) ในประเทศไทย

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน LinkedIn

TH_Digital_Stats_2026_120

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน LinkedIn แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด โดยเพศหญิงมีสัดส่วน 7.4% และเพศชาย 6.2% ของศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม รองลงมา คือ กลุ่มผู้ใหญ่วัยเริ่มต้น (Young Adults) อายุ 18-24 ปี ซึ่งมีสัดส่วนเพศชายสูงกว่าเพศหญิง (ชาย 4.5% หญิง 3.7%) และกลุ่มอายุ 35-54 ปี ยังคงเป็นสัดส่วนที่สำคัญ การกระจายตัวของผู้ชมนี้ชี้ให้เห็นว่า LinkedIn เป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Professionals) และผู้บริหารระดับเริ่มต้นถึงกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี

การเติบโตรายปีของ LinkedIn ที่สูงถึง +14.0% ตอกย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นสำหรับการทำ B2B Marketing การสรรหาบุคลากร (Recruitment) และการสร้างความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ Messenger

TH_Digital_Stats_2026_121

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน Messenger

TH_Digital_Stats_2026_122

Messenger มีศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณารวมอยู่ที่ 36.5 ล้านบัญชี ซึ่งครอบคลุมประชากรทั้งหมด 51.0% และผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 53.8% โดยผู้ชมโฆษณาบน Messenger มีสัดส่วน เพศหญิง สูงกว่าเพศชายเล็กน้อยที่ 52.6% ต่อ 47.4% และมีอัตราการยอมรับ (Adoption) ในกลุ่มผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ 63.2% และผู้ชายที่ 61.6% ด้านการเติบโต แม้จะมีการลดลงเล็กน้อยรายไตรมาสที่ -1.6% แต่ศักยภาพการเข้าถึงโฆษณา ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องรายปีที่ +2.7% หรือเพิ่มขึ้น 950,000 บัญชี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่มั่นคง ในฐานะช่องทางการสื่อสารที่สำคัญในกลุ่ม Meta

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน Messenger

TH_Digital_Stats_2026_124

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน Messenger แสดงให้เห็นถึงการกระจุกตัวที่ชัดเจนในกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงาน โดยกลุ่มอายุ 25-34 ปี มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด ซึ่งประกอบด้วยเพศหญิง 18.0% และเพศชาย 16.9% ตามมาด้วยกลุ่มอายุ 35-44 ปี ที่มีสัดส่วนเพศหญิง 11.8% และเพศชาย 10.6% ซึ่งหมายความว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของ Messenger คือ ผู้ใหญ่ตอนต้นถึงวัยกลางคน ที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แม้ว่าศักยภาพการเข้าถึงรวมของ Messenger จะอยู่ที่ 36.5 ล้านบัญชี และมีการเติบโตรายปีที่ +2.7% แต่ความถี่ในการใช้งานแอปฯยังคงสูงถึง 7.7 ครั้งต่อวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ Messenger ในการทำ Chat Commerce และการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวมข้อมูลทั่วไปกับการใช้ X (Twitter)

TH_Digital_Stats_2026_131

ศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณาบน X (Twitter)

TH_Digital_Stats_2026_132

X (Twitter) มีศักยภาพในการเข้าถึงโฆษณารวมอยู่ที่ 13.3 ล้านบัญชี ซึ่งครอบคลุมประชากรทั้งหมด 18.6% และผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 19.6% สัดส่วนผู้ชมโฆษณาบน X มีความโดดเด่นอย่างชัดเจนที่เพศชาย โดยเพศชายครองสัดส่วนถึง 58.1% ของ Reach ทั้งหมด ในขณะที่เพศหญิงอยู่ที่ 41.8% และอัตราการยอมรับ (Adoption) ในกลุ่มผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 25.7% ซึ่งสูงกว่าผู้หญิงที่ 17.1% อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาของ X แสดงแนวโน้มลดลงทั้งรายไตรมาสที่ -4.4% และรายปีที่ -1.7% แม้จะมีตัวเลข Reach ที่ลดลง แต่ X ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการเป็นแหล่งส่งทราฟฟิกไปยังเว็บไซต์ภายนอก (Web Traffic Referrals) โดยมีส่วนแบ่งสูงถึง 68.60% ซึ่งบ่งชี้ว่า X เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับกลยุทธ์ที่เน้น “การผลักดันการเข้าชมเว็บไซต์” และ “การสร้างบทสนทนาที่รวดเร็ว”

ภาพรวมโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน X (Twitter)

TH_Digital_Stats_2026_134

โปรไฟล์ผู้ชมโฆษณาบน X (Twitter) เน้นที่กลุ่มเป้าหมายผู้ชายเป็นหลัก โดยกลุ่มอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด ซึ่งประกอบด้วยเพศชายถึง 24.5% และเพศหญิง 18.2% ของศักยภาพการเข้าถึงโฆษณาทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม ตามมาด้วยกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงานอายุ 18-24 ปี ที่มีสัดส่วนเพศชาย 13.9% และเพศหญิง 12.9% ซึ่งตอกย้ำว่า X เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึง “ผู้ชายอายุน้อยถึงวัยกลางคน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://indd.adobe.com/view/22d0dc4f-4201-4feb-9127-5f2c0661b23e?allowFullscreen=true


หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง

📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594


Share to friends


Related Posts

Social Media Funnel 2025 คิดกลยุทธ์จาก Awareness สู่ Conversion

การตลาดบนโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่การโพสต์เนื้อหาที่น่าสนใจอีกต่อไป แต่มันได้พัฒนาไปสู่กลยุทธ์ที่มีโครงสร้างที่นำพาผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าผ่าน Social Media Funnel ที่ออกแบบมาอย่างดี และในปี 2025 นี้ ช่องทางโซเชียลมีเดียจะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) มากขึ้น ที่เสริมด้วย AI และเน้นประสบการณ์มากกว่าที่เคย แบรนด์ที่เข้าใจและนำช่องทางโซเชียลมีเดียที่ได้รับการปรับปรุงมาใช้อย่างเหมาะสม จะเริ่มเห็นการมีส่วนร่วม (Engagement) การเปลี่ยนแปลง (Conversions)


เปิดเหตุผลคนใช้ Social Media ประจำปี 2025

เปิดผลการวิเคราะห์โดยทีมงาน Kepios ซึ่งทำการวิจัยใน Global Digital Report 2025 ที่จัดทำโดย DataReportal ระบุว่าการใช้ Social Media ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลล่าสุดระบุว่าปัจจุบันมีบัญชีผู้ใช้ Social Media ที่ยังคงใช้งานอยู่ทั่วโลกจำนวน 5.24 พันล้านบัญชี โดยจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 4.1% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เรามาดูรายละเอียดบทวิเคราะห์กับครับว่าแต่ละคนนั้นใช้ Social Media ไปกับอะไรบ้าง


รวมสถิติ Digial และการใช้ Social Media ในไทยประจำปี 2025

รายงาน Digital 2025 จาก DataReportal ได้ทำการรวบรวมและสรุปข้อมูลเกี่ยวกับ พฤติกรรมการใช้ Digital ของคนไทย โดยรายงานฉบับนี้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งชั้นนำระดับโลก เช่น GWI, Reuters Institute for the Study of Journalism, และ We Are Social เพื่อให้เห็นภาพรวมถึงมิติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ ระยะเวลาในการใช้งาน การซื้อสินค้าออนไลน์ และข้อมูลสำคัญๆอื่นๆ



triangle
copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์