วิธีสร้าง Brand Trust ในยุคแห่งการพูดแต่ความจริง

เราอยู่ในยุคหลังความจริง (Post-Truth Era) ซึ่งเป็นยุคที่อารมณ์ (Emotion) มักจะมีความสำคัญเหนือกว่าข้อเท็จจริง (Fact) และเรื่องเล่าที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วนั้น ก็ไวซะกว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ข้อมูลที่บิดเบือน วิดีโอแบบปลอม และหัวข้อข่าวแบบ Clickbait ได้ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความจริง กับสิ่งที่น่าเชื่อถือดูพร่ามัวไปหมด สำหรับแบรนด์แล้วความจริงใหม่นี้ได้นำมาซึ่งทั้ง “ความเสี่ยง” (Risk) และ “ความรับผิดชอบ” (Responsibility) ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้เพียงแค่ซื้อผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่พวกเขาซื้อในสิ่งที่พวกเขา “เชื่อมั่น” (Believe in) และเมื่อใดที่ความเชื่อมั่นนั้นพังทลายลง ไม่ว่าคุณจะใช้งบประมาณทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด ก็ไม่สามารถซื้อความน่าเชื่อถือกลับคืนมาได้


Brand Communication Ecosystem ระบบนิเวศแห่งการสื่อสารแบรนด์ กับการเชื่อมคน เป้าหมาย และการรับรู้

แบรนด์ของคุณกำลังสื่อสารอยู่ตลอดเวลา แม้ในยามที่คุณไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรออกมาก็ตาม ตั้งแต่โลโก้ บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึง วิธีตอบลูกค้า น้ำเสียงของพนักงานในร้าน ประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งโพสต์บนโซเชียลมีเดียของ CEO เอง ทุกการมีและสร้างปฏิสัมพันธ์ล้วนกลายเป็น “เสียง” หนึ่งที่ส่งสารถึงผู้คน โดยเสียงเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็น “ระบบนิเวศการสื่อสารของแบรนด์” (Brand Communication Ecosystem)


สร้างคอนเทนต์แบบมีความหมายด้วย Content Honeycomb Model

การเขียนเนื้อหาหรือสร้างคอนเทนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เฉพาะเรื่องของ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) หรือการเล่าเรื่อง (Storytelling) เท่านั้น แต่คือ การตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ด้วยวิธีที่เป็นระเบียบ มีกลยุทธ์ และใช้งานได้จริง และนั่นก็คือ เหตุผลที่ “โมเดลรังผึ้งเนื้อหา” (Content Honeycomb Model) ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งกรอบแนวคิดที่สิ่งสำคัญ ที่สามารถใช้เพื่อพลิกเกมสำหรับผู้สร้างสรรค์เนื้อหา (Content Creator)


วิธีการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ให้ปังที่แบรนด์ยุคใหม่ต้องมีและใช้ให้เป็น

การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ในยุคปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมทางการตลาดเท่านั้น แต่ถือเป็นระบบปฏิบัติการของแบรนด์สมัยใหม่ทุกๆแบรนด์ โดยวิธีที่แบรนด์พูด ฟัง และตอบสนอง ได้กลายเป็นตัวกำหนดว่า แบรนด์นั้นจะได้รับความเชื่อถือ ความเข้าใจ หรือถูกจดจำอย่างไร และนั่นได้ทำให้เห็นว่า การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ไม่สามารถเกิดขึ้นในที่เดียวหรือผ่านแผนกเดียวได้


ความหมายของ Economies of Scale กับเหตุผลว่าทำไมยิ่งใหญ่ถึงยิ่งถูกลง

เมื่อคุณได้ยินวลีหรือคำพูดที่ว่า “ซื้อมากจะได้ถูกลง” นั่นหมายถึง คุณกำลังสัมผัสกับแนวคิดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในเศรษฐศาสตร์ (Economics) และกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) ซึ่งนั่นก็คือ “หลักการประหยัดจากขนาด” (Economies of Scale) หรือพูดง่ายๆว่า หลักการประหยัดจากขนาดนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจสามารถ “ลดต้นทุน” ลงได้จากการ “ผลิตที่มากขึ้น” ยิ่งพวกเขาเติบโตใหญ่เท่าไหร่ พวกก็ยิ่งสามารถกระจาย “ต้นทุนคงที่” (Fixed Costs) เช่น ค่าเช่า เครื่องจักร หรือเงินเดือน ไปยังจำนวนหน่วยการผลิตที่สูงขึ้นได้มากขึ้นเท่านั้น


Perceived Value Strategy กลยุทธ์สร้างความหมายและมูลค่าเหนือสินค้า

การขายผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตามจะประสบความสำเร็จได้ยาก หากคุณมัวแต่พึ่งพาคุณสมบัติที่แท้จริงเพียงอย่างเดียว เพราะลูกค้าไม่ได้ซื้อเพียงแค่ “สิ่งที่ผลิตภัณฑ์เป็น” แต่พวกเขาซื้อ “ความหมายของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อพวกเขา” ซึ่งถือว่าเป็นแก่นแท้ของ “คุณค่าที่รับรู้ได้” (Perceived Value) โดยเป็นการตีความมูลค่าของลูกค้า ที่หล่อหลอมขึ้นจากอารมณ์ การสร้างแบรนด์ และประสบการณ์ ในขณะที่ “คุณค่าที่แท้จริง” (Actual Value)


Brand Positioning vs. Market Positioning กับคู่มือเปรียบเทียบการวางตำแหน่งทางธุรกิจ

เมื่อธุรกิจพูดถึงคำว่า “การวางตำแหน่ง” (Positioning) ก็จะมีคำว่า “การวางตำแหน่งแบรนด์” (Brand Positioning) และ “การวางตำแหน่งทางการตลาด” (Market Positioning) ที่มักถูกนำมาใช้แทนกันอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้ง 2 คำจะมีความเกี่ยวข้องกันและบางครั้งก็มีส่วนที่ทับซ้อนกัน แต่มันก็มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์คนละส่วนกัน


คิดคอนเทนต์บนเว็บไซต์แบบเชื่อมโยงด้วย Hub-and-Spoke Model

ในบทความนี้ผมขอเสนออีกหนึ่งวิธีคิด เพื่อจัดโครงสร้างและวางกลยุทธ์การทำ Content โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังออกแบบเนื้อหาในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ ให้เติบโตเหมือนการวางแผนผังความคิด (Mind Map) ที่มีการเชื่อมโยง และง่ายต่อการค้นหา ที่ชื่อ Hub-and-Spoke Model


Case Study: กลยุทธ์การตลาดของ Nike

Nike ก่อตั้งในปี 1964 โดย บิลล์ บาวเวอร์แมน (Bill Bowerman) และฟิล ไนท์ (Phil Knight) ในชื่อ Blue Ribbon Sports และเริ่มนำเข้ารองเท้าวิ่งจากประเทศญี่ปุ่น ในปี 1971 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Nike ซึ่งมาจากชื่อเทพีแห่งชัยชนะของกรีก และได้เปิดตัวโลโก้ Swoosh ที่เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่น ในช่วงปลายทศวรรษ 1970s และ 1980s, Nike ได้ขยายตลาดไปทั่วโลกและได้รับความนิยมอย่างสูง จากการดึงนักกีฬาชื่อดังๆมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ รวมถึงการเปิดตัวแคมเปญ “Just Do It”


Case Study: กลยุทธ์การตลาดของ IKEA

IKEA เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1943 โดย Ingvar Kamprad ที่ประเทศสวีเดน ที่เริ่มธุรกิจจากขายสินค้าทางไปรษณีย์ขนาดเล็ก ที่ขายของใช้ในครัวเรือนราคาไม่แพง ในปี 1958 นั้น IKEA ก็ได้เปิดร้านโชว์รูมแห่งแรก ซึ่งปฏิวัติแนวคิดการค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่บรรจุแบบแบน (Flat-packed) ซึ่งลูกค้าสามารถประกอบเองที่บ้านได้ ซึ่งทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูมีสไตล์ ใช้งานได้จริง และราคาไม่แพง


triangle
copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์