
ชื่อ (Name) และโลโก้ (Logo) เป็นสิ่งที่มากกว่าแค่เพียงสัญลักษณ์ (Symbol) ของบางสิ่ง แต่มันคืออัตลักษณ์ (Identity) และจิตวิญญาณของแบรนด์ (Soul) ที่ทุกๆคนมองเห็นและสัมผัสได้เป็นจุดแรก แต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆต่างก็ประดิษฐ์คิดค้นชื่อและโลโก้ของแบรนด์ตัวเองอย่างพิถีพิถันเพื่อสื่อถึงเป้าหมาย (Purpose) วิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) คุณค่า (Values) และอัตลักษณ์ที่แตกต่างของตัวเอง (Identity) เราจะเห็นตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงแบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบอย่างมีความหมาย (Meaning) ไม่ว่าจะเป็นแบบของอักษร การใช้สี หรือการใช้สัญลักษณ์ ที่ล้วนแล้วแต่มีความหมายอะไรแอบซ่อนอยู่ และในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับความหมายภายใต้ชื่อและโลโก้ของแบรนด์ในวงการยานยนต์ เพื่อให้เห็นวิธีคิดในการสร้างแบรนด์แบบมีความหมายกันครับ

ความหมายภายใต้ชื่อและโลโก้ของแบรนด์รถยนต์
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราจะเห็นสัญลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ผ่านชื่อและโลโก้ ตามสื่อโฆษณาและงานอีเว้นท์ต่างๆซึ่งถือว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาอย่างยาวนาน และกลายเป็นไอคอนที่จดจำได้ทันที ชื่อและโลโก้ของแบรนด์นั้นได้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คน ที่มีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ เรามาดูความหมายของชื่อและโลโก้ของแบรนด์ระดับโลกที่ผมนำตัวอย่างมาฝากด้วยกัน 7 แบรนด์ ดังนี้
BMW

Source: https://th.m.wikipedia.org/wiki
BMW เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านความเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมและนวัตกรรมยานยนต์ BMW สร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นในความปราณีต สมรรถนะ และการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา สำหรับชื่อ BMW นั้นเป็นตัวย่อของคำว่า Bayerische Motoren Werke ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Bavarian Motor Works การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์นั้นตั้งอยู่บนวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ตราสัญลักษณ์หรือโลโก้เป็นรูปใบพัดที่แยกออกจากท้องฟ้าสีฟ้า เพราะสืบเนื่องจากแต่เดิมนั้น BMW มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน และยังเชื่อมโยงกับต้นกำเนิดทางภูมิศาสตร์ซึ่งนั่นก็คือ บาวาเรีย (สมัยก่อนเรียกว่า ราชอาณาจักรบาวาเรีย) ในประเภทเยอรมนี (Kingdom of Bavaria, Germany) หนึ่งในภูมิภาค / รัฐที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ BMW โดยเครื่องหมายทรงกลมบ่งบอกถึงรากฐานของชาวบาวาเรีย และสีน้ำเงินกับสีขาวนั้นก็คือสีของธงราชอาณาจักรบาวาเรียนั่นเอง
การออกแบบโลโก้ทรงกลมที่มีสีน้ำเงินและสีขาวสลับกัน ทำให้ได้รับการยอมรับและความเคารพในแวดวงยานยนต์ในทันที เพราะสีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ที่ให้ความรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือและยังเป็นสีที่มีความหมายถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยอีกด้วย
Mercedes-Benz

Source: https://th.m.wikipedia.org/wiki
โลโก้หรือตราสัญลักษณ์ของ Mercedes Benz เป็นที่รู้จักในเรื่องความเรียบง่ายที่ออกแบบมาอย่างปราณีต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามในอุตสาหกรรมยานยนต์เลยก็ว่าได้ สัญลักษณ์นี้กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกที่มีต้นกำเนิดจากการสร้างสรรค์โดยพอลและอดอล์ฟ เดมเลอร์ (Paul & Adolf Daimler) เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาผู้ล่วงลับของพวกเขา โดยชื่อ Mercedes-Benz มาจากการผสมระหว่าง 2 ชื่อ คือ เมอร์เซเดส เยลลิเน็ก (Mercedes Jellinek) และ คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ ก็คือ คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) และ ก็อทลีพ วิลเฮ็ล์ม ไดม์เลอร์ (Gottlieb Wilhelm Daimler) และถือเป็นส่วนหนึ่งของ Daimler Motoren Gesellschaft (DMG) โดยบริษัทเป็นที่รู้จักครั้งแรกในชื่อ Daimler-Benz เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ก่อตั้ง
สำหรับโลโก้ของ Mercedes นั้นมีพื้นฐานมาจากรูปดาว 3 แฉก ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่รวบรวมความหวังแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความโชคดีสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น เมื่อแบรนด์เริ่มเจาะตลาดที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม จึงออกแบบโลโก้ที่เป็นเครื่องหมายการค้าออกเป็นรูปดาวสองแบบ ได้แก่ ดาวสี่แฉก และดาวสามแฉก และดาวสามแฉกนั้นก็ถูกใช้เป็นโลโก้ของ Mercedes มาจนถึงทุกวันนี้ และเบื้องหลังการปรากฏตัวของดาวสามแฉกนั้น ก็มาจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ Mercedes โดยจุดสามจุดยังเป็นสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานของแบรนด์ในการครองการคมนาคมใน 3 ด้าน ซึ่งได้แก่ ทางบก น้ำ และทางอากาศ ด้วยสีเงินเพรียวบางและการออกแบบที่เรียบง่าย ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราที่ดึงดูดความสนใจและคำชื่นชมจากทั่วโลก นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมงาน Mercedes เข้าใจถึงพลังของการสร้างแบรนด์ โดยการผสมผสานสัญลักษณ์เข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
Subaru

Source: https://1000logos.net/subaru-logo/
โลโก้ของแบรนด์ Subaru สะท้อนถึงสัญลักษณ์แห่งสรวงสวรรค์ โดยได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากอวกาศ โดยคำว่า “ซูบารุ” เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงกลุ่มดาวลูกไก่ กลุ่มดาวนี้มีอายุประมาณ 100 ล้านปี และประกอบด้วยดาวฤกษ์ ซึ่งได้แก่ สเตอโรป เมโรเป เตย์เกตะ ไมอา อัลซีโยเน และเซลาเอโน Subaru เลือกชื่อนี้เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันระหว่างบริษัทต่างๆ ซึ่งนับเป็นการเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน ที่เกินขอบเขตทางภูมิศาสตร์หรือทางภาษา ก็เปรียบเสมือนกับการรวมตัวของกลุ่มดาว จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจุดเปลี่ยนในการเดินทางขององค์กร ดาวดวงเล็กๆ 5 ดวงที่ล้อมรอบดาวดวงใหญ่ จึงเป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกันทางประวัติศาสตร์ของทั้ง 5 บริษัท ที่บริษัทเล็กๆเหล่านี้ควบรวมกิจการกันจนนำไปสู่การก่อตั้งกลุ่มบริษัทที่รู้จักกันในชื่อ Fuji Heavy Industries
เฉดสีของ Subaru มีสีเงินและสีน้ำเงินที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่และดูลึกลับ ที่ไม่ใช่แค่ตัวเลือกที่สวยงามเพียงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกับที่ดวงดาวเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้สำหรับนักเดินเรือในประวัติศาสตร์ Subaru จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่าเชื่อถือในโลกของยานยนต์
Audi

Source: https://www.carlogos.org/car-brands/audi-logo.html
สำหรับชื่อของแบรนด์ Audi มาจากคำแปลภาษาละตินของนามสกุลของผู้ก่อตั้งที่ชื่อ ออกัสท์ ฮอร์ค (August Horch) โดยใช้นามสกุลของเขา “Horch” เป็นชื่อของแบรนด์ แต่ครั้งแรกนั้นไม่ประสบความสำเร็จจึงต้องปิดตัวไป และด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่แต่กฎหมายของประเทศเยอรมนีนั้นไม่สามารถใช้ชื่อเดิมได้ และเขาได้ไอเดียจากลูกชายว่า “Horch” ในภาษาละตินอ่านออกเสียงว่า Audi ที่แปลว่า “ฟัง” และนั่นก็เป็นที่มาของชื่อ Audi (อาจฟังดูงงๆแต่สรุปก็คืออยากใช้ชื่อแบรนด์ที่มาจากนามสกุลของตัวเอง แต่ไม่สามารถใช้ชื่อเดิมที่เคยใช้ไปแล้วได้ เลยแทนคำอ่านในภาษาอื่นนั่นเอง)
โลโก้ของแบรนด์ Audi ประกอบด้วยวงแหวนที่เชื่อมต่อกันสี่วง ถือเป็นมรดกตกทอดจากความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรม การออกแบบที่ดูเรียบง่ายนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่บอกเล่าเรื่องราวของการทำงานร่วมกัน วิวัฒนาการ และความอดทน สัญลักษณ์ 4 ห่วงหรือวงแหวน 4 วงไขว้กันของ Audi เป็นสัญลักษณ์ของการควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์ในปี 1932 โดยควบรวมผู้ผลิตรถยนต์รุ่นบุกเบิกของเยอรมนี 4 ราย ที่เรียกว่า Four Rings Company ได้แก่ DKW, Audi, Wanderer และ Horch ที่มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญของพวกเขา และวางรากฐานสำหรับการสร้างแบรนด์ Audi ที่มีชื่อเสียงระดับโลก วงแหวนทั้ง 4 ก็มีลักษณะคล้ายกับล้อทั้งสี่ของรถยนต์ ที่นับเป็นการอ้างอิงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อความเป็นเลิศด้านยานยนต์
Porsche

Source: https://logos-world.net/porsche-logo/
โลโก้ของแบรนด์ Porsche มีความโดดเด่นท่ามกลางแบรนด์รถยนต์อื่นๆ โดยมีลักษณะเป็นโล่ห์ประกาศเกียรติคุณกับโล่ห์ม้าทับซ้อนกัน ที่ชวนให้นึกถึงความหรูหรา ความมีศักดิ์ศรี และมรดกอันล้ำค่า ความโดดเด่นนั้นมาพร้อมกับสัญลักษณ์รูปม้ากำลังควบในท่าทางที่สง่างาม โลโก้ที่ส่องประกายด้วยสีทอง สีแดง และสีดำ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา สะท้อนถึงความสง่างามแบบสมัยใหม่ ชวนให้นึกถึงรูปลักษณ์ของโลโก้เดิมในปี 1952 เมื่อครั้งที่แบรนด์ Porsche ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่ก็เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ส่วนชื่อแบรนด์นั้นก็มาจากผู้ก่อตั้งที่ชื่อ Ferdinand Porsche ที่ก่อตั้งแบรนด์นี้ขึ้นตั้งแต่ปี 1931
โลโก้ที่บ่งบอกถึงความหรูหราและยังบ่งบอกถึงรากฐานทางภูมิศาสตร์ของแบรนด์ การออกแบบได้รับการถักทออย่างปราณีตจนกลายเป็นองค์ประกอบหลักของการออกแบบในเมืองสตุ๊ตการ์ท ประเภทเยอรมนี (Stuttgart, Germany) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Porsche และโลโก้ก็ไม่ได้สะท้อนเพียงรูปลักษณ์ทางศิลปะเท่านั้น แต่กลายเป็นตราประจำเมืองสตุ๊ตการ์ท (Stuttgart) ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งของแบรนด์กับบ้านเกิด
บนโลโก้มีการตกแต่งด้วยเขากวางอันแข็งแกร่งและทรงพลัง แถบสีดำตัดสลับกับสีแดงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่เป็นรูปรังผึ้งอันน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงการถักทอด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อเป็นการยกย่องภูมิภาคเวือร์ทเทิมแบร์ค (Württemberg) อันกว้างใหญ่ในประเทศเยอรมนี โดยเน้นย้ำถึงสายเลือดความเป็นเยอรมันของแบรนด์ และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์และมรดกของภูมิภาคในการหล่อหลอมออกมาเป็นตัวตนของ Porsche จนกลายเป็นแบรนด์ระดับมาสเตอร์คลาสในการออกแบบที่ผสมผสานความหรูหรา ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและยังคงองค์ประกอบแบบดั้งเดิมได้อย่างลงตัว
Maserati

Source: https://1000logos.net/maserati-logo/
นับตั้งแต่ที่แบรนด์ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 Maserati ก็มาพร้อมกับโลโก้ Trident ตรีศูลหรือสามง่ามอันโดดเด่น และยืนหยัดใช้มาตลอดโดยมีการเปลี่ยนแปลงแค่เพียงเล็กน้อย และต้นกำเนิดของสัญลักษณ์นี้ต้องย้อนกลับไปที่รูปปั้นดาวเนปจูน (Neptune) อันงดงามในจัตุรัสกลางเมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี (Bolonga, Italy) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของ Maserati ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ด้วยความร่วมมือของพี่น้องตระกูล Maserati
เนปจูน (Neptune) เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจากเทพนิยายโรมัน ที่มีมีตรีศูลคู่กายและเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งและความทรงพลัง ที่ดึงดูดให้ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Maserati ตัดสินใจที่จะรวมสิ่งนี้เข้ากับอัตลักษณ์ของแบรนด์ โดยโลโก้ของแบรนด์นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมรดกของเมือง และรวมถึงการใช้สีอย่างเป็นทางการของเมืองโบโลญญา (Bolonga) ซึ่งได้แก่ สีขาว สีแดง และสีน้ำเงิน อันเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์กับแหล่งกำเนิด (ซึ่งเป็นโลโก้ที่ถูกใช้ในช่วงปี 1951-1954 แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสีดำและปรับตัวหนังสือเป็นรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น)
การเลือกตรีศูลหรือสามง่ามและเฉดสีของเมืองทำให้เกิดโลโก้และเรื่องราวของ Maserati ซึ่งเป็นมีรากฐานของรถจากเมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี (Bolonga, Italy) และแรงบันดาลใจที่ได้รับจากสัญลักษณ์อันทรงพลังของเทพนั่นเอง
Tesla

Source: https://th.m.wikipedia.org/wiki
นับเป็นเวลาหลายปีกับทฤษฎีว่าโลโก้ Tesla ถูกสร้างขึ้นตามหน้าตัดของมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเป็นเกียรติแก่นักประดิษฐ์ชื่อดังที่ชื่อว่า นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) โลโก้ Tesla ซึ่งเป็นตัวอักษร “T” ที่ดูเรียบง่ายและมีความสง่างามเมื่อมองในแวบแรก โดยโลโก้ของ Tesla ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงค่านิยมหลัก (Core Values) วิสัยทัศน์ (Vision) และพันธกิจ (Mission) ของแบรนด์ การออกแบบนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อนิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ผู้มีวิสัยทัศน์และเป็นผู้ค้นพบกุญแจสู่พลังงานอันไร้ขอบเขต และยังสื่อถึงแง่มุมสำคัญอื่นๆของแบรนด์อีกด้วย
โลโก้ของ Tesla คือการออกแบบแห่งอนาคตที่สื่อถึง Key Message ของแบรนด์ โดยโลโก้ “T” ก็มาจากรูปทรงของโรเตอร์ของมอเตอร์ ที่เป็นส่วนประกอบของระบบแม่เหล็กไฟฟ้าในมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ โดยโลโก้ของ Tesla นั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 3 สี ที่มีความหมายที่ต่างกัน สำหรับสีขาว หมายถึง นวัตกรรม ความบริสุทธิ์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สีดำ หมายถึง อำนาจ ความหรูหราและนวัตกรรมของแบรนด์ ส่วนสีแดงถูกใช้ในโลโก้ตัวใหม่ที่ปลุกเร้าความหลงใหลของแบรนด์ ในการออกแบบและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
การสร้างแบรนด์ที่มีเบื้องหลังอันน่าจดจำและมีความหมาย สามารถสะท้อนอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่จุดกำเนิดของแบรนด์ ที่เชื่อมโยงไปถึงการที่แบรนด์พยายามสร้างความผูกพันทางอารมณ์ให้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้บริโภค ข้อสังเกตอย่างหนึ่งสำหรับแบรนด์รถยนต์ที่อยู่มานานหลายปี การตั้งชื่อส่วนใหญ่นั้นมักจะมาจากชื่อของผู้ก่อตั้ง ชื่อที่ตั้งมาจากถิ่นกำเนิด รวมไปถึงชื่อที่มีการเปรียบเทียบความหมายอย่างลึกซึ้ง และการออกแบบโลโก้มักจะมีการผสมผสานองค์ประกอบของถิ่นกำเนิด รวมไปถึงสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงแบรนด์ และยังมีเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอีกด้วย และในบทความต่อๆไปผมจะหาความหมายภายใต้ชื่อและโลโก้ของแบรนด์ในอุตสาหกรรมอื่นๆมาฝากกันอีกครับ