
คุณเคยสงสัยไหมครับว่าผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มีกระบวนการเรียนรู้และเติบโตได้อย่างไร หรือในองค์กรที่มีความก้าวหน้านั้นขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างไร และคำตอบนั้นก็อาจอยู่ใน “กฎ 70-20-10” (70-20-10 Rule) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถช่วยให้คุณจัดการการเรียนรู้ (Learning) การเติบโต (Growth) และการวางแผน (Planning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับกฎที่ว่านี้กันครับ

อะไรคือ 70-20-10 Rule
- 70% (Doing) ของการเรียนรู้มาจากการท้าทายประสบการณ์และงานต่างๆ
- 20% (Sharing) มาจากการเรียนรู้ทางสังคม เช่น การให้ข้อคิดเห็นหรือการให้คำปรึกษา
- 10% (Studying) มาจากการศึกษาแบบเป็นทางการ เช่น การทำ Workshop หรือเข้าอบรมหลักสูตร (Course)
| องค์ประกอบ | คำอธิบาย | ประเภทการเรียนรู้ |
|---|---|---|
| 70% | การเรียบรู้ผ่านประสบการณ์จริง (Real Experience) | ประสบการณ์ (Experiential) |
| 20% | การเรียนรู้ผ่านผู้อื่น (Others) | สังคม (Social) |
| 10% | การเรียนรู้ผ่านโปรแกรมที่มีโครงสร้าง (Structured Programs) | ทางการ (Formal) |
ความสมดุลนี้ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ การได้รับข้อคิดเห็นร่วมกัน และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่ใช่แค่การจดจำเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ #1 – การพัฒนาส่วนบุคคลและอาชีพ
การประยุกต์ใช้นี้เหมาะสำหรับ พนักงาน ผู้นำ นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบการ ดังนี้
- 70% ของการพัฒนา การจัดการกับงานใหม่ๆ การแก้ปัญหาจริง
- 20% กับการขอคำแนะนำ การรับข้อคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงาน การเป็นพี่เลี้ยง
- 10% กับหลักสูตรออนไลน์ การอ่านหนังสือ การทำ Workshop
ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ต้องการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ
- 70% บริหารจัดการโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ
- 20% ตรวจสอบความคืบหน้ากับผู้จัดการอาวุโส ในทุกๆสัปดาห์เพื่อรับข้อคิดเห็น
- 10% ลงเรียนหลักสูตรความเป็นผู้นำบน Coursera

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ #2 – การวาง Content Marketing Strategy
การประยุกต์ใช้นี้เหมาะสำหรับแบรนด์ เอเจนซี่ ทีมการตลาดดิจิทัล โดยทีมการตลาดมักใช้หลัก 70-20-10 Rule เพื่อวางแผนและสร้างความหลากหลายให้กับคอนเทนต์ในช่องทางต่างๆ ดังนี้
- 70% คอนเทนต์ที่ปลอดภัย สม่ำเสมอ และสอดคล้องกับแบรนด์
- 20% คอนเทนต์ที่เน้นการมีส่วนร่วม หรือนำกลับมาใช้ใหม่
- 10% คอนเทนต์เชิงทดลอง หรืออิงตามกระแส
ตัวอย่างเช่น Monthly Calendar Plan ของแบรนด์สกินแคร์
- 70% วิดีโอสอนการใช้ผลิตภัณฑ์ เคล็ดลับการดูแลผิว คำรับรองจากลูกค้า
- 20% การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ มีมเกี่ยวกับสกินแคร์
- 10% ลองใช้ฟิลเตอร์ TikTok แบบทดสอบวิเคราะห์ผิวด้วย AI
ข้อคิดสำคัญ ก็คือ ให้สร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่ได้ผลดี กับการทดลองที่คำนวณมาอย่างดี

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ #3 – นวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
การประยุกต์ใช้นี้เหมาะสำหรับทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ทีมสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovator) ธุรกิจ Startup โดยกฎนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารบริหารจัดการความเสี่ยงเมื่อลงทุนในแนวคิดใหม่ๆ ดังนี้
- 70% ปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการหลัก
- 20% ขยายไปยังตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียง
- 10% ลงทุนในแนวคิดที่สามารถพลิกโฉมได้ หรือโปรเจกต์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็มีศักยภาพสูง
ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีที่บริหารงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D)
- 70%: ปรับปรุง User Interface (UI) ของแอปพลิเคชั่นหลัก
- 20%: สร้างแอปพลิเคชั่นอีกเวอร์ชันสำหรับเด็ก
- 10%: สำรวจฟีเจอร์ AI สำหรับการติดตามเรื่องสุขภาพ
ข้อคิดสำคัญ ก็คือ รักษาธุรกิจหลักของคุณให้แข็งแกร่ง ในขณะที่เปิดทางสำหรับอนาคต

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ #4 – การจัดสรร Marketing Budget / Campaign
การประยุกต์ใช้นี้เหมาะสำหรับประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer – CMOs) ธุรกิจ Startup ทีมบริหารจัดการแบรนด์ (Brand Management) โดยเมื่อนำมาจัดทำงบประมาณสำหรับแคมเปญแล้ว กฎนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้
- 70% ลงทุนในแพลตฟอร์มที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว (Google, Social Media, SEO)
- 20% ใช้จ่ายกับตัวเลือกที่มีความเสี่ยงปานกลาง (Influencers, Partnerships)
- 10% ทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ (AR filters โฆษณาแบบ Gamification)
ตัวอย่างเช่น แบรนด์เครื่องดื่มของไทยกำลังเปิดตัวแคมเปญฤดูร้อน
- 70% ทำโฆษณาบน Facebook และ Instagram
- 20% กับการเป็นพันธมิตรกับ Micro / Nano Influencer
- 10% การทำ TikTok Challenge กับการท้าเต้น
ข้อคิดสำคัญ ก็คือ จัดลำดับความสำคัญของผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) แต่ก็ควรสำรองพื้นที่ไว้สำหรับความคิดสร้างสรรค์

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ #5 – การบริหารเวลาและประสิทธิภาพการทำงาน
การประยุกต์ใช้นี้เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ทำคนเดียว (Solopreneurs) อาชีพอิสระ (Freelance) นักสร้างสรรค์ (Creators) ด้วยการนำ 70-20-10 Rule มาใช้ในการจัดสรรเวลาในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ ดังนี้
- 70% เวลาที่ใช้กับความรับผิดชอบหลัก
- 20% งานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกัน หรือการสร้างความสัมพันธ์
- 10% การเรียนรู้หรือการทำโครงการส่วนตัว
ตัวอย่างเช่น ตารางประจำสัปดาห์ของบรรดา Freelance
- 70% งานลูกค้าและกำหนดส่งงาน
- 20% สร้างเครือข่ายและปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมอาชีพ
- 10% เรียนรู้การทำ 3D Animation เพื่อขยายบริการ
ข้อคิดสำคัญ ก็คือ ปกป้องงานหลักของคุณ แต่ก็ต้องบ่มเพาะการเติบโตในระยะยาวด้วย

70-20-10 Rule ไม่ใช่สูตรที่ตายตัวครับ แต่เป็นหลักการชี้นำที่ช่วยให้ผู้นำ ทีม และบุคคล มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งนั่นคือ “การเรียนรู้ที่แท้จริงผ่านประสบการณ์จริง” ที่ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างแบรนด์ บริหารทีม หรือวางแผนการเติบโตแบบเฉพาะบุคคล กฎนี้จะช่วยส่งเสริมความสมดุลของการลงมือทำ การทำงานร่วมกัน และการทบทวนนั่นเอง
หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น
และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop
หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร
ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา
เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง
และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง
📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594
