
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1903 โดยเฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) และกลุ่มนักลงทุนในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน โดยภารกิจแรกเริ่มของแบรนด์คือการสร้างยานพาหนะที่ราคาไม่แพง เชื่อถือได้ และสามารถผลิตในจำนวนมากได้ เพื่อให้การขนส่งส่วนบุคคลเข้าถึงคนอเมริกันทั่วไป
วิสัยทัศน์ของเฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) นำไปสู่การพัฒนารถยนต์รุ่น Model T ในปี 1908 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยราคาที่เอื้อมถึงและความทนทาน Model T ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของครัวเรือนอเมริกัน โดยมียอดขายมากกว่า 15 ล้านคัน (เมื่อสิ้นสุดการผลิตในปี 1927) บริษัทยังได้เปิดตัวสายการผลิตแบบ Moving Assempbly Line ซึ่งเป็นปฏิรูปทางการผลิต ที่เป็นการแบ่งกันประกอบและเน้นการผลิตจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำซึ่งก็ช่วยให้ลดเวลาการผลิตจาก 12 ชั่วโมงเหลือเพียง 93 นาที ทำให้ฟอร์ดสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้

Source: https://www.thehenryford.org/explore/stories-of-innovation/visionaries/henry-ford/
ยักษ์ใหญ่ของวงการและการขยายธุรกิจ (1920 – 1950)
ในช่วงปี 1920 เป็นช่วงที่ฟอร์ดขยายธุรกิจ ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์รุ่น Model T แล้ว บริษัทก็ได้เข้าซื้อกิจการ Lincoln Motor Company ในปี 1922 ทำให้บริษัทก้าวเข้าสู่ตลาดรถหรูเป็นครั้งแรก และในปี 1927 ฟอร์ดได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น Model A ซึ่งมาแทนที่ Model T ที่มีรูปลักษณ์และการปรับปรุงเทคโนโลยีที่ดีขึ้น
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ฟอร์ดก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง โดยเปิดตัวเครื่องยนต์ V-8 สำหรับตลาด Mass เป็นครั้งแรกในปี 1932 ซึ่งมอบพลังที่มากขึ้นให้กับผู้ขับขี่ในราคาที่เอื้อมถึงได้ บริษัทยังมีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเปลี่ยนการผลิตไปเป็นยานพาหนะทางทหาร เครื่องยนต์อากาศยาน และรถถังเพื่อสนับสนุนการทำสงคราม
ภายหลังสงคราม ฟอร์ดได้เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสายหนึ่ง นั่นก็คือ รถกระบะ F-Series ในปี 1948 ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดของอเมริกา ในช่วงทศวรรษ 1950 ฟอร์ดกลายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเปิดตัวรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่ง นั่นก็คือ Thunderbird ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะที่แข็งแกร่ง

Source: https://www.ford-trucks.com/articles/ford-truck-history-origins/
ยุค Muscle Car และการขยายตัวสู่ตลาดระดับโลก (1960 – 1980)
ช่วงปี 1960 นับเป็นจุดเริ่มต้นของรถยนต์ระดับตำนานอย่างฟอร์ด มัสแตง (Ford Mustang) ที่ผลิตขึ้นในปี 1964 ซึ่งเป็นการสร้างกลุ่มรถยนต์ “โพนี่คาร์” (Pony Car) หรือรถที่รูปทรงกระทัดรัด มีสไตล์ ประสิทธิภทพสูง ในราคาที่เอื้อมถึงได้ จนสร้างสถิติยอดขายด้วยยอดขายกว่า 22,000 คันในวันแรก ฟอร์ด มัสแตง (Ford Mustang) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ตอกย้ำชื่อเสียงของฟอร์ดในด้านยานพาหนะสมรรถนะสูง

Source: https://www.classicautomall.com/vehicles/4902/1964-1-2-ford-mustang-convertible
ในปี 1966 ฟอร์ดขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วย ฟอร์ด บรองโก (Ford Bronco) ซึ่งเป็นรถ SUV รุ่นแรกๆที่ออกแบบมาเพื่อการผจญภัยและผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบออฟโรด (Off-road) ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1970 ฟอร์ดเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำมันและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ทำให้เกิดการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมัน เช่น ฟอร์ด ปินโต (Ford Pinto) และฟอร์ด เอสคอร์ท (Ford Escort)
ในช่วงทศวรรษ 1980 ฟอร์ดเข้าซื้อกิจการบริษัท แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) และผลักดันให้เกิดการผลิตรถรุ่นสมรรถนะสูง เช่น ฟอร์ด ทอรัส SHO (Ford Taurus SHO) ในขณะเดียวกันก็ผลิตกลุ่มรถบรรทุกอย่าง F-Series รุ่นใหม่ออกมา
ความท้าทาย การปรับปรุง และความทันสมัย (1990 – 2000)
ในช่วงทศวรรษ 1990 กับการเปิดตัวรถยนต์รุ่น ฟอร์ด เอ็กซ์พลอเรอร์ (Ford Explorer) ก็ได้กลายเป็นรถ SUV ที่ขายดีที่สุด และตอกย้ำความโดดเด่นของฟอร์ดในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงต้นทศวรรษ 2000 บริษัทเผชิญกับความยากลำบากทางการเงิน ซึ่งนำไปสู่ความพยายามในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทำให้ฟอร์ดต้องขายแบรนด์หรูอย่าง แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ (Jaguar and Land Rover) และวอลโว่ (Volvo) เพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักของตนเอง และในท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ฟอร์ดที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของอเมริกาเพียงรายเดียว ที่หลีกเลี่ยงการช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นผ่านการลดต้นทุน และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่

Source: https://www.caranddriver.com/features/g25848337/ford-explorer-history/
อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าและนวัตกรรม (2010 – ปัจจุบัน)
เมื่อโลกเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน ฟอร์ดได้ปรับตัวด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีไฟฟ้าและไฮบริด โดยได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2021 ในรุ่น ฟอร์ด มัสแตง มัค-อี (Mustang Mach-E) และตามมาด้วย ฟอร์ด เอฟ-150 ไลท์นิ่ง (F-150 Lightning) ซึ่งเป็นรุ่นรถบรรทุกไฟฟ้าเรือธงของบริษัท โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และระบบยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้มั่นใจว่าจะครองตำแหน่งผู้นำของการขนส่งในอนาคต

Source: https://www.ford.com/trucks/f150/f150-lightning/2024/
Timeline เหตุการณ์สำคัญๆ
การกำเนิดยักษ์ใหญ่แห่งยานยนต์
- 1903: ก่อตั้งบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ โดยเฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา
- 1908: เปิดตัว Model T รถยนต์รุ่นแรกในราคาที่เข้าถึงได้
- 1913: ปฏิวัติการผลิตด้วยการเปิดตัวสายการผลิตแบบ Moving Assempbly Line ที่ช่วยให้ลดเวลาการผลิตจาก 12 ชั่วโมง เหลือเพียง 93 นาที
การขยายตัวของธุรกิจ
- 1922: ฟอร์ดซื้อกิจการจาก Lincoln Motor Company และเข้าสู่ตลาดรถหรู
- 1927: เปิดตัว Model A แทน Model T ด้วยเทคโนโลยีใหม่
- 1932: เปิดตัวเครื่องยนต์ V-8 สำหรับตลาดทั่วไป
- 1941-1945: ช่วงสงครามโลกได้หันไปผลิตยานยนต์ทหารและเครื่องบิน
- 1948: เปิดตัวรถกระบะ F-Series ซึ่งเป็นรถขายดีที่สุดในอเมริกา
- 1955: เปิดตัว Thunderbird รถสปอร์ตสุดหรู
ยุคแห่ง Muscle Car และการขยายตัวสู่ตลาดระดับโลก
- 1964: เปิดตัว Ford Mustang และสร้างกลุ่มรถ “โพนี่คาร์” ที่มียอดขายวันแรกกว่า 22,000 คัน
- 1966: เปิดตัว Ford Bronco รถ SUV สำหรับการผจญภัย
- 1970s: วิกฤตน้ำมันทำให้ฟอร์ดหันมาผลิตรถเล็กที่ประหยัดน้ำมัน เช่น Pinto และ Escort
- 1980s: พัฒนารถสมรรถนะสูง Taurus SHO และ F-Series รุ่นใหม่
- 1987: ฟอร์ดซื้อ Aston Martin ขยายสู่ตลาดรถหรูสมรรถนะสูง
ช่วงแห่งความท้าทาย
- 1990: เปิดตัว Ford Explorer SUV และกลายเป็นรถที่ขายดีที่สุด
- 2000s: ฟอร์ดเผชิญปัญหาการเงินและมีการปรับโครงสร้างใหญ่
- 2007-2010: ขายแบรนด์หรูอย่าง Aston Martin, Jaguar & Land Rover และ Volvo โดยกลับไปเน้นธุรกิจหลัก
- 2008: เกิดช่วงวิกฤตการเงินแต่ฟอร์ดรอดได้โดยไม่พึ่งเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล
ยุคแห่งอนาคต
- 2021: เข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้าและเปิดตัว Mustang Mach-E และ F-150 Lightning
- ปัจจุบัน: ลงทุนในระบบขับขี่อัตโนมัติ AI และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเพื่ออนาคต
ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Ford
ด้วยประสบการณ์อย่างยาวนานเกิน 120 ปี และนับเป็นแบรนด์แรกในการบุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ ในปัจจุบันฟอร์ดก็ได้ผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่น ดังนี้
กลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล / รถยนต์อเนกประสงค์ (Passenger Vehicles / SUVs)
รถซีดาน รถแฮทช์แบ็ก รถ SUV และรถคูเป้ ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน
- Ford Mustang (Sports car)
- Ford Focus (Compact car)
- Ford Fiesta (Subcompact car)
- Ford Fusion (Mid-size sedan)
- Ford Edge (Midsize SUV)
- Ford Explorer (Midsize SUV)
- Ford Escape (Compact SUV)
- Ford Bronco (Off-road SUV)
- Ford Expedition (Full-size SUV)
- Ford Taurus (Full-size sedan ยกเลิกการผลิตในปี 2019)
- Ford C-Max (Hybrid compact car ยกเลิกการผลิต)
กลุ่มรถบรรทุก / รถกระบะ (Trucks)
ฟอร์ดเป็นที่รู้จักเป็นพิเศษในเรื่องรถบรรทุก F-Series ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา
- Ford F-150 (Full-size pickup truck)
- Ford F-250 / F-350 Super Duty (Heavy-duty pickup trucks)
- Ford Ranger (Midsize pickup truck)
- Ford Maverick (Compact pickup truck)
กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles – EVs)
- Ford Mustang Mach-E (Electric SUV)
- Ford F-150 Lightning (Electric pickup truck)
- Ford E-Transit (Electric van for business)
กลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Vehicles)
ฟอร์ดผลิตยานพาหนะหลากหลายประเภทสำหรับการใช้งานทางธุรกิจ
- Ford Transit (Cargo van)
- Ford Transit Connect (Compact cargo van)
- Ford Super Duty Series (Heavy-duty trucks)
กลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง (Performance Vehicles)
- Ford GT (Supercar)
- Ford Mustang Shelby GT500 (High-performance version of the Mustang)
หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น
และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop
หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร
ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา
เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง
และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง
📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594
