
ในยุครุ่งเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) และการสร้างแบรนด์ (Branding Strategy) อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่บรรดา Influencer ที่ถูกสร้างโดย AI รูปแบบต่างๆก็มีความแพร่หลายมากขึ้น แบรนด์ต่างๆกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ AI นั้นดึงดูดอารมณ์ และเหมือนมนุษย์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมีเป้าหมายในการเชื่อมช่องว่างระหว่างบุคลิกภาพแบบสังเคราะห์ และการสร้างปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์ที่แท้จริง ในบทความนี้ผมจะมาช่วยสรุปวิธีต่างๆว่า แบรนด์สามารถพัฒนา AI Influencer เพื่อดึงดูดผู้บริโภคในเชิงอารมณ์ และสร้างประสบการณ์แบบมนุษย์ ที่ใกล้ความเป็นจริงมากที่สุดได้อย่างไร

การทำความเข้าใจเรื่อง Emotional Connection ในด้านการตลาด
การตลาดเชิงอารมณ์ (Emotional Marketing) มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยผู้คนมักตอบสนองต่อแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของพวกเขาได้ ไม่ว่าจะผ่านการเล่าเรื่อง (Storytelling)
การปรับแต่งแบบเฉพาะเจาะจง (Personalization)
หรือความจริงใจ (Authenticity)
ที่ถูกถ่ายทอดออกมา ซึ่งในหลายๆครั้งก็มีผลมากกว่าการตัดสินใจด้านราคา และในการพัฒนา AI Influencer ให้สามารถดึงดูดและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง แบรนด์จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบดังต่อไปนี้
- การแสดงออกทางสีหน้าและภาษากายที่เหมือนมนุษย์ (Human-like Expressions & Body Language)
AI Influencer ที่ถูกสร้างขึ้นต้องสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวทางร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้า และท่าทางของมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ - ความฉลาดทางบทสนทนา (Conversational Intelligence)
AI Influencer ควรได้รับการฝึกฝนให้มีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence หรือ EQ)
เพื่อให้เข้าใจน้ำเสียง อารมณ์ และสัญญาณทางอารมณ์ในการสื่อสาร - การปรับแต่งการสื่อสารให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน (Personalization & Adaptive Interaction)
AI Influencer ควรสามารถปรับสไตล์การสื่อสาร ให้สอดคล้องกับการตอบสนองและความชื่นชอบของผู้บริโภคได้

จิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังการเชื่อมโยงทางอารมณ์ของ AI
หากต้องการให้ AI Influencer สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้อย่างแท้จริง แบรนด์จำเป็นต้องเข้าใจ “จิตวิทยา” ที่มีบทบาทในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับ AI และปัจจัยทางจิตวิทยาที่สำคัญๆนั้น ได้แก่
1. ปรากฏการณ์ Uncanny Valley
ปรากฎการณ์ Uncanny Valley ได้อธิบายไว้ว่าว่ามนุษย์จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อ AI มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์มากจนเกินไป แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกหรือไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นสิ่งที่ควรนำมาปรับใช้ คือ
- การออกแบบ AI Influencer ให้คงความสมดุลระหว่างความสมจริง และความเป็นไลฟสไตล์
- ออกแบบ AI ที่มีลักษณะสไตล์เฉพาะตัว (Stylized AI) ที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้น โดยไม่กระตุ้นความรู้สึกไม่สบายใจ
2. ความสัมพันธ์แบบข้างเดียว (Para-Social Relationships)
มนุษย์มีแนวโน้มที่จะสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลที่อยู่ในสื่อ แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบทางเดียวก็ตาม โดย AI Influencer สามารถใช้หลักการนี้ได้ ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการเล่าเรื่อง (Storytelling) การพัฒนาตัวละคร และการสร้างคอนเทนต์ที่ให้ความรู้สึกเหมือน “รู้จักกันจริง” ด้วยการใช้เส้นเรื่องส่วนตัว (Personal Growth Arc) ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและอยากติดตามอย่างต่อเนื่อง

3. การสะท้อนอารมณ์และความเห็นอกเห็นใจของมนุษย์ (Emotional Mirroring & Human Empathy)
AI Influencer ที่สามารถแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า น้ำเสียง และการตอบสนองตามบริบท จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งขึ้น ดังนั้นการสะท้อนอารมณ์จะสามารถสร้างความรู้สึกของการได้รับการเข้าใจ และเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น AI Influencer ควรแสดงออกถึงความเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความเศร้า หรือความตื่นเต้น
4. ความไว้วางใจและจริยธรรมของ AI (Trust & Ethical Considerations)
ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับ AI มากขึ้น หาก AI เปิดเผยตัวตนว่าตัวเองเป็น AI อย่างโปร่งใส แต่ยังคงพฤติกรรมที่ดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ ก็จะช่วยในเรื่องความไว้วางใจได้
- AI Influencer ควรให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
- AI Influencer ควรมีการเปิดเผยว่าตนเองเป็นปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกับสร้างคอนเทนต์ที่มีความหมาย และพยายามสร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดขึ้น
- การสื่อสารอย่างมีจริยธรรม เช่น การไม่ปลอมแปลงตัวตนเป็นมนุษย์ หรือไม่เคลมสิ่งต่างๆในลักษณะของการรีวิว (Review) คำรับรอง (Testimonials) เพราะ AI ไม่เคยใช้สินค้าหรือบริการจริง
มีอยู่บางบทบาทที่ AI ไม่ควรทำซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงลบด้านจริยธรรมได้ โดยบทของ AI Influencer ที่ไม่ควรทำนั้น ผมได้วิเคราะห์สรึปไว้ในบทความนี้ครับ >>> ขีดจำกัดทางจริยธรรมของ AI กับบทบาทการเป็น Influencer ในการรีวิวสินค้า ![]()

การออกแบบ AI Influencer ให้มีลักษณะคล้ายมนุษย์
การสร้าง AI Influencer หรือ AI Presenter ให้มีความสมจริง และสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยการออกแบบที่พิถีพิถันในหลายมิติ ดังนี้
1. ความสมจริงของภาพและการเคลื่อนไหว (Visual Realism & Animation)
AI Influencer ที่มีความสมจริงสูงจำเป็นต้องสะท้อนความสวยงามของมนุษย์ตามธรรมชาติ ซึ่งรวมถึง
- พื้นผิว (Texture) กับหน้าตา ผิวหนัง เส้นผม และเสื้อผ้า ที่ต้องใช้คุณภาพสูง
- เทคโนโลยี Motion Capture เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ รวมถึง Microexpressions หรือสิ่งที่สะท้อนอารณ์ภายใต้ผิวหน้าหรืออารมณ์ที่ซ้อนเร้น เช่น การกระตุก การยิ้มเล็กๆ การกระพริบตาบ่อยๆเมื่อมีแสงกระทบหน้า ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติตามปฏิกิริยาของมนุษย์
- ระบบติดตามการสบตา (Eye Contact Tracking) เพื่อจำลองการมีปฏิสัมพันธ์ที่สมจริง

เครื่องมืออย่าง MetaHuman Creator ของ Unreal Engine หรือ GANs (Generative Adversarial Networks) ของ NVIDIA สามารถช่วยให้แบรนด์สร้างมนุษย์เสมือนที่มีความสมจริงได้อย่างมาก โดยใน AI Platform หลายๆตัวก็มีการนำมาปรับใช้ให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้น
2. การสังเคราะห์เสียงที่มีอารมณ์และรูปแบบการพูด (Emotional Voice Synthesis & Speech Patterns)
เทคโนโลยีเสียงของ AI ก้าวไปไกลกว่าการพูดแบบหุ่นยนต์ในลักษณะเดิมๆมาสักระยะหนึ่งแล้ว แบรนด์ควรใช้เทคนิคต่อไปนี้เพื่อพัฒนาให้เสียงของ AI มีความสมจริง
- จังหวะการพูดที่เป็นธรรมชาติ (Natural Speech Cadence)
โดย AI Influencer ต้องสามารถเลียนแบบโทนเสียง จังหวะการพูด และการแสดงออกทางอารมณ์ได้เหมือนมนุษย์ - การรับรู้บริบท (Context Awareness)
AI Influencer ควรสามารถปรับโทนเสียงตามเนื้อหาของบทสนทนา เช่น การแสดงความตื่นเต้น ความเห็นอกเห็นใจ หรืออารมณ์ขัน - การพูดได้หลายภาษาและหลายสำเนียง (Multilingual & Accented Speech)
AI Influencer ควรพูดได้หลายภาษาพร้อมทั้งมีสำเนียงท้องถิ่น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายขึ้น

3. การพัฒนาบุคลิกภาพและการเล่าเรื่องผ่านโลกดิจิทัล (Personality Development & Digital Storytelling)
เพื่อให้ AI Influencer มีความน่าสนใจและดึงดูดใจ ก็จำเป็นต้องมีบุคลิกภาพที่ชัดเจน (Personality)
รวมถึงการเล่าเรื่องที่ช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภค โดยคำนึงถึง
- อัตลักษณ์และเส้นเรื่องที่โดดเด่น (Unique Identity & Character Arc)
การให้ AI Influencer มีเรื่องราวเบื้องหลัง (Backstory) และบุคลิกที่แตกต่าง (Personality) จะช่วยให้เป็นที่จดจำและน่าเชื่อมโยงมากขึ้น - การปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (Personalized Content)
AI Influencer ควรสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองตามสถานการณ์ต่างๆ - ความสามารถในการจดจำ (Memory Retention)
AI Influencer ควรจดจำการโต้ตอบในอดีตกับผู้ใช้งาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องและมีความหมาย

4. การสร้างแบรนด์ส่วนตัวให้กับ AI Influencer (Crafting a Personal Brand for AI Influencers)
ทำในลักษณะเช่นเดียวกับ Influencer ที่เป็นมนุษย์ โดย AI Influencer ควรมี Personal Brand
ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ซึ่งประกอบไปด้วย
- เรื่องราวภูมิหลังในอดีตที่ชัดเจน (A Defined Backstory)
โดยแทนที่จะเป็นแค่ AI Influencer ทั่วไป พวกเขาควรมีเรื่องราวที่บอกเล่าถึงที่มาที่ไป ความสนใจ และจุดมุ่งหมายของตัวเอง - บุคลิกภาพและค่านิยมที่แตกต่าง (Distinct Personality & Core Values)
AI Influencer ควรสะท้อนลักษณะนิสัยที่ชัดเจน เช่น เป็นมิตร ฉลาด มีความทะเยอทะยาน หรือมีความเห็นอกเห็นใจ - ความสม่ำเสมอในเนื้อหาและข้อความ (Consistency in Content & Messaging)
การใช้โทนเสียง ภาพลักษณ์ และการมีปฏิสัมพันธ์ของ AI ควรมีความต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานผู้ติดตามที่ภักดี - เป้าหมายและการพัฒนา (Aspirations & Growth)
AI Influencer ควรสามารถพัฒนาและเติบโตได้ตลอดเวลา เช่น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเผชิญความท้าทายใหม่ๆ หรือเล่าเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ AI Influencer มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้
เสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
ความท้าทายสำคัญคือการทำให้ AI มีความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อให้สามารถรับรู้และตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยมี 2 วิธีสำคัญ ได้แก่
1. การวิเคราะห์อารมณ์และการจดจำอารมณ์ (Sentiment Analysis & Emotional Recognition)
ด้วยการใช้ NLP (Natural Language Processing) และ Machine Learning จะทำให้ AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ดังนี้
- อารมณ์จากข้อความ (Text-based Emotions) ในการโต้ตอบคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลมีเดีย
- น้ำเสียงและจังหวะการพูด (Voice Inflections) เพื่อระบุอารมณ์ของผู้ใช้งานผ่านการสนทนาเสียง
- การจดจำใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อตรวจจับอารมณ์ของผู้ใช้จากการโต้ตอบผ่านวิดีโอ
2. การตั้งโปรแกรมให้ AI ตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจ (Empathetic Response Programming)
AI Influencer ควรสามารถตอบสนองได้มากกว่าการใช้สคริปต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยต้องสามารถปรับตัวได้แบบไดนามิกผ่านแนวทางต่อไปนี้
- การปรับโทนเสียงและภาษาตามผลการวิเคราะห์อารมณ์
- การรับรู้และตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้บริโภคอย่างเหมาะสม
- ใช้การเล่าเรื่อง (Storytelling) เพื่อกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกร่วม
ทั้งหมดนี้ช่วยให้ AI Influencer สามารถสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และช่วยเพิ่มคุณค่าในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค
การสร้าง AI Influencer สำหรับการมีส่วนร่วมหลายแพลตฟอร์ม (Multi-Platform Engagement)
AI Influencer ควรมีความสามารถในการปรับตัว และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้แก่
- โซเชียลมีเดีย (Social Media: Instagram, TikTok, YouTube)
- AI Influencer ควรโพสต์คอนเทนต์แบบ Interactive Content เช่น วิดีโอสั้น ภาพเคลื่อนไหว และโพสต์ที่กระตุ้นการมีส่วนร่วม
- ควรมีการตอบกลับความคิดเห็น และเข้าร่วมเทรนด์หรือชาเลนจ์ต่างๆ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง
- การไลฟ์สตรีมและร่วมอีเวนต์เสมือนจริง (Livestreaming & Virtual Events)
- AI Presenter สามารถเป็นโฮสต์ของงานเสมือนจริงต่างๆ เช่น การ Live Stream การทำ Workshop และ Q&A แบบเรียลไทม์
- การตอบคำถามของผู้ชมได้อย่างไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ
- เมตาเวิร์สและสภาพแวดล้อม VR (Metaverse & VR Environments)
- AI Presenter สามารถสร้างประสบการณ์ที่สมจริง (Immersive Experience) ภายในแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Meta’s Horizon Worlds หรือ Decentraland
- สามารถสร้างและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ในโลกเสมือน ผ่าน Avatar ที่เคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์
การปรับตัวของ AI Influencer ให้เข้ากับแพลตฟอร์มต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ชม และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกับกลุ่มเป้าหมาย

Source: https://www.meetyoo.com/en/resources/how-innovative-virtual-events

รูปแบบของ AI Influencer กับการเชื่อมโยงอารมณ์
AI Influencer มีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เสมือนจริง (AI Human) ตัวการ์ตูน (Cartoon Character) มาสคอต (Mascot) หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตเสมือนจริงในรูปแบบนามธรรม (Abstract) โดย AI Influencer ในแต่ละรูปแบบล้วนแล้วแต่ใช้ความสามารถของ AI ในการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ชม เพื่อสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์
1. AI Influencer ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์จริง
ตัวอย่าง AI Influencer อย่าง Lil Miquela, Shudu Gram, Imma เป็น AI Influencer ที่มีความสมจริงสูง พร้อมบุคลิกที่ชัดเจน และมีเรื่องราวเบื้องหลัง และความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์ และเหตุที่ AI Influencer ลักษณะนี้ได้ผลใกล้เคียงกับมนุษย์ คือ
- กราฟิกขั้นสูงในการสร้าง AI ที่พัฒนาขึ้นอย่างล้ำหน้าและดูสมจริง
- ความสามารถในการเลียนแบบสีหน้าท่าทาง ภาษากาย และน้ำเสียงของมนุษย์
- สร้างความสัมพันธ์แบบ Para-Social ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าเป็นมนุษย์และมีปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริง

Source: https://fashiongtonpost.com/shudu-gram-digital-supermodel/
2. AI Influencer ในรูปแบบตัวการ์ตูน (Cartoon) ที่มีสไตล์เฉพาะตัว
ตัวอย่าง AI ที่เป็นตัวการ์ตูนอย่าง Noonoouri, Guggimon, Apoki ที่ถูกสร้างขึ้นมาในแบบ Digital Character มีสไตล์ที่โดดเด่นเน้นเอกลักษณ์และความถนัดในด้านต่างๆ โดยมีคุณลักษณะในการเชื่อมโยงความรู้สึก ดังนี้
- หลีกเลี่ยง “Uncanny Valley Effect” โดยตั้งใจให้ดูไม่เหมือนมนุษย์อย่างชัดเจน เพื่อทำให้เกิดความสบายใจขึ้นและไม่กังวลว่าจะโดนความเหมือนมนุษย์บดบังการตัดสินใจ
- ดึงดูดกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นที่คุ้นเคยกับ Animation และองค์ประกอบของความเป็น Fantasy
- เปิดโอกาสให้สร้างเรื่องราวที่สร้างสรรค์โดยไม่มีข้อจำกัด

Source: https://apoki.ai/news/?bmode=view&idx=16876964
3. AI Influencer ในรูปแบบมาสคอต (Mascot)
เราจะเห็น AI ในรูปแบบตัวแทนของแบรนด์เยอะมากขึ้นในตลาด อย่าง AI Colonel Sanders, AI Ronald McDonald, AI Tony the Tiger โดยรูปแบบ Mascot สามารถเชื่อมโยงอารมณ์ได้ ดังนี้
- ตอกย้ำอัตลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความรู้สึกคุ้นเคยได้ดึ
- ทำให้แบรนด์สามารถเชื่อมโยงบุคลิกกับมาสคอต เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ชม
- รักษาความสอดคล้องของภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image)
และการสื่อสารทางการตลาดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
Source: https://youtu.be/JsvZwP1jndE
4. AI Influencer ในรูปแบบสิ่งมีชีวิตเสมือนจริงแบบนามธรรม (Abstract)
ตัวอย่างเช่น Kuki AI (Mitsuku), Hatsune Miku ที่เป็น AI ทั้งแบบมีตัวตนบนโลกเสมือน หรือมีแค่เสียงพูดเพียงอย่างเดียวในแบบ Chatbot ที่สามารถเชื่อมโยงอารมณ์ได้ ดังนี้
- ดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและดิจิทัล
- สามารถอยู่ในโลกดิจิทัลในหลากหลายมิติ (เช่น Metaverse, VR, AR)
- มีความยืดหยุ่นทางความคิดสร้างสรรค์ โดยไม่มีข้อจำกัดของความสมจริง

Source: https://botpenguin.com/blogs/kuki-chatbot-pros-cons-and-alternatives

ตัวอย่างเรื่องราวเบื้องหลัง AI Influencer
Lil Miquela (by Brud)
- Background
Lil Miquela เธอมีอายุ 19 ปี เป็น AI สัญชาติบราซิลครึ่งหนึ่งและสเปนครึ่งหนึ่ง แต่เกิดและเติบโตในลอสแอนเจลิส ในตอนแรกอัตลักษณ์ของเธอถูกเก็บเป็นความลับทำให้เกิดความสงสัย แต่ต่อมาก็มีการเปิดเผยว่าเธอเป็น AI ที่สร้างขึ้นโดยบริษัทหุ่นยนต์ในจินตนาการ - Personality
Lil Miquela มีแนวคิดแบบก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง (Progressive) มีความใส่ใจสังคม (Socially Conscious) และมีสไตล์เป็นของตัวเอง (Fashionable) - Emotional Connection
เธอโพสต์เกี่ยวกับการต่อสู้ชีวิต การสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมทางสังคม หรือแม้กระทั่งการออกเดทกับ AI Influencer อื่นๆ - Brand Collaborations
Lil Miquela ร่วมงานกับหลากหลายแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Prada, Calvin Klein, BMW และ Samsung
Source: https://youtu.be/MXSaZQ2aAAc
Source: https://www.youtube.com/shorts/hCfzN_ylyn8?feature=share

Source: https://mashable.com/article/kfc-virtual-influencer-colonel
Source: https://youtu.be/xLCa8i6JQwQ
ด้วยการนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่สามารถรับรู้และตอบสนองทางอารมณ์ มาใช้ร่วมกับการสร้างแบรนด์บุคคล (Personal Branding) ให้กับ AI Influencer แบรนด์จะสามารถพัฒนา AI ในรูปแบบต่างๆที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริง และมีเสน่ห์ดึงดูดได้ไม่แพ้บุคคลจริง โดยหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ก็คือ การผสมผสานระหว่างการเล่าเรื่องแบบมนุษย์ การปฏิสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติ และความโปร่งใสทางจริยธรรม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมจริงและน่าดึงดูดอย่างแท้จริง
หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น
และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop
หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร
ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา
เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง
และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง
📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594
