เชื่อว่าทุกบริษัทก็ต้องอยากที่จะเป็นผู้นำในตลาดกันทั้งนั้น เพื่อครองสัดส่วนหรือส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการที่จะเป็นผู้นำได้นั้นจะมาจากการที่สินค้าหรือบริการสามารถตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลัก และต้องมีระบบในการบริหารจัดการภายในที่เป็นเลิศ เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในตลาดที่ตัวเองทำการแข่งขันอยู่ ตัวอย่างแบรนด์ที่เป็นผู้นำในตลาด เช่น
- McDonald’s เป็นผู้นำด้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
- Facebook เป็นผู้นำด้านโซเชียลแพลตฟอร์ม
- Google เป็นผู้นำด้านวงการเทคโนโลยี
- Nike เป็นผู้นำด้านแบรนด์ร้องเท้ากีฬา
- Coca Cola เป็นผู้นำด้านธุรกิจน้ำดำ
หากมองดูแล้วการเป็นผู้นำในตลาดก็ไม่ได้ดูดีไปทุกอย่าง แต่กลับเจอสถานการณ์ที่กดดันหนักกว่าด้วยซ้ำไปทั้งการต้องรักษาความเป็นผู้นำ การต้องมาคอยระวังว่าคู่แข่งจะงัดกลยุทธ์อะไรมาเพื่อชิงความเป็นผู้นำ แล้วการที่จะรักษาความเป็นผู้นำให้ได้นั้นจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง
- ขยายความต้องการของลูกค้า
การที่จะเป็นผู้นำในตลาดต้องพยายามหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการและนำเสนอ เพื่อสร้างให้เกิดการซื้อขาย โดยอาจจะเป็นการนำเสนอจุดขายอื่นๆเพื่อเพิ่มความต้องการในการซื้อสินค้า ตัวอย่างเช่น McDonald’s ที่สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจประเภทฟาสต์ฟู้ดได้นั้น ไม่ใช่แค่การขายสินค้าที่ดีแต่ยังจูงใจลูกค้าด้วยการนำเสนอทางเลือกการกินฟาสต์ฟู้ดนอกบ้าน ทำให้แซงนำคู่แข่งอย่าง Subway และ Burger King ได้ด้วยการขยายสาขาอย่างมากมาย
นอกจากนั้นการเลือกกลุ่มตลาดใหม่ๆก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ผู้นำตลาดเลือกใช้ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ - รักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
นอกเหนือจากการพยายามขยายตลาดเพื่อการเป็นผู้นำแล้ว สิ่งที่ห้ามลืมคือการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเดิมให้ได้ และก็จำเป็นต้องปิดจุดอ่อนของตัวเองด้วยเช่นกัน เพื่อไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งกดดันได้ ฉะนั้นแบรนด์ต้องรักษาจุดยืน คุณค่าและคำมั่นสัญญาของแบรนด์ให้คงเส้นคงวาอยู่ตลอด ด้วยการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา โดยการตั้งราคาในระดับปานกลางที่ทุกคนมีกำลังพอที่จะซื้อได้
ผู้นำในตลาดจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ปรับปรุงการให้บริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย โปรโมชัน และควบคุมต้นทุนต่างๆอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยหากโดนโจมตีโดยผู้ท้าชิงในตลาด ก็จะมีการตอบโต้อย่างเด็ดขาด - เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดถือเป็นวิธีการคงความเป็นผู้นำในตลาดได้ โดยหากส่วนแบ่งทางการตลาดมีมากขึ้นโอกาสของยอดขายก็ต้องมีมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ส่วนแบ่งทางการตลาดแชมพูสระผมเพิ่มขึ้น 1% เท่ากับยอดขายรวมต่อปีเท่ากับ 14 ล้านเหรียญ
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ
- สร้างความแข็งแกร่งให้สินค้า และต้องพัฒนาให้ดีกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ
- รักษาความเป็นผู้นำอยู่เสมอ
- พัฒนาสินค้าและบริการอยู่ตลอดเวลา
- สร้างพันธมิตรในระยะยาวทุกๆด้าน
- ให้ความสำคัญกับคุณค่ามากกว่าการมุ่งเน้นที่ราคา
- หมั่นตรวจสอบจุดอ่อนของสินค้าหรือบริการ และอุดรวยรั่วเหล่านั้น
- การจะเป็นผู้นำในตลาดได้นั้นก็จำเป็นต้องเก็บรักษาความลับไม่ให้รั่วไหลออกไปภายนอก เพราะคู่แข่งก็จ้องที่จะหาโอกาสในการเอาชนะคุณอยู่เสมอๆ
ขั้นตอนวางแผนกลยุทธ์
- ระบุขอบเขตของธุรกิจ และขอบเขตของตลาดในการวิเคราะห์ให้ชัดเจน
- ค้นหาข้อมูลยอดขายทั้งจำนวนและมูลค่าของแบรนด์ตัวเอง รวมถึงข้อมูลของแบรนด์คู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม
- เมื่อวิเคราะห์ได้แล้วว่าแบรนด์ของคุณมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด ก็ทำการเลือกใช้กลยุทธ์สำหรับผู้นำ
- กำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
- ค้นหาปัจจัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้
- เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวนยอดขาย
- วางแผน ดำเนินงาน ติดตามผลงานในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส แต่ละปี
- ควมคุมและวัดผลเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ
Cover photo by Thiago Miqueias from FreeImages
One thought on “กลยุทธ์สำหรับผู้นำ (Market Leader Strategy)”