B2B Business

ธุรกิจแบบ B2B หรือ Business-to-Business นั้นมีความแตกต่างกับธุรกิจแบบ B2C ค่อนข้างมาก โดยในเรื่องของกระบวนการและความรวดเร็วในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งมันก็คือเรื่องของ Customer Journey หรือการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดกระบวนการขายและใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ โดย Customer Journey ของธุรกิจแบบ B2B ในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน และในบทความนี้ผมจะพามาทำความเข้าใจ Customer Journey ของธุรกิจแบบ B2B กันครับว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร


รู้จักกับ B2B Customer Journey Map Framework

B2B Customer Journey

ผมขอเน้นไปที่ธุรกิจแบบ B2B โดยรวมที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งนะครับ โดยหากพูดถึง B2B Purchase Journey นั้นมันก็จำเป็นจะต้องพิจารณาอยู่ด้วยกัน 7 ขั้นตอน ซึ่งประกอบไปด้วย 1. การระบุถึงปัญหา (Problem) หรือสาเหตุของการได้มาของสินค้านั้นๆ 2. การรับรู้ (Awareness) ซึ่งเป็นขั้นของการแสดงการมีอยู่ของสินค้าในตลาด 3. ค้นหาข้อมูล (Research) เพื่อให้ได้มาซึ่งรายละเอียดประกอบการตัดสินใจ 4. ทดลองใช้งาน (Testing) เพื่อดูว่ามันใช่ในสิ่งที่มองหาอยู่หรือไม่ 5. เสนอ / ต่อรองราคา (Pricing & Negotiation) หลังจากที่ตัดสินใจจากตัวเลือกที่มีอยู่ในตลาดได้แล้วระดับหนึ่ง 6. การบริหารจัดการกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Management) เพื่อขออนุมัติงบประมาณ จนไปถึงขั้นตอนที่ 7. ซื้อสินค้า (Purchase) โดยมันอาจจะมีขั้นตอนที่มากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ครับ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับความสลับซับซ้อนของแต่ละอุตสาหกรรมและสินค้าแต่ละประเภทนั่นเอง ส่วนวิธีการโปรโมทสินค้านั้นมันก็เป็นไปได้ทั้งรูปแบบการเข้าหาลูกค้า (Active) หรือการโฆษณาเข้าถึงลูกค้า (Passive) ในแต่ละ Touchpoint Link ได้ทั้งนั้น

และเพื่ออธิบายให้เห็นภาพทั้ง 7 ขั้นตอนผมจึงขอยกตัวอย่างสักหนึ่งอุตสาหกรรม ที่เห็น Customer Journey หรือการเดินทางของลูกค้าแบบชัดๆ ซึ่งนั่นก็คือบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์เกี่ยวกับระบบ CRM ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือธุรกิจด้านการเงินต่างๆ

What's next?

1. ระบุถึงปัญหา (Problem)

พนักงานที่ทำงานในบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินพยายามหาโซลูชั่นใหม่ๆมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ โดยปัญหานั้นเกิดผลกระทบโดยตรงกับผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง และพนักงานทั่วไป จึงจำเป็นต้องหาระบบ CRM มาช่วยสนับสนุนงานในส่วนต่างๆเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและกระบวนการทำงานของบริษัท
  • สร้างประโยชน์ให้กับสินค้าและบริการของบริษัท
  • ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นของบริษัทออกไป
Problem Recognition

2. การรับรู้ (Awareness)

เมื่อบริษัทตระหนักถึงปัญหาที่เจอแล้วก็จะพยายามค้นหาข้อมูลสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ โดยในขั้นนี้ในฐานะเจ้าของสินค้าคุณก็จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ให้กับสินค้าของคุณ ผ่านช่องทางและกิจกรรมต่างๆที่เหมาะสมกับธุรกิจแบบ B2B เช่น

  • งานออกบู้ทหรืออีเว้นท์
  • การโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย (เว็บไซต์/เฟสบุ้ค)
  • การสร้างให้เกิดการบอกต่อจากเพื่อนร่วมอาชีพ
  • คำแนะนำจากคนในอุตสาหกรรม

3. ค้นหาข้อมูล (Research)

พนักงานหรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องได้เห็นข้อมูลระบบ CRM ของคุณผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ แต่ก็ยังจำเป็นต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพราะเนื่องจากเป็นระบบค่อนข้างใหญ่และใช้งบประมาณค่อนข้างมาก โดยทีมที่เกี่ยวข้องก็จะพยายามค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจให้ได้มากที่สุด เพราะมันจะเป็นระบบที่สร้างความคุ้มค่าให้กับบริษัทในหลายๆด้าน เช่น

  • การรีวิวของลูกค้าที่เคยใช้งานระบบ CRM ผ่าน Webbord ต่างๆ
  • การอ่านบทวิเคราะห์หรือบทวิจัยในอุตสาหกรรมจาก Google
  • คำแนะนำจากคนอื่นๆที่เคยใช้

4. ทดลองใช้งาน (Testing)

เมื่อพนักงานของบริษัทคุณได้คัดกรองข้อมูลมาดีแล้วในระดับหนึ่ง ก็ถึงเวลาการทดลองใช้สินค้าหรือบริการซึ่งในธุรกิจ B2B นั้นขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมากขั้นตอนหนึ่ง โดยพนักงานที่เกี่ยวข้องก็จะติดต่อไปยังบริษัทของคุณเพื่อขอทดลองใช้งานระบบ CRM ในเบื้องต้นผ่านทาง

  • การส่งอีเมล์
  • การโทรพูดคัยกับทีมขายระบบ CRM
  • ค้นหาที่อยู่เบอร์ติดต่อผ่านเว็บไซต์บริษัท
  • การพิมพ์คำขอทดลงใช้งานสินค้า/บริการผ่านหน้าเว็บไซต์
Product Testing

5. เสนอ / ต่อรองราคา (Pricing & Negotiation)

เมื่อข้อมูลเพียบพร้อมและได้ทดลองใช้งานจนเป็นที่น่าประทับใจ ก็เป็นขั้นตอนของการเปรียบเทียบราคากับเจ้าอื่นๆเพื่อดูว่าอะไรที่ดูคุ้มค่ามากที่สุดด้วยการ

  • หาราคาเปรียบเทียบของหลายๆระบบ CRM ผ่าน Google
  • เข้าไปค้นหาข้อมูลราคาบนเว็บไซต์ของคุณโดยตรงรวมถึงของคู่แข่ง
  • การดูข้อมูลราคาเปรียบเทียบจากคำแนะนำของคนที่เคยใช้
  • การโทรเข้ามาพูดคุยโดยตรงกับทีมขายระบบ CRM ของคุณ

6. การบริหารจัดการกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Management)

แม้ว่าการเจรจาต่อรองราคาและทำการเปรียบเทียบตัวเลือกที่ดีที่สุดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เกิดการซื้อขายขึ้นในทันทีอาจเป็นเพราะคนที่มีอำนาจอนุมัติงบประมาณนั้นไม่ใช่คุณ โดยอาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อระบบ CRM อีกหลายส่วน ซึ่งคุณก็จำเป็นต้องโน้มน้าวใจผู้บริหารด้วยเหตุผลที่ดีที่สุดเพื่อให้พวกเขาอนุมัติงบประมาณ และคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อระบบ CRM โดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย

  • ผู้บริหารระดับสูง (โดยส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุด)
  • ผู้บริหารด้านการเงิน
  • ผู้บริหารด้านไอที
  • พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบ CRM ก็มีส่วนในการเสนอความคิดเห็นในฐานะที่เป็นผู้ใช้งานโดยตรง

7. ซื้อสินค้า (Purchase)

สุดท้ายฝ่ายจัดซื้อของคุณก็ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายระบบ CRM จากที่คุณได้อนุมัติงบประมาณ ซึ่งโดยปกติแล้วฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อของบริษัทจะไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการหาข้อมูลสักเท่าไหร่ แต่ก็อาจจะมีบางบริษัทที่ดึงเอาฝ่ายจัดซื้อเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าและราคาด้วยเช่นกัน และโดยส่วนใหญ่ทีมที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนสุดท้ายนี้ก็จะประกอบไปด้วย

  • บัญชีและการเงิน
  • ไอทีหรือคนที่ดูเรื่องระบบฐานข้อมูล
  • ระดับบริหารจัดการ และระดับหัวหน้าทีม
Purchase Product

เห็นไหมครับว่ากระบวนการตัดสินใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจแบบ B2B นั้นมันมีรายละเอียดที่ค่อนข้างลึกและมากกว่าธุรกิจแบบ B2C ที่อำนาจและระยะเวลาในการตัดสินใจนั้นจะใช้เวลาที่นาน มีผู้ที่เกี่ยวข้องมากมาย และต้องมีการเปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติและราคาเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดครับ


Share to friends


Related Posts

รู้จัก Customer Journey และ Customer Journey Map

การเดินทางของลูกค้า หรือ Customer Journey คือประสบการณ์ที่ลูกค้ามีกับแบรนด์ของเรา ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ในทุกช่องทางและทุกจุดสัมผัสตลอดระยะเวลาของวงจรชีวิตของลูกค้า บริษัทส่วนใหญ่ใช้หลายช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เช่น เว็บไซต์ อีเมล์ โซเชียล มีเดีย


Customer Touchpoint มีอะไรบ้าง

การให้ความสำคัญกับจุดสัมผัสของลูกค้า หรือ Customer Touchpoint จะทำให้คุณมองเห็นแนวทางในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ให้ครบทุกจุดเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ของคุณ




6 thoughts on “ทำความรู้จัก B2B Customer Journey

  • I was curious if you ever considered changing the structure of your blog?

    Its very well written; I love what youve got to say.
    But maybe you could a little more in the way of content so people could connect with it better.

    Youve got an awful lot of text for only having 1 or 2 images.
    Maybe you could space it out better?

  • It’s an amazing paragraph in support of all the web visitors; they will obtain advantage from it
    I am sure.

  • Heya! I just wanted to ask if you ever have any trouble
    with hackers? My last blog (wordpress) was hacked and I ended up losing several weeks
    of hard work due to no data backup. Do you have any methods to
    protect against hackers?

  • Why users still use to read news papers when in this technological world the whole thing is presented on web?

  • You could certainly see your expertise in the work
    you write. The arena hopes for even more passionate writers such as you who aren’t afraid to say how they believe.
    At all times follow your heart.

  • Wonderful goods from you, man. I’ve understand your stuff previous to
    and you are just extremely excellent. I actually like what you have acquired here,
    certainly like what you are stating and the way in which you say it.

    You make it entertaining and you still care for to keep it
    wise. I cant wait to read much more from you. This is actually a tremendous website.

Comments are closed.

copyright 2024@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์