
ทวิตเตอร์ (Twitter) ถือเป็นหนึ่งในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก และสำหรับในประเทศไทยเองก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีคนใช้เป็นอันดับต้นๆ และหลายๆธุรกิจได้นำทวิตเตอร์มาใช้ในการโปรโมทแบรนด์สินค้ารวมไปถึงบริการต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่การอัพเดทข่าวสารเหมือนในอดีตเพียงอย่างเดียว และสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจไหนที่เพิ่งจะเริ่มหัดใช้ทวิตเตอร์เป็นเครื่องมือสำหรับสื่อสารการตลาดอีกช่องทางหนึ่ง เราลองมาดูกันว่าหากคุณจะสร้างบัญชีทวิตเตอร์สำหรับธุรกิจคุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรกันบ้าง ซึ่งผมขอข้ามในเรื่องของวิธีการตั้งค่าบัญชีไปนะครับ

วิธีใช้ Twitter สำหรับธุรกิจของคุณ
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนครับว่าทวิตเตอร์นั้นเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเป็นหลัก ซึ่งเจ้าของบัญชีสามารถกำหนดหัวข้อและเนื้อหาในการสื่อสารได้ไม่เกิน 280 ตัวอักษร โดยคนทั่วไปรวมไปถึงหน่วยงานบริษัทหรือองค์กรก็สามารถเป็นเจ้าของบัญชีได้ ตั้งแต่การแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ แบ่งปันข่าวสารที่กำลังเป็นเรื่องยอดนิยมในสังคม แบ่งปันข้อมูลสินค้าหรือบริการ ที่สามารถพูดโต้ตอบ (Reply) ส่งข้อความส่วนตัว (Direct Message – DM) บอกต่อ (Re-Tweet) ติดแฮชแท็คยอดนิยม (#Hashtag) และยังสามารถพูดถึงชื่อคนหรือแบรนด์ (@Name) ได้อีกต่างหาก ซึ่งมันกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดฮิตที่คุณสามารถเข้ามาดูความเคลื่อนไหวของคนบนโลกออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ และหลายๆไอเดียดีๆที่เราเห็นในแคมเปญการตลาดนั้นก็มาจากทวิตเตอร์นั่นแหละครับ ทีนี้เรามาดูกันครับว่าจะนำเอา Twitter มาปรับใช้กับธุรกิจคุณให้เกิดผลดีได้อย่างไร
1. กำหนดแผนการตลาดสำหรับ Twitter
หากธุรกิจของคุณวางแผนที่จะใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางการในการสื่อสารการตลาดแล้วนั้น คุณก็ต้องทำเหมือนการวางแผนการตลาดในด้านต่างๆที่ทำอยู่เป็นประจำด้วยการวางแผนสำหรับการใช้ทวิตเตอร์ให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของธุรกิจ ที่ต้องมีการวางเป้าหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ Twitter การวางแผนการทำคอนเทนต์ให้เหมาะสม การจัดสรรงบประมาณสำหรับการซื้อโฆษณา เป็นต้น
2. สร้าง Brand Voice ให้เป็นของตัวเอง
Brand Voice ก็คือน้ำเสียงของแบรนด์ซึ่งมันหมายถึงบุคลิกภาพและความรู้สึกเชิงอารมณ์ที่หลวมรวมกันผ่านการสื่อสาร ที่ครอบคลุมไปถึงคำและภาษาที่ใช้จนไปถึงบุคลิกภาพของแบรนด์และรูปภาพที่ใช้ในงานด้านการตลาด เพื่อสร้างให้เกิดความประทับใจกับลูกค้า โดยคุณจำเป็นต้องหาสิ่งเหล่านี้ให้เจอไม่เช่นนั้นแนวทางการสื่อสารของคุณก็อาจจะซ้ำๆกับแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆในทวิตเตอร์จนกลายเป็นไม่มีความแตกต่างและอาจทำให้คนที่เห็นจำผิดก็ได้
3. ลองใช้ Twitter Lists
ในทวิตเตอร์เองก็มีฟังก์ชั่นที่ชื่อว่า Twitter Lists ซึ่งมันจะช่วยอำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการคอนเทนต์บนไทม์ไลน์ การเลือกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสารและวัดผลการตอบสนองได้ (Engagement) หากลองนำมาใช้ดูก็จะช่วยให้การทำงานของคุณนั้นง่ายมากขึ้น

Source: https://www.engadget.com/2019-09-23-twitter-pin-lists-home-timeline-ios.html
4. ลองใช้ Twitter Spaces เพื่อสื่อสารกับผู้ฟังแบบเรียลไทม์
Twitter Spaces เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถให้คุณพูดคุยกับกลุ่มผู้ฟังผ่านเสียงแบบสดๆ (Live Audio Conversations) ในลักษณะ Audio Events ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้แบรนด์และธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

Source: https://help.twitter.com/en/using-twitter/spaces
5. ซื้อโฆษณาผ่าน Twitter Ads
การซื้อโฆษณาก็ยังคงมีความจำเป็นในการโปรโมทธุรกิจครับ และยิ่งหากคุณเลือกทำการตลาดบนทวิตเตอร์แล้วก็เท่ากับคุณมีคู่แข่งเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ งบโฆษณาก็นับเป็นหนึ่งสิ่งที่คุณต้องวางแผนควบคู่ไปกับคอนเทนต์ที่จะใช้ในการโปรโมทด้วยเช่นเดียวกัน
6. การใช้ Twitter’s Advanced Search
ด้วยความที่ทวิตเตอร์นั้นมีคนทวีตมากกว่า 7,000 ครั้งใน 1 นาที ซึ่งอาจทำให้คุณไม่อาจค้นหาคอนเทนต์ที่คุณสนใจได้เจอ และทางเลือกที่ดีก็คือการลองใช้ Advanced Search ดูครับ ซึ่งมันสามารถค้นหาคนที่พูดถึงคุณได้อีกด้วย เพื่อนำมาวางแผนการตลาดต่อไป

Source: Twitter Business
7. วัดผลผ่าน Twitter Analytics
การทำการตลาดออนไลน์และการตลาดบนโซเชียลมีเดียที่ดีต้องวัดผลได้เสมอ และทวิตเตอร์เองก็มีเครื่องมือที่ชื่อว่า Twitter Analytics ที่ช่วยให้คุณตรวจสอบและวัดผลแคมเปญการตลาดในมุมต่างๆ อาทิ จำนวนคนที่พูดถึงคุณ จำนวนการเข้าถึง จำนวนการมีส่วนร่วม จำนวนลิ้งค์ที่ถูกคลิก เป็นต้น
8. เชื่อมต่อ Twitter API
เพื่อให้การตรวจสอบและติดตามผลเป็นแบบปัจจุบันทันด่วน (Real-time) และง่ายต่อทีมการตลาดในการบริหารจัดการ สำหรับตัวทวิตเตอร์ก็มี API ไว้เชื่อมต่อกับเครื่องมือต่างๆเพื่อให้คุณและทีมงานนั้นง่ายต่อการติดตามผลแบบเรียลไทม์ โดยคุณสามารถตั้งค่าตัววัดผลได้ตามที่ต้องการซึ่งก็ต้องให้ทีมโปรแกรมเมอร์นั้นช่วยติดตั้งตรงส่วนนี้
ทั้ง 8 วิธีที่สรุปมาถือเป็นเคล็ดลับเล็กๆที่สามารถช่วยให้คุณทำการตลาดเพื่อโปรโมทแบรนด์หรือธุรกิจผ่านทวิตเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยคุณลองนำแนวทางไปปรับใช้ดูได้ครับและหากมันยุ่งยากจนเกินไปและคุณไม่มีเวลาเพียงพอ อาจหาตัวช่วยเป็นทีมงานด้านการตลาดหรืออาจหามืออาชีพที่รับทำการตลาดออนไลน์มาช่วยก็น่าจะมียิ่งขึ้น ทีนี้เรามาดู 9 เทคนิคที่จะช่วยให้การใช้ Twitter เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณกันครับ

9 เทคนิคเพื่อช่วยธุรกิจคุณบน Twitter
ด้วยความที่ทวิตเตอร์นั้นสามารถโพสต์ได้แค่เพียงไม่เกิน 280 ตัวอักษรเท่านั้น จึงจำเป็นต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดในขอบเขตที่จำกัดกับ 9 เทคนิคดังต่อไปนี้
1. รวบทุกอย่างให้สั้นกระชับที่สุด
280 ตัวอักษรนั้นถือว่าน้อยมากแต่มันเป็นข้อบังคับของทวิตเตอร์ซึ่งเอาไว้ใช้แบ่งปันข้อความสั้นๆ ดังนั้นคุณควรคิดคำให้ได้ใจความที่ต้องการจะสื่อสารมากที่สุดที่ต้องตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ด้วย
2. เขียนแบบเพียวคอนเทนต์
การเขียนข้อความแบบไม่มีลิ้งค์ใดๆเลยจะส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมได้ดีกว่า ซึ่งนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับการวางแผนคอนเทนต์เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในลักษณะการพูดคุยหรือ Retweet มากกว่าจะให้เกิด Call-to-Action ในรูปแบบอื่นๆ
3. สร้างการมีส่วมร่วมด้วยบทสนทนา
การแค่เขียนอะไรลงไปบนโลกทวิตเตอร์อาจทำให้คนฟังไม่สนใจคุณเท่าที่ควร แต่วิธีการที่จะเปลี่ยนให้คนมาสนใจฟังคุณก็คือการสร้างบทสนทนาให้เกิดการโต้ตอบขึ้น เช่น การตั้งคำถาม การทำโพลสำรวจความเห็น เป็นต้น

Source: https://minter.io/blog/how-to-create-a-twitter-poll/
4. อย่าลืม Call-to-Action (CTA)
ทุกๆการทำการตลาดออนไลน์และโซเชียลมีเดียย่อมต้องมี Call-to-Action หรือผลลัพธ์ที่อยากให้เกิดขึ้นกับเรื่องนั้นๆ เช่น การใส่ลิ้งค์เพื่อเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ การใส่เบอร์โทร ซึ่งมันเหมาะกับการทำ Advertorial สำหรับการโฆษณาบนทวิตเตอร์และสามารถปรับใช้กับการทวีตแบบอื่นๆได้
5. ทวีตด้วย Emojis
ข้อความเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสื่อสารอารมณ์ได้เท่ากับการใส่ Emojis เข้าไปด้วย ซึ่งสถิติที่ทวิตเตอร์ได้ทำการสำรวจออกมานั้นก็น่าแปลกใจครับว่า การทวีตที่มี Emojis นั้นช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ฟังได้ดีกว่า
6. ติด #Hashtag ยอดฮิต
จุดเด่นเรื่องหนึ่งของทวิตเตอร์ คือ #Hashtag ที่กลายเป็นปรากฎการณ์ของโลกออนไลน์มานักต่อนักแล้ว ซึ่งคุณสามารถลองนำมาใช้กับการทวีตแต่ละครั้งดูได้ แต่ก็ต้องเลือกที่เหมาะสมกับสิ่งที่คุณจะทวีตด้วยนะครับไม่เช่นนั้นอาจทำให้คุณงานเข้าโดยไม่รู้ตัว โดยคุณสามารถหา #hashtag ได้จาก Twitter’s Advanced Search ดูได้
7. ทวีตด้วยรูปแบบ Visual
ภาพและเสียงช่วยให้คอนเทนต์ของคุณนั้นดูมีชีวิตชีวาและดึงดูดผู้ฟังได้มากมายเสมอ แม้ว่าทวิตเตอร์นั้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับข้อความเป็นหลักก็ตาม ตัวอย่างเช่น การใช้ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวในแบบ GIF หรือวีดิโอสั้นๆก็ได้ผลดีเช่นกัน

8. รู้จังหวะในการ Tweet
แม้ความสดใหม่ (Recency) ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้สิ่งที่คุณทวีตถูกพบเห็นอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ก็ควรเลือกเวลาในการทวีตให้เหมาะสมและตรงกับเวลาของกลุ่มเป้าหมายที่เปิดทวิตเตอร์ด้วย ไม่ใช่ทวีตในช่วงเวลาที่ทุกคนหลับกันหมดหรือไม่ได้อยู่บนโลกทวิตเตอร์ และโดยส่วนใหญ่นั้นช่วงวันจันทร์ 8 โมงเช้าถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการทวีตข้อความต่างๆ ซึ่งคุณอาจลองดูใน Twitter Analytics ดูก็ได้ครับว่าช่วงเวลาที่คุณทวีตช่วงใดสร้างการมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ก็ลองเลือกเวลานั้นทำการทวีตข้อความของคุณดู
9. เลือกความถี่ให้เหมาะสม
การทวีตข้อความบ่อยๆอาจสร้างความรำคาญและความเบื่อหน่ายให้กับผู้ฟังได้ ก็เหมือนกับทุกๆแพลตฟอร์มครับที่ต้องมีการวางแผนการทำคอนเทนต์ โดยส่วนใหญ่หากเป็นการทวีตก็อาจสัก 2-3 ครั้งใน 1 วันและก็ไม่จำเป็นต้องครบทั้งอาทิตย์ อาจเป็นเวลาทำงานแค่ 3-5 วันก็ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของคอนเทนต์นั้นๆด้วย