ในแวดวงการทำธุรกิจคงจะรู้จักคำว่า Blue Ocean กับ Red Ocean กันเป็นอย่างดีเพราะมันคือสภาพตลาดที่แบรนด์หรือธุรกิจนั้นจะเข้าไปทำธุรกิจและทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยที่เรารู้จักกันดีก็คือ Red Ocean นั้นเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ส่วน Blue Ocean นั้นคือตลาดที่โดดเด่นด้วยคุณค่าและความแตกต่างของแบรนด์ ธุรกิจ หรือสินค้า ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่งมากเท่ากับ Red Ocean หรืออาจจะไม่มีคู่แข่งเลย โดยในแต่ละตลาดก็มีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป และเราจะมาเรียนรู้กันครับว่ากลยุทธ์แบบ Blue กับ Red Ocean มันมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไร
Blue Ocean Strategy คืออะไร
หากพูดถึง Blue Ocean Strategy แล้วมันคือกลยุทธ์ที่เน้นไปในการหาตลาดใหม่ๆที่ไม่ได้มีความวุ่นวายหรือมีการทับซ้อนกันของคู่แข่งขัน ด้วยการนำเสนอคุณค่าให้เกิดขึ้นกับตัวลูกค้ารวมถึงการพยายามลดต้นทุนสินค้าและกระบวนการดำเนินงานจากการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาใช้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเอาชนะคู่แข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นจุดแข็งของธุรกิจด้วยการ
- พยายามสร้างและขยายขอบเขตของคุณค่าในอุตสาหกรรมที่ทำอยู่
- นำการวิเคราะห์แรงกดดันภายนอก 5 ประการ (Five Forces) มาปรับใช้กับธุรกิจ
- ปรับปรุงคุณภาพด้านราคาให้เข้ากับการใช้งานสินค้า และคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้น
- ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการลูกค้า
- การแข่งขันจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
- มีตำแหน่งของแบรนด์ที่ชัดเจนซึ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
Red Ocean Strategy คืออะไร
สำหรับ Red Ocean Strategy นั้นเราจะเห็นได้จากอุตสาหกรรมต่างๆที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่อย่างเยอะแยะมากมายมีการแข่งขันกันสูง โอกาสการเติบโตของธุรกิจเป็นไปได้ช้าและอาจเกิดขึ้นได้ยากจากสภาพการแข่งขันที่เรียกได้ว่าเอาเป็นเอาตาย ซึ่งอาจจะไม่ได้สร้างให้เกิดกำไรมากเท่าที่ควรจะเป็นด้วยการ
- แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้าในตลาดนั้นๆ
- ต้องวางแผนกลยุทธ์อย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะคู่แข่งให้ได้
- ขยายสินค้าหรือบริการออกไปในรูปแบบ Brand Extension กับ Line Extension เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม
- มีกิจกรรมทางการขายการทำโปรโมชันในแบบต่างๆเยอะมากมาย
- เพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าแต่อาจบวกราคาต้นทุนเพิ่มเติมเข้าไป
เปรียบเทียบระหว่าง Blue Ocean Strategy กับ Red Ocean Strategy
กลยุทธ์สำหรับ Red Ocean นั้นค่อนข้างจะเป็นการกำหนดโครงสร้างแบบตายตัว ที่มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วในทุกๆตลาดที่ทำการแข่งขัน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การออกแบบ การวางกลยุทธ์ในการทำการตลาด การทำโปรโมชัน มีการแข่งขันกันอยู่ในตลาดเดิมๆแบบไม่หยุดนิ่ง และเพื่อให้การแข่งขันนี้ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปก็จำเป็นต้องนำเสนอประโยชน์และข้อได้เปรียบที่มากกว่าคู่แข่งขันอยู่เสมอ และกำไรของธุรกิจนั้นก็มาจากการที่คู่แข่งเสียผลกำไรหรือส่วนแบ่งทางการตลาด
สำหรับ Blue Ocean Strategy จะเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์แบบตายตัว การแข่งขันด้วยการนำเสนอคุณค่าและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือสร้างให้เกิดความต้องการใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ที่แท้จริง จะเป็นตัวกำหนดความแตกต่างและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน หรือทำให้ตัวเองไม่ใช่คู่แข่งขันของคนอื่นๆในตลาด ธุรกิจสามารถเสนอคุณค่าให้กับลูกค้าด้วยต้นทุนที่ต่ำเอาชนะการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าด้วยการแสวงหาต้นทุนที่ต่ำ และสร้างความแตกต่างโดยจะเรียกสิ่งนี้ว่า “นวัตกรรมแห่งคุณค่า” ซึ่งนำไปสู่การเติบโตและผลกำไรที่สูงขึ้นนั่นเอง