
ทุกโครงการหรือกระบวนการที่ประสบความสำเร็จ มักจะขึ้นอยู่กับการกำหนดบทบาทที่ชัดเจน การกำหนดความรับผิดชอบที่ไม่คลุมเครือ และการสื่อสารที่ทันท่วงที แต่บ่อยครั้งที่ทีมงานต้องสะดุดและเกิดความสับสนกับคำว่า “ใครทำอะไร” และหนึ่งในเครื่องมือที่จะนำมาช่วยจัดการความรับผิดชอบ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดเครื่องมือหนึ่ง ก็คือ “แผนภูมิ RACI” ซึ่งเป็นตารางมอบหมายความรับผิดชอบแบบง่ายๆ ที่ช่วยนำระเบียบมาสู่การจัดการกับความวุ่นวาย และในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักวิธีใช้ “แผนภูมิ RACI” เพื่อช่วยการจัดการของทีมงานกันครับ

แผนภูมิ RACI กับการมอบหมายความรับผิดชอบ

แผนภูมิ RACI หรือ “ตารางมอบหมายความรับผิดชอบ” เป็นตารางง่ายๆที่ใช้เพื่อจับคู่งาน (Tasks) หรือสิ่งที่ต้องส่งมอบ กับบุคคล (Persons) รวมถึงบทบาท (Roles) ที่เกี่ยวข้อง โดย RACI มีมาตั้งแต่แนวทางการจัดการโครงการ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 แล้ว แต่คำย่อ RACI เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปี 1970 – 1980 ผ่านงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ แนวคิดนี้มาจากแรงผลักดันในยุคนั้นที่ต้องการความชัดเจน ในโครงการขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างแบบเมทริกซ์ ซึ่งหลายแผนกต้องทำงานร่วมกันและมักจะเกิดความสับสนว่า “ใครทำอะไร” และเมื่อเวลาผ่านไป RACI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ PRINCE2 ซึ่งเป็นแนวทางจัดการโครงการ ที่พัฒนาจากรัฐบาลของสหราชอาณาจักร โดยเน้นที่กระบวนการ (Process-Based) และ PMBOK ซึ่งเป็นมาตรฐานองค์ความรู้การบริหารโครงการ โดย PMI ที่แบ่งงานเป็นกลุ่มกระบวนการและองค์ความรู้ โดยแผนภูมิ RACI ได้กำหนดระดับความรับผิดชอบออกเป็น 4 ระดับให้กับแต่ละจุดตัด ดังนี้
R – Responsible (ผู้รับผิดชอบ)
พวกเขา คือ ผู้ที่ “ทำ” งานนั้น เป็นคนที่ลงมือปฏิบัติงานจริงๆ เพื่อให้งานหรือกิจกรรมนั้นสำเร็จลุล่วง อาจมีผู้รับผิดชอบหลายคนสำหรับงานเดียว โดยแต่ละคนอาจรับผิดชอบส่วนงานย่อยๆที่แตกต่างกัน พวกเขาต้องมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการดำเนินงานนั้นๆ และอาจต้องรายงานความคืบหน้าของงาน ให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Accountable)
ตัวอย่างเช่น ในการพัฒนาเว็บไซต์ ทีมพัฒนา (นักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ ผู้ทดสอบ) จะเป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบ เขียนโค้ด และทดสอบส่วนต่างๆของเว็บไซต์

A – Accountable (ผู้มีอำนาจตัดสินใจ)
พวกเขา คือ ผู้ที่ “รับผิดชอบ” ต่อผลลัพธ์สุดท้ายและมีอำนาจอนุมัติ ซึ่งก็คือ บุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจสุดท้าย และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์โดยรวมของงานนั้นๆ โดยจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถ เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสำหรับแต่ละงาน ลักษณะสำคัญ คือ พวกเขาไม่ได้ลงมือทำงานเอง แต่เป็นผู้มอบหมายงาน ติดตามความคืบหน้า และอนุมัติผลลัพธ์ พวกเขาต้องมั่นใจว่างานนั้นได้รับการดำเนินการ อย่างถูกต้องและเป็นไปตามเป้าหมาย และพวกเขามีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขหากจำเป็น
ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการโครงการจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ ในการอนุมัติแผนการพัฒนาเว็บไซต์ กำหนดงบประมาณ และรับผิดชอบต่อความสำเร็จโดยรวมของโครงการ

C – Consulted (ผู้ให้คำปรึกษา)
พวกเขา คือ ผู้ที่ “ให้ข้อมูล” หรือ “คำแนะนำ” ก่อนดำเนินการ ซึ่งเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ หรือมีมุมมองที่สำคัญต่อการดำเนินงานนั้นๆ ทีมงานจะต้องขอความคิดเห็นจากพวกเขา ก่อนที่จะเริ่มงานหรือเมื่อมีการตัดสินใจเรื่องสำคัญ โดยเป็นการปรึกษาหารือแบบสื่อสารสองทาง มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ที่อาจมีผลต่อวิธีการดำเนินงานหรือผลลัพธ์สุดท้าย
ตัวอย่างเช่น ในการออกแบบเว็บไซต์ ทีมงานอาจต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI เพื่อให้แน่ใจว่าการออกแบบใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

I – Informed (ผู้รับทราบ)
พวกเขา คือ ผู้ที่ “รับรู้” ที่อาจเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่จำเป็นต้องรับทราบความคืบหน้าของงาน ผลลัพธ์ หรือการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ หรือเพียงแค่เพื่อให้พวกเขาทราบถึงสถานการณ์หรือความคืบหน้า โดยมีลักษณะสำคัญ คือ เป็นการแจ้งให้ทราบแบบการสื่อสารทางเดียว โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูล ขณะที่บุคคลเหล่านี้อาจไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการทำงาน แต่ผลลัพธ์ของงานอาจส่งผลกระทบต่อพวกเขาได้ ดังนั้นการรับทราบจะช่วยให้ทุกคนอยู่ในภาพรวม และสามารถประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารระดับสูงอาจเป็นผู้รับทราบ ถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อให้พวกเขาทราบถึงสถานะของโครงการโดยรวม

ด้วยการวางงาน (Tasks) ตามแกนหนึ่งและบทบาท (Roles) ในอีกแกนหนึ่ง ทีมงานจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครทำอะไร ใครเป็นเจ้าของสิ่งที่ต้องส่งมอบแต่ละอย่าง และต้องได้รับการอนุมัติ หรือขอความคิดเห็นจากใคร

วิธีสร้างและใช้งานแผนภูมิ RACI
- กำหนดงานหรือสิ่งที่ต้องส่งมอบ (Tasks)
แบ่งโครงการหรือกระบวนการ ออกเป็นกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจง (เช่น “จัดทำเว็บไซต์ E-Commerce” “ร่างข่าวประชาสัมพันธ์” “ดำเนินการตรวจสอบทางกฎหมาย”) - ระบุบทบาทหน้าที่ (Roles)
ระบุรายชื่อบุคลากรตามบทบาทหน้าที่ (เช่น ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ นักออกแบบ UX ที่ปรึกษาทางกฎหมาย หัวหน้าฝ่ายการตลาด ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์) - เติมข้อมูลในตาราง
ใส่ข้อมูลสำหรับแต่ละจุดตัดระหว่างงาน (Tasks) และบทบาท (Roles) โดยให้กำหนดความรับผิดชอบ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจาก- R (Responsible – ผู้รับผิดชอบ) – ผู้ที่ลงมือทำงาน
- A (Accountable – ผู้มีอำนาจตัดสินใจ) – เจ้าของคนเดียวที่อนุมัติ
- C (Consulted – ผู้ให้คำปรึกษา) – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ให้ความเชี่ยวชาญ
- I (Informed – ผู้รับทราบ) – ผู้ที่ต้องการทราบความคืบหน้า
โดยหลักเกณฑ์ คือ ต้องมี A เพียงคนเดียวเท่านั้นต่อหนึ่งงาน แต่สามารถมี R หรือ C ได้หลายคน และควรหลีกเลี่ยงการกำหนด C หรือ I มากเกินไป
- ตรวจสอบความถูกต้องกับทีม
ทบทวนแผนภูมิในการทำเวิร์กช็อปหรือการประชุม เพื่อหาบทบาทที่ขาดหายไป ภาระงานที่มากเกินไป หรือความสับสนใดๆที่อาจเกิดขึ้น - เผยแพร่และใช้อ้างอิง
แบ่งปันแผนภูมิ RACI ที่สรุปแล้วในไว้ที่ส่วนกลางของโครงการ และอ้างอิงถึงแผนภูมินี้ตลอดการทำโครงการนั้นๆ

ตัวอย่างการใช้งานแผนภูมิ RACI
ผมลองกำหนดสถานการณ์ตัวอย่าง คือ การเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ของผลิตภัณฑ์ (New Features) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่ง ทีนี้เราลองมาดูแผนภูมิ RACI โดยละเอียด กับการระบุทีมงานแบบสมมติพร้อมกับบทบาทหน้าที่ ดังนี้
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager)
- หัวหน้านักพัฒนา (Lead Developer)
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer)
- นักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX Designer)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist)
- หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead)
- ผู้สนับสนุนระดับบริหาร (Executive Sponsor)

1. กำหนดงานหลัก (Tasks)
เมื่อระบุบทบาทหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ต่อมาก็เป็นการกำหนดเรื่องของงานที่ต้องทำ เพื่อให้พร้อมต่อการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆของซอฟต์แวร์
- รวบรวมความต้องการ (Gather Requirements)
- ออกแบบส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน (Design User Interface)
- พัฒนาคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ (Develop Feature)
- เขียนระบบทดสอบ (Write Test Cases)
- ดำเนินการทดสอบ (Execute Testing)
- เตรียมสื่อการตลาด (Prepare Marketing Collateral)
- ฝึกอบรมทีมสนับสนุน (Train Support Team)
- เปิดตัวและตรวจสอบติดตาม (Launch & Monitor)
2. ใส่ RACI ลงในตารางโดยระบุงาน (Task) กับบทบาท (Role)

3. อธิบายรายละเอียดการดำเนินการทีละขั้นตอน
- รวบรวมความต้องการ (Gather Requirements)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) พบปะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และรวบรวมข้อกำหนดคุณสมบัติ
(A / R) - นักออกแบบ UX ได้รับการปรึกษาเพื่อให้แน่ใจ ถึงความเป็นไปได้ของขั้นตอนที่เสนอ (C)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist) ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) และผู้สนับสนุนระดับบริหาร (Executive Sponsor) ได้รับการแจ้งให้ทราบ (I) เพื่อให้พวกเขาสามารถวางแผนล่วงหน้าได้
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) พบปะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และรวบรวมข้อกำหนดคุณสมบัติ
- ออกแบบส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน (Design User Interface)
- นักออกแบบ UX เป็นผู้นำในการสร้างโครงร่างและภาพจำลอง (A / R)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ให้ข้อเสนอแนะในระยะเริ่มต้น (C)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist) และหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) ตรวจสอบเพื่อให้สอดคล้องกับข้อความ และเอกสารสำหรับช่วยเหลือ (I)
- พัฒนาคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ (Develop Feature)
- หัวหน้านักพัฒนา (Lead Developer) เขียนโค้ดสำหรับฟีเจอร์ใหม่ (A / R)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ชี้แจงเกณฑ์การยอมรับ (C)
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer) ได้รับแจ้งความคืบหน้า (I) เพื่อให้พวกเขาสามารถกำหนดตารางการทดสอบได้
- เขียนระบบทดสอบ (Write Test Cases)
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer) สร้างกรณีสำหรับทดสอบการทำงาน และกำหนดขอบเขต
(A / R) - ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ตรวจสอบความครอบคลุมของการทดสอบ (C)
- หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) ร่วมดูแผนการทดสอบ (I) เพื่อทำความเข้าใจส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer) สร้างกรณีสำหรับทดสอบการทำงาน และกำหนดขอบเขต
- ดำเนินการทดสอบ (Execute Testing)
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer) ดำเนินการทดสอบ และบันทึกข้อผิดพลาด (A / R)
- หัวหน้านักพัฒนา (Lead Developer) และนักออกแบบ UX ได้รับการปรึกษา เพื่อจัดลำดับความสำคัญของปัญหา (C)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) และหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) ได้รับการแจ้งสถานะเกี่ยวกับคุณภาพจากการทดสอบ (I)
- เตรียมสื่อการตลาด (Prepare Marketing Collateral)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist) เตรียมเขียนบทความ อีเมล์ และทำแบนเนอร์โฆษณา (A / R)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) และนักออกแบบ UX ให้ข้อเสนอแนะในระยะเริ่มต้น (C)
- หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) ได้รับการแจ้ง เพื่อให้พวกเขาสามารถอัปเดตคำถามที่พบบ่อย (FAQs) (I)
- ฝึกอบรมทีมสนับสนุน (Train Support Team)
- หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) สร้างสื่อสำหรับการฝึกอบรม และเป็นผู้นำในการอบรม (A / R)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist) จัดเตรียมแนวทางในการใช้ข้อความ (C)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ได้รับแจ้ง ในกรณีที่มีคำถามทางเทคนิคที่ซับซ้อน (I)
- เปิดตัวและตรวจสอบติดตาม (Launch & Monitor)
- ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ลงนามอนุมัติการเปิดตัว และติดตามตัวชี้วัดหลัก (A)
- หัวหน้านักพัฒนา (Lead Developer) ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ (C)
- วิศวกรประกันคุณภาพ (QA Engineer) ตรวจสอบข้อบกพร่องหลังการเปิดตัว (C)
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (Marketing Specialist) และหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Lead) เฝ้าติดตาม Feedback จากผู้ใช้งาน (C)
- ผู้สนับสนุนระดับบริหาร (Executive Sponsor) ได้รับรายงานสรุป (I)
แผนภูมิ RACI เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นมาได้ง่าย แต่ค่อนทรงพลังในการแสดงผลด้วยภาพ ซึ่งช่วยจัดระเบียบโครงการที่ซับซ้อน โดยการกำหนดว่าใครทำอะไร ใครเป็นเจ้าของการตัดสินใจ และใครที่ต้องรับทราบข้อมูลอยู่เสมอ การนำกรอบงาน RACI ที่เรียบง่ายนี้มาใช้และปรับให้เข้ากับความต้องการ จะช่วยลดความสับสน เร่งการตัดสินใจ และทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการนั่นเอง