
ในทุกๆธุรกิจย่อมมีวัฒนธรรมองค์กรหรือ Corporate Culture ที่แตกต่างกัน ซึ่งมันสามารถสะท้อนให้เห็นทุกแง่มุมในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดแนวทางการทำงาน การสร้างแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานภายในองค์กร การให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจ มุมมองจากคนภายนอกที่มองเข้ามายังบริษัทของคุณและรู้สึกว่าบริษัทของคุณนั้นน่าเข้าไปร่วมงานมากน้อยเพียงใด วัฒนธรรมองค์กรหรือ Corporate Culture ยังเป็นแนวทางที่ช่วยกำหนดทิศทางความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณได้อีก และในบทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าวัฒนธรรมองค์กรหรือ Corporate Culture นั้นมีกี่รูปแบบแต่ละรูปแบบเป็นอย่างไร และมันสามารถขับเคลื่อนธุรกิจของคุณได้อย่างไร

วัฒนธรรมองค์กร 5 รูปแบบ
วัฒนธรรมองค์กรหรือ Corporate Culture ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบ ดังนี้
1. วัฒนธรรมองค์กรแบบ Team-first
วัฒนธรรมองค์กรแบบ Team-first หรืออาจเรียกได้ว่ามิตรสหายสำคัญที่สุด เป็นวัฒนธรรมของการให้ความสำคัญกับคำว่าทีมเป็นศูนย์กลาง (Team-oriented) โดยเน้นเรื่องของทักษะและประสบการณ์เป็นเรื่องรองลงมา นับเป็นการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากพนักงานไม่มีความสุขก็จะไม่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ วัฒนธรรมองค์กรแบบ Team-first จึงค่อนข้างเหมาะสมกับธุรกิจที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของการบริการเป็นหลัก หรือที่เราเรียกว่า Service-focused นั่นเอง เช่น ตัวอย่างในกรณีของ Netflix ที่ให้สิทธิพิเศษให้พนักงานลากิจที่เกี่ยวกับครอบครัวและลาไปท่องเที่ยวได้ไม่จำกัด พนักงานมีสิทธิ์และอิสระในเรื่องนี้อย่างเต็มที่และในทางกลับกันเมื่อได้สิทธิพิเศษขนาดนี้ พนักงานจะทำอย่างไรเพื่อตอบแทนและส่งมอบคุณภาพการทำงานให้กับองค์กร
ข้อสังเกตขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Team-first
- พนักงานเป็นมิตรและเป็นเพื่อนกับพนักงานในแผนกอื่นๆ
- พนักงานชอบสังสรรค์เข้าสังคมหลังจากการทำงาน
- บริษัทของคุณได้รับความคิดเห็นเชิงบวกและเป็นประโยชน์จากพนักงาน
- พนักงานมีความภาคภูมิใจเวลาทำงานที่ได้รับมอบหมาย
2. วัฒนธรรมองค์กรแบบ Elite
วัฒนธรรมองค์กรแบบ Elite อาจเรียกว่าวัฒนธรรมองค์กรชั้นยอดหรือการมีแต่บรรดาหัวกระทิในองค์กร ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้อยู่ตลอด เป็นองค์กรที่จ้างงานเฉพาะคนระดับหัวกระทิเท่านั้น พนักงานจะไม่ใช่แค่เป็นเพียงผู้ตามแต่ยังเป็นผู้นำในการคิดอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ ทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นผู้นำในตลาดโดยมักจะมีเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ การมีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Elite จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ๆที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรที่มีวัฒนธรรมในลักษณะนี้จะกลายเป็นองค์กรแห่งการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น SpaceX ที่เน้นเรื่องนวัตกรรม
ข้อสังเกตขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Elite
- พนักงานมีความกล้าที่จะตั้งคำถามเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
- พนักงานให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นอันดับแรก และจะทำงานนานกว่าปกติ
- ความสามารถที่โดดเด่นจะช่วยให้เกิดความก้าวหน้าที่เร็วขึ้น
- พนักงานมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างมากมายในตัวเอง
3. วัฒนธรรมองค์กรแบบ Horizontal
วัฒนธรรมองค์กรแบบ Horizontal หรือการทำงานแบบแนวราบที่มักจะพบเจอในธุรกิจ Startup หรือธุรกิจที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาใหม่ๆ ที่ต้องการความร่วมมือจากทุกๆคนโดยทุกๆคนสามารถนำเสนอไอเดียได้อยู่ตลอดเวลา ไม่มีลำดับขั้นซับซ้อนเหมือนองค์กรใหญ่ๆ และโดยส่วนใหญ่ขององค์กรในลักษณะนี้จะขับเคลื่อนโดยพลังคนหนุ่มสาว ทีมงานอาจจะไม่ได้ใหญ่โตโดยมีเป้าหมายในการสร้างความสุขให้กับลูกค้า ส่วนลักษณะการทำงานนั้นผู้บริหารจะทำงานควบคู่ไปกับพนักงานทุกคน ไม่ต้องมีพิธีรีตรองใดๆให้มากมายการประชุมก็ง่ายๆไม่ต้องเป็นทางการ เพียงแค่เดินเข้ามาพูดคุยกันที่โต๊ะทำงานมากกว่าการส่งอีเมล์สื่อสาร
ข้อสังเกตขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Horizontal
- ทีมงานมีการแสดงความคิดเห็นหรือพูดคุยเกี่ยวกับไอเดียการทำสินค้าใหม่ๆ
- ทุกๆคนทำงานได้หลายอย่างพร้อมๆกัน
- ผู้บริหารมักจะทำอะไรด้วยตัวเอง
- มีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา

4. วัฒนธรรมองค์กรแบบ Conventional
วัฒนธรรมองค์กรแบบ Conventional หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรแบบสมัยเก่า (Traditional) ที่มีลำดับชั้นและโครงสร้างองค์กรอย่างชัดเจน โดยเรามักจะเห็นได้จากภาพลักษณ์ของการแต่งกายที่เป็นระเบียบมีชุดยูนิฟอร์มชัดเจน มีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด มุ่งเน้นไปที่ตัวเลข (Number-focused) หรือผลประกอบการ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆใช้เหตุและผลในการตัดสินใจ ด้วยการหาข้อมูลสนับสนุนจากทั้งที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ แต่ในยุคหลังๆวัฒนธรรมองค์กรแบบ Conventional ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทำให้การบริหารงานมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยเรามักจะพบกับวัฒนธรรมองค์กรแบบ Conventional ได้ในองค์กรใหญ่ๆที่ทำธุรกิจมานานและมีชื่อเสียงลำดับต้นๆของประเทศและระดับโลก
ข้อสังเกตขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Conventional
- มีกฎระเบียบข้อบังคับที่ค่อนข้างเข้มงวด
- ขาดการสื่อสารและการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแผนกที่ดี
- อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของธุรกิจ
- ธุรกิจของคุณเป็นเจ้าตลาดโดยมีอำนาจในการบริหารจัดการต่างๆแบบครอบคลุม
5. วัฒนธรรมองค์กรแบบ Progressive
วัฒนธรรมองค์กรแบบ Progressive หรือวัฒนธรรมองค์กรแบบก้าวหน้าโดยจะเกิดกับธุรกิจที่มีการเติบโตและขยายกิจการ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการหรือการได้รับสนับสนุนเงินทุนในรูปแบบต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของธุรกิจค่อนข้างชัดเจนเพื่อสร้างการเติบโต มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างมากและมีความคาดหวังในความก้าวหน้าของธุรกิจค่อนข้างสูง องค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Progressive จึงจำเป็นต้องสื่อสารกับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงเป้าหมายและพันธกิจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น และโน้มน้าวให้เกิดการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกฝ่ายให้ช่วยผลักดันให้องค์เติบโตอยู่ตลอดเวลา
ข้อสังเกตขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ Progressive
- พนักงานมีการพูดคุยอย่างเปิดเผยและมุ่งมั่นในเรื่องของการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้
- ธุรกิจมี Turnover Rate ค่อนข้างสูง
- การเปลี่ยนแปลงในตลาดมีโอกาสสร้างผลกระทบกับรายได้