Louis_Vuitton_Building_Facade_in_Paris

หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) หรือที่รู้จักกันในชื่อ LV ก่อตั้งขึ้นในปี 1854 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศษ นับเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นหรูหราที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และเป็นที่รู้จักในด้านงานฝีมือ (Craftsmanship) ความเป็นเอกสิทธิ์ (Exclusivity) และนวัตกรรม (Innovation) สำหรับ LV นั้นก็ถือเป็นแบรนด์เรือธง (Flagship Brand) ของ LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหรารายใหญ่ที่สุดในโลก โดย LV ไดันำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ เช่น เครื่องหนัง แฟชั่น รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ ของตกแต่ง และน้ำหอม LV เน้นย้ำถึงความเป็นเอกสิทธิ์ (Exclusivity) ความสง่างามเหนือกาลเวลา (Timeless Elegance) และศักดิ์ศรีของแบรนด์ (Brand Prestige) โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ (Success) และรสนิยมที่ประณีต (Refined Taste) เรามาเรียนรู้ถึง Business Model Canvas (BMC) ของ Louis Vuitton กันครับ

Louis_Vuitton_Business_Model_Canvas_(BMC)

1. กลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation)

  • บุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงมาก (Ultra-high-net-worth individuals) หรือ (UHNWIs)
  • ผู้บริโภคที่มีฐานะและผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อแรงบันดาลใจ
  • กลุ่มลูกค้าที่นำสมัยในเมืองใหญ่ทั่วโลก
  • นักท่องเที่ยวที่มาซื้อสินค้าหรูหราทั่วโลก และนักเดินทางบ่อยครั้ง
  • นักสะสมสินค้าแฟชั่นและผู้ที่หลงใหลในแบรนด์อย่างภักดี

2. คุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า (Value Propositions)

  • งานฝีมือและมรดกทางประวัติศาสตร์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
  • ลายโมโนแกรมและดีไซน์ที่เป็นไอคอนิก ที่สามารถจดจำได้ทันที
  • การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีจำนวนจำกัดเพื่อคงไว้ซึ่งความหายาก
  • ประสบการณ์สุดพิเศษในร้านค้า และสำหรับลูกค้าระดับ VIP
  • คุณภาพที่เป็นเลิศและศักดิ์ศรีของแบรนด์
  • การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่นำสมัย แต่ยังคงความเป็นคลาสสิก

3. ช่องทาง (Channels)

  • ร้าน Flagship Store และร้าน Concept Shop ในย่านช้อปปิ้งหรูหรา
  • เว็บไซต์ทางการของ Louis Vuitton (กับการเข้าถึง Limited Collection)
  • เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ (เช่น Harrods, Galeries Lafayette)
  • การนัดหมายซื้อของส่วนตัวสำหรับลูกค้าระดับ VIP
  • แฟชั่นโชว์และกิจกรรมพรีวิวสุดพิเศษ

4. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships)

  • การบริการเฉพาะบุคคลและการสั่งทำพิเศษ (เช่น การแกะสลัก สั่งทำตามต้องการ)
  • ความภักดีระดับ VIP และกิจกรรมส่วนตัวสำหรับลูกค้าคนสำคัญ
  • บริการที่เป็นเลิศในร้านค้าจาก Brand Ambassador
  • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านที่ปรึกษาด้านแฟชั่นโดยเฉพาะ
  • การสื่อสารกับลูกค้าแบบดิจิทัลผ่านอีเมล์ บริการคอนเซียร์จทางมือถือ และการให้คำปรึกษาด้านแฟชั่น

5. แหล่งที่มาของรายได้ (Revenue Streams)

  • การขายผลิตภัณฑ์โดยตรง (ได้แก่ กระเป๋า ของตกแต่ง แฟชั่น เครื่องประดับ น้ำหอม)
  • ผลิตภัณฑ์รุ่น Limited Edition และสินค้าจากการร่วมมือกับผู้อื่น (Collaboration)
  • เครื่องหนังและผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่มีอัตรากำไรสูง
  • ช่องทาง E-Commerce (เฉพาะบางประเทศ)
  • การเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดพิเศษ (Exclusive Product) และการวางจำหน่าย Runway Collections ตามฤดูกาล

6. ทรัพยากรหลัก (Key Resources)

  • การสร้างมูลค่าแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมรดกทางประวัติศาสตร์ (Brand Heritage) ที่ย้อนหลังไปถึงปี 1854
  • ค่าจ้างนักออกแบบและช่างฝีมือระดับโลก
  • ร้านค้าปลีกที่เป็นของตนเอง
  • สัญลักษณ์ที่เป็นไอคอนิก (เช่น ลายโมโนแกรม LV ลายแคนวาส Damier)
  • ห้องปฏิบัติการงานฝีมือในฝรั่งเศสและส่วนอื่นๆของยุโรป
  • การเข้าถึงระบบนิเวศในการจัดจำหน่าย การตลาด และการเงินของ LVMH

7. กิจกรรมหลัก (Key Activities)

  • การออกแบบผลิตภัณฑ์และการเป็นผู้นำเทรนด์ในตลาดสินค้าหรูหรา
  • งานฝีมือและการผลิตในระดับคุณภาพสูงสุด
  • การคุ้มครองแบรนด์และการป้องกันการปลอมแปลงสินค้า
  • การตลาด การเล่าเรื่องราวของแบรนด์ และการสร้างแคมเปญต่างๆ
  • การจัดการความสัมพันธ์และประสบการณ์ของลูกค้า
  • การดำเนินงานร้าน Flagship Store และการค้าปลีกสินค้าหรูหรา (Luxury Retailing)

8. พันธมิตรหลัก (Key Partners)

  • การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม LVMH ทำให้ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรและความรู้ร่วมกัน
  • การร่วมมือกับศิลปินและนักออกแบบ (เช่น Yayoi Kusama, Supreme, Pharrell Williams)
  • ซัพพลายเออร์สำหรับวัสดุสุดพิเศษ และช่างฝีมือสินค้าหรูหรา
  • พันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับสื่อด้านแฟชั่น และผู้มีอิทธิพลระดับโลก
  • การเป็นพันธมิตรกับห้างสรรพสินค้าระดับหรู และแพลตฟอร์มค้าปลีกด้านการท่องเที่ยว

9. โครงสร้างต้นทุน (Cost Structures)

  • การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรมการออกแบบ (Design Innovation)
  • การบำรุงรักษาร้านค้าปลีกและการจ้างพนักงานทั่วโลก
  • ต้นทุนแรงงานช่างฝีมือและวัตถุดิบ
  • การลงทุนด้านการตลาด กิจกรรม และแคมเปญระดับโลก
  • การลงทุนด้านโลจิสติกส์และความปลอดภัย (รวมถึงการต่อต้านการปลอมแปลง และการขนส่งทั่วโลก)
  • การบริการลูกค้าและการจัดการลูกค้าระดับ VIP ที่มีต้นทุนสูง

Business Model Canvas (BMC) ของ Louis Vuitton ถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของความเป็นเอกสิทธิ์ (Exclusivity) งานฝีมืออันประณีต (Craftsmanship) และศักดิ์ศรีของแบรนด์ (Brand Prestige) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำผ่านการควบคุมเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบมาเป็นอย่างดีในทุกๆจุดสัมผัสของแบรนด์ (Brand Touchpoints) Link โดยแบรนด์มุ่งเป้าไปที่ลูกค้า (Customer Segments) ที่ “ร่ำรวย” และลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยความ “ปรารถนา” ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์เหนือกาลเวลา และการมีคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับมรดกทางวัฒนธรรม LV ควบคุมช่องทางการจัดจำหน่าย (Channels) อย่างเข้มงวด ผ่านร้านค้าปลีกที่เป็นเจ้าของเอง และการจำกัดช่องทางบน E-Commerce ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึง “ความหายากและความลึกลับ” ของแบรนด์

ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships) ไม่ใช่เพียงแค่การทำธุรกรรมซื้อขาย แต่เป็น “ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและเป็นส่วนตัว” ด้วยบริการแบบ VIP กับตัวเลือกการสั่งทำพิเศษ และการดูแลในระดับพรีเมียม (White-glove Treatment) ที่ช่วยเพิ่มความภักดีและมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (Customer Lifetime Value – CLV) Link คุณค่าที่ LV นำเสนอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสถานะทางอารมณ์และสังคม ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของสินค้า LV

ภายใต้การสนับสนุนของ LVMH แบรนด์ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหลัก (Key Resources) เช่น นักออกแบบ ช่างฝีมือ และสัญลักษณ์แห่งมรดก (เช่น ลายโมโนแกรม) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ขณะที่กิจกรรมหลัก (Key Activities) ก็มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมการออกแบบ การเล่าเรื่องราว และการปกป้องมูลค่าของแบรนด์ มีการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Key Partners) กับศิลปินและผู้ร่วมงานที่มีชื่อเสียง ที่ช่วยส่งเสริมความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกันก็ดึงดูดผู้บริโภคสินค้าหรูรุ่นใหม่ และถึงแม้จะมีโครงสร้างต้นทุน (Cost Structure) ที่สูง Louis Vuitton เองก็มีกำไรสุทธิสูง เนื่องจากพลังในการกำหนดราคา การรวมกิจการในแนวดิ่ง การควบคุมสินค้าคงคลังและการเข้าถึงของลูกค้าที่เข้มงวด

ท้ายที่สุดแล้ว Louis Vuitton เป็นตัวแทนของสุดยอดแบรนด์หรู ที่ซึ่งกลยุทธ์ทางธุรกิจและการแสดงออกทางศิลปะ ได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างขุม และพลังระดับโลกในอุตสาหกรรมแฟชั่นนั่นเอง



หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง

📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594


Share to friends


Related Posts

Case Study: Toyota กับตัวอย่างการทำ Business Model Canvas (BMC)

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (Toyota Motor Corporation) ก่อตั้งขึ้นในปี 1937 ที่ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก Toyota มีชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือ ประหยัดน้ำมัน และนวัตกรรมในการผลิต (เช่น ระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ Toyota Production System) โดยนำเสนอรถยนต์ที่ครอบคลุมหลายกลุ่ม ตั้งแต่รถยนต์ประหยัดพลังงานไปจนถึงรถยนต์หรู ภายใต้แบรนด์เล็กซัส (Lexus)


Case Study: BMW กับการทำ Business Model Canvas (BMC)

BMW คือ ผู้ผลิตยานยนต์ระดับพรีเมียมสัญชาติเยอรมัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับนวัตกรรมอันล้ำสมัย BMW ได้สะท้อนถึงความเป็นเลิศทางวิศวกรรม สมรรถนะการขับขี่ ที่ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตและเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ดำเนินธุรกิจในระดับโลก โดยให้บริการทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กร และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการวางตำแหน่งแบรนด์ระดับพรีเมียม (Premium Brand Positioning)


Case Study: Agoda กับการทำ Business Model Canvas (BMC)

Agoda แพลตฟอร์มจองการเดินทางออนไลน์ชั้นนำ ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั่วเอเชียและที่อื่นๆ แพลตฟอร์มนี้เชี่ยวชาญด้านที่พัก โรงแรม เที่ยวบิน การเดินทาง และกิจกรรมในท้องถิ่น โดยใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและเน้นการใช้มือถือเป็นหลัก Agoda ได้รับความนิยมเนื่องจากราคาที่แข่งขันได้



triangle
copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์