
คุณเคยไหมที่รู้สึกว่าของบางอย่างหนัก จนกระทั่งคุณลองยกของที่หนักกว่า หรือรู้สึกว่าใครบางคนดูใจดีเป็นพิเศษ เพียงเพราะคนที่เจอมาก่อนหน้านั้นหยาบคาย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาและพฤติกรรม (Psychology & Behavior) ที่เรียกว่า “ผลกระทบจากการเปรียบเทียบ” (The Contrast Effect) และแม้ว่าจะถูกนำมาใช้บ่อยครั้งในการตลาดและการโน้มน้าวใจ แต่ผลกระทบจากการเปรียบเทียบ (The Contrast Effect) ก็มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การตัดสินใจ ความสัมพันธ์ และแม้กระทั่งความภาคภูมิใจในตนเอง
การทำความเข้าใจสิ่งนี้จะช่วยให้เราตระหนักมากขึ้นว่า “เราถูกชักจูงได้ง่ายเพียงใด” ที่ “ไม่ใช่ด้วยตัวสิ่งของนั้นเอง” แต่ด้วย “สิ่งที่ถูกนำมาเปรียบเทียบด้วย” (Comparison) ต่างหาก เรามาทำความเข้าใจกับ The Contrast Effect กันในบทความนี้ครับ

ผลกระทบจากการเปรียบเทียบ (The Contrast Effect) คืออะไร
ผลกระทบจากการเปรียบเทียบ (The Contrast Effect) คือ อคติทางความคิด (Cognitive Bias) ชนิดหนึ่งที่การรับรู้ของเราต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้รับอิทธิพลจากการเปรียบเทียบ (Comparing) กับสิ่งอื่น ที่เราเพิ่งประสบพบเจอมาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งหมายความว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งสามารถดูดีขึ้น แย่ลง ใหญ่ขึ้น เล็กลง ง่ายขึ้น หรือยากขึ้นได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรมาก่อนหน้านั้น มันคือทางลัดทางจิตใจที่สมองของเรา ใช้ในการตัดสินสิ่งกระตุ้นต่างๆ แต่ทางลัดนั้นสามารถนำไปสู่ความคิดที่บิดเบี้ยว หรือการประเมินที่ไม่เป็นธรรมได้ โดยมีเบื้องหลัง ดังนี้
- ยึดติด (Anchors) กับสิ่งที่เพิ่งประสบพบเจอมา
- จากนั้นจึงปรับการรับรู้ (Adjusts Perception) โดยอิงจากการเปรียบเทียบ (Contrast)
หลักการนี้มาจากจิตวิทยาการรับรู้ (Perceptual Psychology) และมักถูกสาธิตในการทดลองแบบคลาสสิก เช่น การจุ่มมือข้างหนึ่งลงในน้ำร้อนและอีกข้างหนึ่งลงในน้ำเย็น จากนั้นนำมือทั้งสองข้างไปจุ่มในน้ำอุ่น มือของคุณจะ “รู้สึก” ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกัน แม้ว่าน้ำนั้นจะมีอุณหภูมิเท่ากันก็ตาม โดยจิตใจกำลังพยายาม “ทำความเข้าใจ” สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ

ตัวอย่างผลกระทบจาก The Contrast Effect
1. ความสัมพันธ์
คู่รักใหม่คนหนึ่งอาจดูรักคุณมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเขารักคุณมากเป็นพิเศษ แต่เพราะความสัมพันธ์ครั้งก่อนของคุณเป็นพิษ (Toxic) หรือครูคนหนึ่งอาจรู้สึกว่าเข้มงวด เพียงเพราะครูคนก่อนของคุณเป็นคนสบายๆมากเกินไป
2. การสัมภาษณ์งาน
ผู้สมัครที่อยู่ในระดับปานกลางอาจดูโดดเด่น หากพวกเขาถูกสัมภาษณ์ต่อจากผู้สมัครที่อ่อนแอ หรืออาจดูแย่ลงหากพวกเขาถูกสัมภาษณ์ต่อจากผู้สมัครที่เก่งมาก
3. การตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
หลังจากเห็นกระเป๋าถือราคา 10,000 บาท กระเป๋าราคา 5,000 บาท จะดู “สมเหตุสมผล” ขึ้นมาทันที แม้ว่าจริงๆแล้วมันก็ยังคงแพงอยู่ดี หรือหลังจากวันทำงานที่ยาวนาน แม้แต่การกระทำเล็กๆน้อยๆ ที่แสดงความเมตตาก็สามารถทำให้รู้สึกดีอย่างท่วมท้นได้
4. การรับรู้ตนเอง
คุณอาจรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถเมื่ออยู่ในกลุ่มหนึ่ง แต่กลับรู้สึกไม่เพียงพอเมื่ออยู่ในอีกกลุ่มหนึ่ง โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับใครเท่านั้น หรือการเลื่อนดูชีวิตที่ดีของคนอื่นหบนโซเชียลมีเดีย มักจะสร้างผลกระทบจากการเปรียบเทียบในเชิงลบ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าชีวิตจริงของพวกเขาไม่ดีพอ และความน่ากลัวของ Contrast Effect ก็สามารถทำให้ตัวของคุณ
- การตัดสินที่ไม่เป็นธรรม โดยผู้คนอาจได้รับการชื่นชมหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม โดยอิงจากคนรอบข้างที่ไม่ใช่จากคุณความดี หรือความสามารถของพวกเขาเอง
- การตัดสินใจที่บิดเบี้ยว โดยคุณอาจเลือกบางสิ่ง ไม่ใช่เพราะมันดีที่สุดสำหรับคุณ แต่เพราะมัน “ดูดีกว่า” เมื่อวางอยู่ถัดจากตัวเลือกที่แย่กว่า
- ความผันผวนทางอารมณ์ ด้วยความรู้สึกของเราสามารถแกว่งไปมาอย่างรุนแรงได้ โดยอาศัยการเปรียบเทียบ สถานการณ์ที่เป็นกลางอาจรู้สึกแย่ลงหรือดีขึ้น เพียงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

วิธีตระหนักรู้ถึง The Contrast Effect
การเข้าใจว่าผลกระทบจากการเปรียบเทียบ (The Contrast Effect) ทำงานอย่างไร สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการถูกหลอกได้ง่ายๆ โดยคุณสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ดูได้ครับ
1. หยุดพักก่อนจะตัดสินอะไร
เมื่อคุณกำลังจะตัดสินใจ หรือรู้สึกอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง ให้ลองหยุดคิดสักครู่หนึ่ง แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรากำลังตอบสนองต่อสิ่งนี้จริงๆ หรือกำลังตอบสนองต่อสิ่งที่เพิ่งเจอมาเมื่อกี้กันแน่” การตั้งคำถามนี้จะช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่า การรับรู้ของคุณถูกอิทธิพลจากการเปรียบเทียบหรือไม่
2. ประเมินแบบแยกเดี่ยว
พยายามมองคน วัตถุ หรือทางเลือกต่างๆ ด้วยคุณค่าที่แท้จริงของมันเอง ไม่ใช่การเอาไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น โดยสมมติว่าคุณกำลังพิจารณาซื้อสินค้าชิ้นหนึ่ง แทนที่จะเปรียบเทียบกับสินค้าที่แพงกว่าหรือถูกกว่า ให้ลองถามตัวเองว่า “สินค้านี้ตอบโจทย์ความต้องการจริงๆหรือไม่ คุณภาพเหมาะสมกับราคาของมันเองหรือไม่” หรือในการประเมินคน ก็พยายามมองคุณสมบัติและความสามารถของเขา โดยไม่นำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่คุณเพิ่งเจอมา
3. สังเกตความผันผวนทางอารมณ์อย่างรวดเร็ว
อารมณ์ของเราสามารถเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมีความรุนแรงเมื่อเกิดการเปรียบเทียบ โดยหากคุณรู้สึกขอบคุณมากผิดปกติ เช่น แค่มีคนช่วยเปิดประตูให้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจจนเกินเหตุ หรือผิดหวังมากผิดปกติ เช่น ผิดหวังกับอาหารที่ไม่ได้แย่มาก แต่เพราะเพิ่งกินของอร่อยสุดๆมา ก็ให้ลองตรวจสอบว่าผลกระทบจากการเปรียบเทียบ กำลังเข้ามามีบทบาทหรือไม่ การตระหนักรู้นี้จะช่วยให้คุณ เข้าใจที่มาของอารมณ์นั้นๆอย่างชัดเจนมากขึ้น
4. ใจดีกับตัวเองดูบ้าง
การที่เราเห็นชีวิตที่ “สมบูรณ์แบบ” ของผู้อื่นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เกิดการเปรียบเทียบและรู้สึกด้อยค่าได้ง่าย ดังนั้นคุณควรถามตัวเองว่า หากคุณรู้สึกว่าตัวเองยัง “ทำได้ไม่ดีพอ” หรือ “ไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนอื่น” ให้ถามตัวเองว่า “เรากำลังเทียบกับอะไรหรือเทียบกับใคร” การตั้งคำถามนี้จะช่วยให้คุณตระหนักว่า ความรู้สึกนั้นอาจเป็นผลมาจากการเปรียบเทียบ ที่ไม่จำเป็นและไม่เป็นธรรมต่อตัวเอง และเตือนให้คุณหันมาให้คุณค่ากับความก้าวหน้า และความสำเร็จของตัวเอง โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่น
ผลกระทบจากการเปรียบเทียบ (The Contrast Effect) เผยให้เห็นว่าการรับรู้ของมนุษย์ ไม่ได้เป็นไปตามหลักเหตุผลอย่างสมบูรณ์แบบเสมอไป เรามักจะประเมินสิ่งต่างๆโดยอิงจากบริบท และสิ่งที่เจอมาก่อนหน้าเสมอ ดังนั้น การตระหนักรู้ถึงอคตินี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด มองโลกได้กว้างขึ้น เข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่น ได้อย่างเที่ยงธรรมมากขึ้นในทุกๆวันนั่นเอง