การมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) หรือ การมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีนั้นสร้างให้เกิดความหวังและมองเห็นสิ่งที่ดีที่สุดแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยหากใครก็ตามที่มีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ในตัวเอง จะสามารถเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายได้อย่างมีสติ รับมือกับความผิดหวังได้ง่ายขึ้น เกิดความเข้าใจในสิ่งต่างๆ สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างสง่างาม แถมยังทำให้คุณเป็นคนที่ดูเยี่ยมยอดในสายตาผู้อื่นอีกด้วย และการมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) นั้นก็จะส่งอิทธิพลถึงคนรอบข้างให้มีความรู้สึกแบบเดียวกันได้อีกด้วย เรามาเรียนรู้วิธีที่จะสร้างให้ตัวของคุณมีวิธีคิดวิธีปฏิบัติตนเพื่อไปสู่การสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ที่จะส่งผลดีในเรื่องต่างๆของชีวิตในอนาคตไปพร้อมๆกันครับ
1. เริ่มต้นด้วยการขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น
วิธีแรกของการเข้าสู่การสร้างให้ตัวเองมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ก็คือ คุณจำเป็นต้องมองและเริ่มต้นทุกๆอย่างในแต่ละวันด้วยสิ่งดีๆ โดยมองให้เป็นความสวยงามอยู่เสมอ และลองนำสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นนั้นมาจดบันทึกเพื่อขอบคุณความรู้สึกที่ได้รับมาในแต่ละวัน เช่น ในช่วงเช้าคุณอาจเดินผ่านแมวน่ารักๆที่กำลังเล่นกับลูกๆ มีโทรศัพท์เข้ามานำเสนองานและโอกาสใหม่ๆให้กับคุณ คุณกำลังนั่งดื่มกาแฟที่หอมกรุ่น คุณมีครอบครัวที่รอกินข้าวด้วยกันตอนเย็น หรืออาจเป็นความทรงจำในอดีต สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจะสร้างให้เกิดพลังเชิงบวกจนกลายเป็นตราประทับในใจ กับการพัฒนาการสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ให้กับชีวิตในวันต่อๆไป
2. ดูแลตัวเองให้ดีในทุกๆวัน
สำคัญมากครับสำหรับคนที่จะสร้างวิธีหรือนิสัยการคิดแบบทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ก็คือ คุณต้องเน้นย้ำกับตัวเองเสมอว่าคุณต้องดูแลตัวเองและทำให้ตัวเองรู้สึกดีๆอยู่เสมอ จริงๆแล้วแค่รู้สึกดีอย่างเดียวอาจยังไม่พอซะด้วยซ้ำไป แต่ควรทำให้ความรู้สึกดีๆนั้นมันล้นเอ่อดูท่าจะดีกว่า ความรู้สึกเหล่านี้จะทำให้คุณขับเคลื่อนทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) แม้ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันจากการทำงานมาเหนื่อยๆ หรือเจอภาวะคับขันมากแค่ไหนก็ตาม เช่น การพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง ไปท่องเที่ยว หรือแม้แต่จุดเทียนสร้างบรรยากาศในการอ่านหนังสือดีๆสักเล่ม
3. เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส
ช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้าถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) เพราะมันจะเป็นตัวตัดสินว่าทั้งวันของคุณจะเจอกับบรรยากาศและความรู้สึกอย่างไร ถ้าเกิดตื่นขึ้นมาแล้วหงุดหงิดกับเรื่องอะไรสักอย่าง คุณก็จะแบกรับความรู้สึกแย่ๆไปตลอดทั้งวัน ลองปรับเปลี่ยนวิธีหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ตื่นเช้าขึ้นสักนิด ออกกำลังกายในสวนหย่อม อาบน้ำให้สดชื่น ชงและดื่มกาแฟพร้อมกับฟังเพลงเพราะๆ ทำกับข้าวมื้อพิเศษที่อร่อยสุดๆ ฟังเพลงเพราะๆ ก็จะช่วยให้เกิดทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ไปตลอดทั้งวันนั่นเอง
4. หยุดเรื่องนินทาทั้งหมด
อาจจะฟังดูยากสักหน่อยเพราะเรื่องซุบซิบนินทาหรือการพูดถึงคนอื่นๆนั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่ต้องยอมรับครับว่าเรื่องเหล่านี้จะทำให้คุณตกอยู่ในห้วงแห่งทัศนคติเชิงลบไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการซุบซิบนินทาในชีวิตการทำงานที่อาจจะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่มีแต่ความอิจฉาริษยา จนหลายๆครั้งก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระจายไปทั่วทั้งองค์กร ทั้งๆที่อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ได้ ดังนั้นถ้าจะปลูกฝังการมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ให้เกิดขึ้น คุณก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงหรือออกห่างจากสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแปลกหรือถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในวงสนทนาลักษณะนี้ ก็พยายามหาวิธีการถอยออกมา ซึ่งมันจะช่วยให้คุณมีเกราะป้องกันทัศนคติเชิงลบได้ดีมากยิ่งขึ้น
5. สร้างความบันเทิง
ทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) มักจะมาคู่กับความสนุกสนานและความบันเทิงอยู่เสมอ เพราะการมีอารมณ์ขันจะเป็นยารักษาความเครียดชั้นดีและช่วยให้อะไรต่างๆนั้นผ่อนคลายไปในทางที่ดีมากขึ้น ในขณะที่คุณทำงานแม้ว่าจะมีความเครียดและความกดดัน แต่หากคุณอยากสู้กับความกดดันทั้งหลายให้ได้ คุณต้องดึงความคิดเชิงบวกเข้ามาและมองสิ่งรอบด้านให้มีความสุขมากที่สุด
6. พักแบบจริงๆจังๆ
ในหนึ่งวันคุณต้องทำงานถึง 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ และหลายๆครั้งงานก็กินเวลาพักของคุณไป ซึ่งนั่นไม่ส่งผลดีต่อชีวิตคุณและยังทำให้คุณเครียดจนนำไปสู่ความรู้สึกเชิงลบได้แบบไม่รู้ตัว เวลาที่คุณมีโอกาสพักก็ควรพักอย่างจริงจังไม่ควรเอางานมานั่งทำไปด้วยและพักผ่อนไปด้วย ดังนั้นควรให้เวลาในการชาร์จพลังและเติมเต็มทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ให้ตัวเองในแต่ละวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
7. ผ่อนคลายหลังเลิกงาน
อย่าให้งานกลืนกินชีวิตของคุณเพราะมันจะกลายเป็นเงาติดตามตัวคุณไปตลอด เมื่อคุณทำงานเสร็จในแต่ละวันคุณควรให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและให้หัวสมองได้คิดเรื่องอื่นๆบ้าง ออกไปเที่ยวพักผ่อนหรือกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว โดยทิ้งการพูดคุยเรื่องงานหรือพูดคุยอะไรเครียดๆเอาไว้เบื้องหลัง และนอกจากการกินข้าวหรือช้อปปิ้งหลังเลิกงานแล้ว การกลับไปนั่งดูหนัง ฟังเพลง หรือออกกำลังกาย ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายที่จะช่วยสร้างพลังงานเชิงบวกได้อีก
8. ฝึกจิตใจด้วยสมาธิบำบัด
เพิ่มความเบิกบานใจและสุขภาพจิตที่ดีด้วยการนั่งสมาธิ ที่ช่วยลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ในแต่ละวันที่คุณเจอมา นอกจากนั้นการฝึกนั่งสมาธิยังช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และมีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สร้างให้เกิดพลังเชิงบวกในการสื่อสารและรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ดีอีกด้วย วิธีฝึกสมาธิที่ง่ายถือที่สุดคือการกำหนดลมหายใจเข้าออก หรือหากฝึกเต็มขั้นแบบจริงๆจังเลยๆ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์มากเลยทีเดียว
9. ฟังเพลงบำบัดเพิ่มพลังงานเชิงบวก
การฟังเพลงไม่ได้หมายถึงเพลงแนวบำบัดจิตใจครับ แต่หมายถึงเพลงที่เข้ากับอารมณ์และสิ่งที่เราชอบที่ทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกได้ปลดปล่อย รู้สึกว่ามีพลังหรือมีความหวังที่จะสู้ต่อไปไม่ว่าจะเจอเรื่องราวใดๆก็ตาม และมันก็มีหลากหลายงานวิจัยที่ค้นพบว่า ไม่ใช่แค่เพียงเพลงที่สนุกสนานหรือมีความหมายเชิงบวกเท่านั้นที่จะทำให้คุณมีทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) แต่เพลงเศร้าหรือเพลงที่มีความหมายเชิงลบก็ยังสามารถช่วยให้ผู้ฟัง เกิดความรู้สึกเชิงบวกได้เพราะต้องการจะหลีกหนีจากสถานการณ์แย่ๆเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นการสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ให้เกิดขึ้นกับตัวเองได้เช่นกัน
ทั้งหมดเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นในการสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งตัวคุณเอง รวมไปถึงส่งผลดีต่อคนที่อยู่รอบข้างคุณ และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี ช่วยขับเคลื่อนหลายๆสิ่งให้สามารถไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น