A_Woman_Typing_AI_Prompts_on_Laptop

ศิลปะของการใช้ Prompt ได้กลายเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ ซึ่งผมได้เคยพูดถึงพื้นฐานและเทคนิคการใช้ Prompt ต่างๆ ไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้บ้างแล้ว และในบทความนี้เราจะมาต่อยอดความรู้ ด้วยการเจาะลึกถึงอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ นั่นคือ “Prompt เชิงบริบท” (Contextual Prompts) ที่โดดเด่นในด้านความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้อง (Relevant) แม่นยำ (Precise) และเหมือนมนุษย์ (Human-Like) มากขึ้นครับ

Prompt เชิงบริบท (Contextual Prompts)

Prompt เชิงบริบท (Contextual Prompts) คือ คำสั่ง AI ที่รวมเอาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง การสมมติบทบาท (Role Assumptions) หรือสัญญาณบ่งชี้สถานการณ์ (Situation Cues) เพื่อชี้นำการตอบสนองของ AI ให้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยแทนที่จะถามว่า “เขียนอีเมล์” แต่ Contextual Prompts จะเป็น “ให้ทำหน้าที่เป็นนักเขียนโฆษณามืออาชีพ เขียนอีเมล์ติดตามผลเชิงโน้มน้าวใจถึงลูกค้า ที่แสดงความสนใจในบริการของเราเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่ได้ตอบกลับ” วิธีนี้จึงเป็นการกำหนดงานของ AI ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นโดยประโยชน์ ดังนี้

  • AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างแม่นยำ
  • ช่วยลดการตอบสนองที่คลุมเครือหรือไม่เฉพาะเจาะจง
  • ช่วยปรับรูปแบบภาษาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายหรือแพลตฟอร์ม
  • ทำให้ความตั้งใจชัดเจนขึ้น ลดความจำเป็นในการแก้ไขหลายครั้ง
  • ประหยัดเวลาด้วยการส่งมอบผลลัพธ์ ที่ใช้งานได้มากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง

ประเภทของ Contextual Prompts

Prompt เชิงบริบท (Contextual Prompts) ที่ใช้กันบ่อยที่สุดจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท ดังนี้

1. Prompt แบบกำหนดบทบาท (Role-Based Prompts)

Prompt ประเภทนี้เป็นการบอกให้ AI “สวมบทบาทเป็นบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” (Act as) เพื่อให้ AI สามารถตอบคำถามหรือสร้างเนื้อหาในมุมมองและความรู้ของบทบาทนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น

“Act as a legal advisor specializing in intellectual property.”

(ให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ที่เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา)

เมื่อคุณกำหนดบทบาทนี้ AI จะตอบคำถามเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยใช้ภาษาและหลักการทางกฎหมายที่ถูกต้อง เหมือนกับคุณกำลังคุยกับทนายความจริงๆ


2. Prompt แบบเน้นคำสั่ง (Instructional Prompts)

Prompt ประเภทนี้เน้นการให้ “คำสั่งที่ละเอียดและชัดเจน” (Clear Instruction) เพื่อให้ AI เข้าใจว่าคุณต้องการอะไรอย่างแม่นยำ ที่ไม่ใช่แค่หัวข้อกว้างๆแต่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ โครงสร้าง หรือจำนวนของผลลัพธ์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น

“Give me three bullet points summarizing the key benefits
of using electric vehicles.”

(สรุปประโยชน์หลักของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นสามข้อแบบหัวข้อย่อย)

คำสั่งนี้ระบุชัดเจนว่าต้องการ “3 ข้อ” และเป็น “หัวข้อย่อย” ทำให้ AI ไม่ต้องเดาและสร้างผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการทันที


3. Prompt แบบระบุสถานการณ์ (Situational Prompts)

Prompt ประเภทนี้จะมีการ “ระบุเวลา สถานที่ หรือสถานการณ์เฉพาะเจาะจง” (Situation) เพื่อเพิ่มบริบทให้ AI เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมหรือเงื่อนไขที่ต้องการ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสมจริง และเหมาะสมกับบริบทนั้นๆมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

“Write a speech for a high school graduation ceremony
in a small town during the pandemic recovery.”

(เขียนสุนทรพจน์สำหรับการจบการศึกษา ของนักเรียนมัธยมปลายในเมืองเล็กๆ
ช่วงที่กำลังฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่)

การใส่รายละเอียด “เมืองเล็กๆ” และ “ช่วงฟื้นตัวจากโรคระบาด” จะช่วยให้ AI สร้างสุนทรพจน์ที่มีเนื้อหา และโทนเสียงที่เข้ากับบรรยากาศและสถานการณ์นั้นๆได้อย่างลงตัว เช่น อาจจะพูดถึงความเข้มแข็งของชุมชน หรือความหวังในอนาคต


4. Prompt แบบมีหน่วยความจำบทสนทนา (Conversational Memory Prompts)

Prompt ประเภทนี้ใช้สำหรับ “การสนทนาที่ต่อเนื่อง” (Conversation) ซึ่ง AI จำเป็นต้องจดจำข้อมูลหรือบริบทจากการสนทนาครั้งก่อนๆ เพื่อให้การตอบกลับมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง ตัวอย่างเช่น

“Continue from where we left off discussing
social media strategy for Gen Z.”

(พูดต่อจากที่เราคุยกันเรื่องกลยุทธ์โซเชียลมีเดียสำหรับ Gen Z)

AI จะต้องย้อนกลับไปดูบทสนทนาก่อนหน้า เกี่ยวกับกลยุทธ์บนโซเชียลมีเดียสำหรับ Gen Z เพื่อให้การสนทนาครั้งนี้ เป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้เริ่มต้นประเด็นใหม่ทั้งหมด


5. Prompt แบบบริบทหลายรูปแบบ (Multimodal Context Prompts)

Prompt ประเภทนี้เป็นการให้ “บริบทในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่ข้อความ” (Multimodal) เช่น รูปภาพ เอกสาร หรือลิงค์ โดย AI จะต้องสามารถประมวลผลข้อมูลจากสื่อเหล่านั้น เพื่อนำมาประกอบการตอบคำถามหรือสร้างเนื้อหา ตัวอย่างเช่น

“Analyze the attached chart and suggest 3 trends for Q2.”

(วิเคราะห์แผนภูมิที่แนบมา และแนะนำ 3 เทรนด์สำหรับไตรมาส 2)

ในกรณีนี้ AI ไม่ได้อาศัยแค่ข้อความที่คุณพิมพ์ แต่ยังต้อง “มองเห็น” และ “ตีความ” ข้อมูลจากแผนภูมิที่แนบมา เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และเสนอแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง คุณสมบัตินี้กำลังเป็นที่นิยมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องใน AI รุ่นใหม่ๆ

วิธีสร้าง Contextual Prompts ด้วย PRIME Structure

เพื่อให้คุณจำองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการในการสร้าง Prompt เชิงบริบท (Contextual Prompts) ที่มีประสิทธิภาพได้ง่ายขึ้น คุณสามารถใช้โครงสร้างแบบ PRIME เป็นแนวทางได้ ดังนี้

P – Persona (บุคลิก / บทบาทสมมติ)

กำหนดว่า AI ควรจะเป็นใคร (เป็นส่วนที่เลือกใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่ถ้าใช้จะทรงพลังมาก) ด้วยการให้ AI สวมบทบาทเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้ AI ปรับสไตล์การเขียน ข้อมูล และมุมมอง ให้เข้ากับบทบาทนั้นๆได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับคุณกำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ตัวอย่างเช่น

(ให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านสตาร์ทอัพ…)

การกำหนดให้ AI เป็น “ที่ปรึกษาด้านสตาร์ทอัพ” จะทำให้ AI ใช้ภาษาและให้คำแนะนำ ในมุมมองของผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ ในวงการสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ


R – Role or Task (บทบาทหรือภารกิจ)

ระบุภารกิจหรือสิ่งที่ต้องการให้ AI ทำอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นแก่นหลักของ Prompt ที่บอก AI ว่าคุณต้องการให้ทำอะไร ที่ไม่ใช่แค่หัวข้อกว้างๆแต่เป็น “Action” ที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น

(…ที่ช่วยในการสร้างสไลด์นำเสนอ (pitch deck)…)

การระบุว่า AI ต้อง “ช่วยในการสร้างสไลด์นำเสนอ” ทำให้ AI รู้ว่าเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนกระบวนการนี้


I – Intent (ความตั้งใจ / วัตถุประสงค์)

ระบุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการสร้างผลลัพธ์นั้นๆ โดยการบอก AI ว่าทำไมคุณถึงต้องการสิ่งนี้ ซึ่งจะช่วยให้ AI เข้าใจบริบทและผลิตเนื้อหา ที่ตอบโจทย์เป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น

(…เพื่อดึงดูดเงินทุนรอบ Seed จาก Angel Investor…)

เมื่อ AI รู้ว่าวัตถุประสงค์คือการ “ดึงดูดเงินทุน” จาก “Angel Investor” AI จะปรับเนื้อหาของสไลด์นำเสนอ ให้มีลักษณะที่โน้มน้าวใจและเน้นจุดที่นักลงทุนสนใจ


M – Medium or Format (รูปแบบสื่อ / โครงสร้าง)

ระบุรูปแบบของผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ บทความ หัวข้อข่าว หรือโครงสร้างแบบใดก็ตาม การกำหนดรูปแบบจะช่วยให้ AI จัดระเบียบข้อมูลตามที่คุณต้องการได้ ตัวอย่างเช่น

(…ให้เขียนโครงสร้างของสไลด์นำเสนอ 5 สไลด์)

การระบุ “โครงสร้าง 5 สไลด์” ทำให้ AI สร้างผลลัพธ์เป็นโครงร่าง ที่มีจำนวนสไลด์ตามที่ต้องการ ไม่ใช่การเขียนเป็นสุนทรพจน์หรือบทแบบความยาวๆ


E – Extras (Tone, Style, Context) (ส่วนเสริม: โทนเสียง สไตล์ บริบท)

เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับโทนเสียง สไตล์ เวลา กลุ่มเป้าหมาย หรือบริบทเพิ่มเติมที่สำคัญ ส่วนนี้เป็นเหมือนการแต่งเติมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่ทรงพลัง ที่จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสมบูรณ์แบบและตรงใจมากยิ่งขึ้น

(…ด้วยโทนเสียงที่โน้มน้าวใจและมั่นใจ โดยมีเป้าหมายที่นักลงทุนในภาคเทคโนโลยี)

การระบุ “โทนเสียงที่โน้มน้าวใจและมั่นใจ” พร้อมทั้งระบุ “นักลงทุนในภาคเทคโนโลยี” เป็นกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้ AI เลือกใช้คำศัพท์และสำนวน ที่เหมาะสมกับการนำเสนอต่อกลุ่มคนเหล่านั้น ทำให้สไลด์นำเสนอน่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด

(ให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านสตาร์ทอัพ ที่ช่วยในการสร้างสไลด์นำเสนอ (Pitch Deck)
เป้าหมายของคุณ คือ การดึงดูดเงินทุนรอบ Seed จาก Angel Investor ให้เขียนโครงสร้างของสไลด์นำเสนอ
5 สไลด์ ด้วยโทนเสียงที่โน้มน้าวใจและมั่นใจ โดยมีเป้าหมายที่นักลงทุนในภาคเทคโนโลยี)

PRIME Structure เหมาะกับใคร

เหมาะกับใครPrime Structure ช่วยอะไรได้
Marketers / Copywritersสร้างข้อความโฆษณา คอนเทนต์ หรือโพสต์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และมี Tone ที่เหมาะสม
Executives / Business Consultantsช่วยตั้งคำถามเชิงกลยุทธ์ วิเคราะห์ข้อมูล หรือเขียนแผนที่ตรงตามเป้าหมายธุรกิจ
UX Designers / Product Managersเขียน User Story คำอธิบายฟีเจอร์ หรือไอเดียใหม่ๆ โดยอิงบริบทของผู้ใช้จริง
Educators / Trainers / Lecturersวางโครงบทเรียน บทความ หรือกิจกรรม ให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละกลุ่ม
Writers / Translators / Content Creatorsสร้างสรรค์งานเขียนที่มีจุดประสงค์ชัดเจน สื่อสารได้ลื่นไหล และมีโครงสร้างดี
Developers / Prompt Engineersเขียน Prompt ที่แม่นยำ มี Role, Intent, Format ชัด ลดเวลาในการลองผิดลองถูก
General Usersตั้งคำถามให้ได้คำตอบที่ละเอียด ชัดเจน และมีคุณภาพมากขึ้นในทุกบริบท

เราจะเห็นว่าการทำความเข้าใจ Prompt เชิงบริบท (Contextual Prompts) ไม่ได้ต้องการความเชี่ยวชาญทางเทคนิคอะไรมากมาย แค่คุณเข้าใจวิธีการสื่อสารเป้าหมายของคุณ และบริบทแวดล้อมให้ลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น และเมื่อมีทักษะนี้อยู่ในมือคุณก็จะสามารถ “ควบคุม AI ได้อย่างแม่นยำ” นั่นเอง


Share to friends


Related Posts

เริ่มเขียน AI Prompts แบบง่ายๆด้วย RCAO Framework

ในปัจจุบันนี้เครื่องมือ AI และ Large Language Models (LLMs) ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตเราแบบขาดไม่ได้ไปซะแล้ว โดยเฉพาะการใช้ ChatGPT, Gemini และ AI อื่นๆในการเป็นผู้ช่วยสำหรับทำงานด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้องกำหนด AI Prompts หรือการใส่คำสั่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ “คุณภาพของการกำหนด Prompts จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของผลลัพธ์” และมันก็มีอยู่หลากหลาย Framework ที่สามารถนำมาช่วยกำหนด AI Prompts ได้


ประเภทและรูปแบบของ AI จาก ChatGPT สู่ Generative Art

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) ได้เปลี่ยนจากแนวคิดเชิงทฤษฎี ไปสู่เครื่องมืออันทรงพลังที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การตลาดและการศึกษา ไปจนถึงการออกแบบ การพัฒนา และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในแบบต่างๆ ปัจจุบัน AI สามารถทำได้มากกว่าแค่ตอบคำถาม แต่ยังสามารถสร้างเนื้อหา ตีความข้อมูล หรือแม้กระทั่งสร้างไฟล์ในรูปแบบต่างๆตามความต้องการของผู้ใช้


Google AI Mode ที่อาจเปลี่ยนกลยุทธ์การทำ SEO ไปตลอดกาล

Google AI Mode คือ การบูรณาการของแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models – LLMs) และปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) เข้ากับการค้นหา (Search) โดยตรง แทนที่จะแสดงเพียงรายการลิงค์ที่จัดอันดับตามความเกี่ยวข้อง ในขณะนี้ Google ได้สร้างบทสรุปตามบริบท (Contextual Summaries) คำตอบโดยตรง (Direct Answers) และข้อมูลเชิงลึกจากหลายแหล่ง (Multi-source Insights) มาแสดงบนหน้าผลการค้นหาได้แล้ว



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์