Picture_of_SEO_Scrabble_on_Table

แม้ว่าทาง Google เองที่ออก Google AI Mode มาเพื่อสู้ศึกด้าน AI กับเข้าอื่นๆในตลาด ที่อาจกลายเป็นจุดจบของการทำ SEO แบบเดิมๆในอนาคตไปเลย แต่จากที่ผมได้เขียนบทความวิเคราะห์สรุปไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน เกี่ยวกับ Google AI Mode Link มันก็ยังมีหลักการหนึ่งที่ยังคงใช้ได้อยู่ และยังเป็นพื้นฐานของการทำ SEO มาโดยตลอด นั่นก็คือ E-E-A-T ซึ่งยังคงสำคัญค่อนข้างมาก แม้ว่า Google จะใช้ AI เข้ามาปรับการแสดงผลของ SEO แล้วก็ตาม

E-E-A-T คือ กรอบที่ช่วยให้เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ มีคุณภาพ (Quality) และความน่าเชื่อถือ (Credible) จากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการติดอันดับที่ดีขึ้น และในบทความนี้ ผมจะอธิบายความหมายของ E-E-A-T พร้อมเหตุผลว่าทำไมมันยังถึงสำคัญต่อการทำ SEO อยู่เหมือนเดิม

รู้จัก Google AI Mode โฉมหน้าใหม่ของการค้นหา

E-E-A-T เป็นกรอบการทำงานที่ Google ใช้เพื่อประเมินคุณภาพของเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยย่อมาจาก

  • E – Experience (ประสบการณ์) หมายถึง การเน้นย้ำถึงคุณค่าของความรู้ที่ได้จากประสบการณ์โดยตรง
  • E – Expertise (ความเชี่ยวชาญ) หมายถึง ระดับความรู้และทักษะที่ผู้สร้างเนื้อหามีในหัวข้อนั้นๆ
  • A – Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ) หมายถึง แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์และผู้สร้างเนื้อหา เป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับการยอมรับและอ้างอิงในหัวข้อนั้นๆ
  • T – Trustworthiness (ความไว้วางใจ) เกี่ยวข้องกับความถูกต้อง ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และเนื้อหานั้นๆ

แม้ว่า E-E-A-T อาจจะไม่ใช่ปัจจัยการจัดอันดับโดยตรง แต่ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการที่อัลกอริทึมของ Google ประเมินคุณภาพของเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ “Your Money or Your Life” (YMYL) เช่น สุขภาพ การเงิน กฎหมาย หรือความปลอดภัย ซึ่ง Google ให้ความสำคัญกับ E-E-A-T เป็นพิเศษ ซึ่งถูกใช้ตั้งแต่สิ้นปี 2022 เป็นต้นมา โดย E-E-A-T นั้นมีความสำคัญต่อการทำ SEO ดังนี้

  • สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้ – ด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพ และสอดคล้องกับหลักการ E-E-A-T ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจในคำแนะนำของคุณ
  • ปรับปรุงอันดับสำหรับหัวข้อ YMYL – สำหรับหัวข้อที่มีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คน การแสดงความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
  • สนับสนุนชื่อเสียงของแบรนด์ – ช่วยให้แบรนด์ของคุณได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ
  • ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ – เนื้อหาที่น่าเชื่อถือช่วยลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) และเพิ่มเวลาที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์ให้นานขึ้น
  • ช่วยในการอัปเดตอัลกอริทึม – เว็บไซต์ที่มี E-E-A-T ที่แข็งแกร่ง มักจะรับมือต่อการอัปเดตของ Google ได้ดีกว่า

วิธีเขียนเนื้อหา SEO ให้มี E-E-A-T ที่แข็งแกร่ง

1. Experience (แสดงความรู้จากประสบการณ์ตรง)

การเล่าเรื่องราวส่วนตัวในอดีต การพูดถึงประสบการณ์ตรงในการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือคำแนะนำทีละขั้นตอน จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกเชื่อมโยงและเห็นภาพได้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น

“ในฐานะที่ผมใช้ [ชื่อผลิตภัณฑ์] มากว่า 6 เดือนในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ผมก็ค้นพบว่าประสิทธิภาพของ
[ชื่อผลิตภัณฑ์] ดีกว่าหลายๆแบรนด์ที่เคยใช้มา ในแง่ของอายุการใช้งานแบตเตอรี่
และการตอบสนองที่รวดเร็ว”

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นประสบการณ์การใช้งานจริง ในสภาพแวดล้อมแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น


2. Expertise (แสดงความรู้ความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ)

การแสดงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้หรือทักษะในระดับสูงในหัวข้อนั้นๆ เช่น การเขียนเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม หรืออ้างอิงคำพูดของพวกเขา การสนับสนุนข้อความจากงานวิจัยหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เนื้อหามีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น การเปิดเผยประวัติของผู้เขียนเนื้อหาพร้อมคุณวุฒิและประสบการณ์ การให้ข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือเพื่อแสดงถึงความเชี่ยวชาญ ตัวอย่างเช่น

“การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ค้นพบกลไกใหม่ที่เซลล์มะเร็งใช้ในการหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกัน โดยพวกเขาพบว่าการยับยั้งโปรตีน [_______] สามารถทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันกลับมาโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้”

การอ้างอิงแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ ถึงวารสาร Nature Medicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในระดับสากล ช่วยให้ผู้อ่านสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้


3. Authoritativeness (สร้างชื่อเสียงของคุณความน่าเชื่อถือ)

การที่ผู้อื่นยอมรับเนื้อหา แบรนด์ หรือเว็บไซต์ของคุณว่าเป็นแหล่งข้อมูลหลัก เช่น การได้รับการกล่าวถึงหรือ Backlinks กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ การใส่คำรับรองจากลูกค้า บุคคลที่สาม หรือผู้เชี่ยวชาญ การปรากฎตัวในสื่อ การเป็นวิทยากร การได้รับรางวัล ต่างๆ หรือความร่วมมือกับพันธมิตรและองค์กรระดับประเทศ นับเป็นการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือของคุณ ตัวอย่างเช่น

“ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเราได้รับการนำเสนอใน Elle, Allure และได้รับรางวัล “Best Night Cream” จาก Women’s Health ในปี 2024″

จากตัวอย่างเป็นการกล่าวถึงในสื่อที่มีชื่อเสียงและการได้รับรางวัล ที่แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณได้รับการยอมรับในระดับสูง


4. Trustworthiness (สร้างความไว้วางใจในความถูกต้องและความโปร่งใส)

Trustworthiness ถือเป็นรากฐานขององค์ประกอบ E-E-A-T ทั้งหมด ที่สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ และความปลอดภัยของเนื้อหา เช่น การใช้ HTTPS การใส่นโยบายความเป็นส่วนตัว มีหน้าติดต่อที่ชัดเจน การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง มีแหล่งที่มาที่ถูกต้อง รวมถึงการเปิดเผยเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน ตัวอย่างเช่น

“ที่ [ชื่อเว็บไซต์/บริษัทของคุณ] ความเป็นส่วนตัวของคุณ คือ สิ่งสำคัญที่สุดของเรา นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับเต็มของเรา ได้อธิบายถึงวิธีการที่เรารวบรวม ใช้ และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างละเอียด คุณสามารถอ่านนโยบายทั้งหมดได้ที่ [ลิงก์ไปยังหน้านโยบายความเป็นส่วนตัว] นอกจากนี้ เว็บไซต์ของเราได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี SSL (Secure Sockets Layer) ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์รูปแม่กุญแจ ในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่คุณส่งมานั้นได้รับการเข้ารหัสและปลอดภัย”

การเริ่มต้นด้วยการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบ การมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เข้าถึงได้ง่าย และอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของผู้ใช้ ก็เป็นสัญญาณสำคัญของความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ การกล่าวถึงเทคโนโลยี SSL จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า การเชื่อมต่อกับเว็บไซต์มีความปลอดภัย และข้อมูลของพวกเขาจะได้รับการปกป้อง

การนำหลักการ E-E-A-T เหล่านี้ไปใช้ในการสร้างเนื้อหา SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ ได้รับการประเมินที่ดีจาก Google และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งานในระยะยาว ซึ่งส่งผลดีต่ออันดับและการเติบโตของเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง


เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้าง E-E-A-T

1. ใช้ Schema Markup

Schema Markup เป็นโค้ดพิเศษที่เพิ่มลงใน HTML ของหน้าเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจบริบท และประเภทของเนื้อหาบนหน้าเว็บของคุณได้ดีขึ้น การใช้ Schema Markup ที่เกี่ยวข้องกับ E-E-A-T จะช่วยให้ Google เข้าใจถึงความน่าเชื่อถือ และความเชี่ยวชาญของคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น

  • Author Schema
    ระบุข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน เช่น ชื่อ ประวัติการทำงาน หรือลิงค์ไปยังโปรไฟล์ผู้เขียน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญได้
  • Review Schema
    แสดงรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้โดยตรงในผลการค้นหา ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจได้
  • Product Schema
    ให้ข้อมูลที่ละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงรีวิวและคะแนน ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับสินค้าที่คุณนำเสนอ
  • FAQ Schema
    แสดงคำถามที่พบบ่อยและคำตอบโดยตรงในผลการค้นหา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้และความเข้าใจในหัวข้อนั้นๆ

2. สร้างโครงสร้างการเชื่อมโยงภายใน

การเชื่อมโยงภายในที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาต่างๆบนเว็บไซต์ของคุณ และยังช่วยกระจาย “Link Equity” หรือ “อำนาจ” จากหน้าที่แข็งแกร่ง ไปยังหน้าที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพื่อช่วยส่งต่อ “คะแนน” ความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญ ไปยังหน้าอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีหน้าหลักที่เป็นที่ยอมรับในหัวข้อหนึ่ง การเชื่อมโยงจากหน้านั้นไปยังบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในหัวข้อเดียวกัน จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบทความเหล่านั้นด้วย การเชื่อมโยงควรมีความเกี่ยวข้องกับบริบทของเนื้อหา เพื่อให้ Google เข้าใจถึงความเชื่อมโยงทางหัวข้อ

3. รักษาความสม่ำเสมอในการเผยแพร่เนื้อหา

การเผยแพร่เนื้อหาใหม่อย่างสม่ำเสมอ จะแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณ ยังคงมีการเคลื่อนไหวและให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา มันบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ผู้ใช้กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำ เพื่อติดตามเนื้อหาใหม่ๆ

4. ทำให้เนื้อหาเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

สำหรับบทความในหลายๆหัวข้อ ข้อมูลและสถิติจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การรักษาเนื้อหาให้มีความถูกต้องและทันสมัย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) การระบุวันที่เผยแพร่และวันที่อัปเดตล่าสุดบนหน้าเว็บไซต์ ก็เป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้เห็นว่า คุณใส่ใจในการรักษาความถูกต้องของข้อมูล การตรวจสอบและปรับปรุงเนื้อหาเก่า ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม E-E-A-T เท่านั้นแต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO โดยรวมอีกด้วย

5. ตรวจสอบและจัดการรีวิวออนไลน์

รีวิวออนไลน์มีผลอย่างมากต่อความไว้วางใจ (Trustworthiness) การตรวจสอบรีวิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวเชิงบวกหรือเชิงลบ และการตอบสนองต่อรีวิวเหล่านั้นอย่างมืออาชีพ จะแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจกับความคิดเห็นของลูกค้า และพร้อมที่จะปรับปรุง การจัดการชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ยังรวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับแบรนด์ของคุณผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงการแก้ไขข้อร้องเรียนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอย่างเหมาะสม

การนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปฏิบัติควบคู่ไปกับการสร้างเนื้อหา ที่มีคุณภาพสูงและตรงตามหลักการ E-E-A-T จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ ความเชี่ยวชาญ และอำนาจให้กับเว็บไซต์ของคุณในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่ออันดับในผลการค้นหา และการเติบโตของธุรกิจของคุณนั่นเอง


E-E-A-T เป็นกรอบการทำงานเชิงกลยุทธ์ด้านเนื้อหา ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ปรับปรุงอันดับ และส่งเสริมความไว้วางใจกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ และในยุคของเนื้อหาที่สร้างโดย AI การใช้ประสบการณ์จริง ความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยืนยัน ความน่าเชื่อถือที่เป็นที่ยอมรับ และความไว้วางใจอย่างแท้จริง ก็จะมีค่ามากกว่าที่เคยนั่นเอง


Share to friends


Related Posts

ปัจจัยที่มีผลต่อการทำ SEO ให้ติดอันดับต้นๆบน Google

SEO หรือ Search Engine Optimization นั้นคือ การทำเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพ เพื่อติดอันดับ (Ranking) บน Search Engine อย่าง Google โดยมันจะมีองค์ประกอบทั้งด้านเนื้อหา การออกแบบ และเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างเว็บไซต์ ซึ่งโดยปกติแล้วในการที่ผู้บริโภค ลูกค้า หรือคนที่สนใจในเรื่องอะไรบางอย่าง ก็จะเข้ามาหาข้อมูลใน Google เพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ตรงกับความสนใจของพวกเขานั่นเอง


10 เทคนิคช่วยปรับแต่ง On-page SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ

เว็บไซต์กับธุรกิจในยุคดิจิทัลกลายเป็นของคู่กันอย่างขาดไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะมีธุรกิจไหนที่ไม่มีเว็บไซต์กันในปัจจุบัน เพราะเว็บไซต์คือช่องทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ค้นหาข้อมูลของธุรกิจ สินค้า บริการ และเรื่องราวของคุณ ด้วยวิธีการค้นหาผ่าน Google และ Search Engine อื่นๆ เว็บไซต์ก็เปรียบเสมือนหน้าบ้านออนไลน์ของธุรกิจคุณนั่นแหละครับ


รวมประเภท SEO Keywords เพื่อการจัดอันดับ Website Ranking ที่ดีขึ้น

คำค้นหาหลักหรือ Keywords คือ รากฐานของการทำ Search Engine Optimization (SEO) ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมในเวลาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม คำค้นหาไม่ได้มีบทบาทเหมือนกันทั้งหมด บางคำดึงดูดกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ ในขณะที่บางคำมุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มเฉพาะหรือกระตุ้นการซื้อทันที การจะประสบความสำเร็จใน SEO คุณจำเป็นต้องเข้าใจประเภทของคำค้นหา ความสำคัญ



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์