ข้อมูลสรุปจากรายงาน Digital 2025 ของ DataReportal ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้ Internet ของคนทั่วโลก โดยรายงานฉบับนี้ได้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งชั้นนำระดับโลก เช่น GWI, Reuters Institute for the Study of Journalism และ We Are Social เพื่อให้เห็นภาพรวมของพฤติกรรมการใช้ Internet ในประเด็นของระยะเวลา เหตุผลที่ใช้ Internet ในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ Internet เรามาดูสรุปข้อมูลกันครับว่าผู้คนบนโลกนี้เค้าใช้ Internet ทำอะไรกันบ้าง
ภาพรวมการใช้งาน Internet ของคนทั่วโลก
ข้อมูลวิเคราะห์จาก KEPOS Analysis, ITU, GSMA Intelligence, Eurostat, Google’s Advertising Resources และองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ ระบุว่า จำนวนผู้ใช้ Internet ทั่วโลก ณ ปัจจุบันมรถึง 5.56 พันล้านคน โดยสัดส่วนของผู้ใช้ Internet ต่อประชากรโลกอยู่ที่ 67.9% (เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีที่แล้ว) และมีจำนวนผู้ใช้ Internet เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 136 ล้านคน (+2.5%) โดยมีสัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้ Internet เป็น 65.7% (เพิ่มขึ้น 3.7%) และสัดส่วนของผู้ชายเป็น 70.0% (เพิ่มขึ้น 2.7%) ส่วนระยะเวลาที่ผู้ใช้ Internet ใช้ต่อวันอยู่ที่เฉลี่ย 6 ชั่วโมง 38 นาที (ลดลง 2 นาที) โดยมีสัดส่วนของผู้ใช้ Internet ผ่านโทรศัพท์มือถือ 96.3% (ลดลง 0.2%) สัดส่วนของผู้ใช้ Internet ผ่านคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อป 61.5% (ลดลง 0.5%) สัดส่วนของประชากรในเมืองที่ใช้ Internet 82.7% (เพิ่มขึ้น 3.6%) และสัดส่วนของประชากรในชนบทที่ใช้ Internet 47.4% (เพิ่มขึ้น 2.8%)
จำนวนผู้ใช้งาน Internet ของคนทั่วโลก
หากวิเคราะห์แนวโน้มการใช้ Internet ตั้งแต่ปี 1990-2025 จะเห็นว่าช่วงปี 2001-2015 เป็นช่วงการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2005 มีผู้ใช้ทะลุ 1 พันล้านคนเป็นครั้งแรก ซึ่งเกิดจากการเติบโตของ Broadbrand Internet การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Google, Facebook, YouTube การขยายตัวของ Internet ในประเทศกำลังพัฒนา และในช่วงปี 2010-2015 เป็นจุดที่ Internet เริ่มเข้าถึงกลุ่มประชากรในทุกระดับ โดยในปี 2015 มีผู้ใช้ Internet ถึง 2.95 พันล้านคน
ในช่วงปี 2016-2020 เป็นช่วงการเติบโตของ Mobile Internet โดยในช่วงนี้เป็นยุคที่สมาร์ทโฟน กลายเป็นอุปกรณ์หลักในการเข้าถึง Internet และมีจำนวนผู้ใช้ Internet เพิ่มขึ้นจาก 3.21 พันล้านคนในปี 2016 เป็น 4.15 พันล้านคนในปี 2019 ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของ 4G และ Wi-Fi ในที่สาธารณะ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กระตุ้นให้เกิดการใช้งาน Internete มากขึ้น รวมไปถึงบริการ Video Streaming อย่าง Netflix และ YouTube ที่ทำให้ความต้องการ Internet ขึ้น
จำนวนผู้ใช้งานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังปี 2020 และในปี 2025 มีจำนวนผู้ใช้ Internet ถึง 5.56 พันล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 70% ของประชากรโลก โดยในช่วงปี 2020 จำนวนผู้ใช้ Internet เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 4.52 พันล้านคน อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้มีการทำงานจากที่บ้านและเรียนออนไลน์มากขึ้น ผสมผสานกับการเติบโตของ E-Commerce และบริการด้านดิจิทัลอื่นๆ
การเข้าถึง Internet ตามภูมิภาค
สำหรับการเข้าถึง Internet ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่มีความแตกต่างระหว่างภูมิภาค และสำหรับภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าถึงต่ำ ก็ยังคงต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้าน Internet และนโยบายสนับสนุนเพิ่มเติม สำหรับแนวโน้มในอนาคตคาดว่าภูมิภาคที่มีอัตราการใช้ Internet ต่ำ เช่น แอฟริกาและเอเชียใต้ จะมีการพัฒนามากขึ้นจากการขยายตัวของ 5G และเทคโนโลยีเครือข่ายอื่นๆ จากข้อมูลสรุปให้เห็นว่า ยุโรปมีอัตราการเข้าถึง Internet ที่สุด โดยเฉพาะยุโรปเหนือ (97.7%) อเมริกาเหนือและใต้มีอัตราการเข้าถึงสูงกว่า 80% สำหรับเอเชียมีการเข้าถึงที่แตกต่างกันมาก โดยเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราค่อนข้างสูง (~78%) แต่เอเชียใต้นั้นค่อนข้างต่ำกว่า (53.8%) ส่วนแอฟริกามีอัตราการเข้าถึงต่ำที่สุด โดยเฉพาะแอฟริกาตะวันออก (28.5%) และแอฟริกากลาง (33.6%)
แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งาน Internet ในระดับ 5.56 พันล้านคน แต่ก็ยังมีบางกลุ่มในแต่ละภูมิภาคที่ไม่ได้ใช้งาน Internet เกือบประมาณ 2.6 พันล้านคน โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่ได้ใช้ Internet มากที่สุดอยู่ที่เอเชียใต้ (958.8 ล้านคน) และน้อยที่สุดของผู้ที่ไม่ได้ใช้ Internet อยู่ที่ยุโรปตอนเหนือเพียง 2.5 ล้านคน
เมื่อเจาะลึกลงไปในระดับประเทศจะเห็นว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้หรือเชื่อมต่อ Internet มากที่สุด คือ ประเทศอินเดีย ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 651 ล้านคน หรือมีถึง 44.7% ของทั้งประเทศ อันดับที่ 2 คือ ประเทศจีน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 311 ล้านคน (22%)
เหตุผลหลักในการใช้ Internet
เหตุผลหลักและยังเป็นเหตุผลอันดับที่ 1 มาตลอดในช่วงหลายปี คือ การใช้ Internet เพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสาร (62.8%) เหตุผลรองลงมา คือ การพูดคุยติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว (60.2%) อันดับที่ 3 เป็นการใช้งานเพื่ออัปเดทข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ (55%) อันดับที่ 4 ใช้ Internet เพื่อดูวีดิโอ รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ (54.7%) โดยมีเพียง 30.1% ที่ใช้ Internet ในการหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำอยู่
เมื่อแยกออกมาเป็นช่วงอายุจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มวัยเกษียณอายุ 65 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนการใช้ Internet เพื่อค้นหาข้อมูลมากที่สุดถึง 81.7% ส่วนกลุ่มผู้ใช้งาน Internet ในช่วงอายุ 35-64 ปี มีสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกันที่ใช้ Internet ในการค้นหาข้อมูล ในขณะที่เหตุผลของกลุ่มผู้ใช้งาน Internet ในช่วงอายุ 16-34 ปี ใช้งาน Internet เพื่อติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวเป็นเหตุผลหลัก โดยเอาไว้ใช้ค้นหาข้อมูลเป็นเหตุผลรองลงมา และที่น่าแปลกใจก็คือกลุ่มผู้ใช้งานช่วงอายุ 16-34 ปี ไม่มีใครสนใจในการใช้ Internet เพื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว ขณะที่ช่วงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปต่างก็ใช้ Internet เพื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
ระยะเวลาในการใช้ Internet ต่อวัน
จากข้อมูลโดย GWI พบว่าค่าเฉลี่ยในการใช้ Internet ต่อวันของผู้คนทั้งโลกนั้นอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 38 นาที ในขณะที่ประเทศอัฟริกาใต้ถือเป็นประเทศที่ใช้ Internet เฉลี่ยต่อวันมากที่สุด (9 ชั่วโมง 37 นาที) ตามมาด้วยบราซิลที่ 9 ชั่วโมง 9 นาที และอันดับที่ 3 ประเทศฟิลิปปินส์ (8 ชั่วโมง 52 นาที) ส่วนประเทศไทยใช้ Internet เฉลี่ยต่อวันที่ 7 ชั่วโมง 54 นาที ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นถือว่าใช้เวลาต่อวันน้อยที่สุดที่ 4 ชั่วโมง 9 นาที
กลุ่มผู้ใช้งาน Internet ต่อวันมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุ 16-24 ปี โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิงมากกว่า แล้วค่อยๆลดปริมาณการใช้ลงตามช่วงอายุที่มากขึ้น กลุ่มวัยเกษียณอายุ 65 ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นกลุ่มที่ใช้งาน Internet ในแต่ละวันน้อยที่สุด
อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ Internet
ข้อมูลจาก GWI เผยว่าอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ Internet มากที่สุด คือ โทรศัพท์มือถือ (รวมทุกประเภท) โดยสูงถึง 96.3% หรือเรียกได้ว่าแทบทุกคนใช้มือถือในการเชื่อมต่อเป็นปกติในทุกๆวัน ตามมาด้วยสมาร์ทโฟนในสัดส่วน 94.2% ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปมีสัดส่วนมากกว่า 50% และมีบางส่วนใช้ SmartTV ในการเชื่อมต่อ Internet รวมถึงเชื่อมต่อผ่าน Game Console
สัดส่วนผู้ใช้มือถือในการเชื่อมต่อ Internet
ผู้ใช้ Internet ในทุกประเทศต่างเชื่อมต่อ Internet ผ่านมือถือ (ทุกประเภท) โดยมีสัดส่วนเกิน 90% และประเทศที่มีสัดส่วนมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย (98.7%) ฟิลิปปินส์ (98.5%) แอฟริกาใต้ (98.5%) ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ที่เชื่อมต่อ Internet ด้วยมือถือถึง 98% แสดงให้เห็นว่านักการตลาดควรให้ความสำคัญ ในการออกแบบแคมเปญการตลาดรวมถึงการสื่อสาร ที่ต้องออกมามาให้เข้ากันได้กับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ
ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อ Internet ผ่านมือถือส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนอายุ 16-64 ปี ที่มีสัดส่วนเกินกว่า 95% ทั้งหญิงและชาย โดยแต่ละช่วงอายุนั้นมีสัดส่วนแทบไม่ต่างกัน กลุ่มวัยเกษียณที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่ใช้ Internet ผ่านมือถือน้อยกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่น แต่ก็ถือว่ามีสัดส่วนเกิน 80% ทั้งหญิงและชาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคน Gen X และวัยเกษียณมีความคุ้นชินกับการใช้มือถือมากขึ้นกว่าในอดีต
ระยะเวลาที่ใช้ Internet ผ่านมือถือ
ระยะเวลาการใช้ Internet บนมือถือในแต่ละวันของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่าง ที่อาจจะดูขัดแย้งกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ที่มักจะพกมือถือไปไหนมาไหนจนเป็นเหมือนส่วนประกอบหนึ่งของร่างกายไปแล้ว โดยบางประเทศใช้เวลาส่วนใหญ่บนมือถือ อย่างเช่น ประเทศกาน่า (5 ชั่วโมง 43 นาที) ฟิลิปปินส์ (5 ชั่วโมง 21 นาที) บราซิล (5 ชั่วโมง 12 นาที) แอฟริกาใต้ (5 ชั่วโมง 11 นาที) ไทย (5 ชั่วโมง) ขณะที่บางประเทศใช้เวลาเชื่อมต่อ Internet ผ่านมือถือค่อนข้างน้อยโดยใช้เวลาต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น ประเทศออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ เช็กเกีย (สาธารณรัฐเช็ก) ฮ่องกง อิตาลี สเปน แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ กรีซ เกาหลีใต้ เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศษ เบลเยี่ยม เดนมาร์ค และญี่ปุ่น เพราะส่วนใหญ่ใช้ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งแบบตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป และแท็ปเล็ตมากกว่า ซึ่งเราจะมาดูข้อมูลกันต่อในกราฟถัดไป
สัดส่วนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในการเชื่อมต่อ Internet
ในฝั่งของการเชื่อมต่อ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ (ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแล็ปท็อป) จากรายงานของ GWI ระบุว่า สัดส่วนการใช้ Internet ผ่านคอมพิวเตอร์อาจไม่สูงเท่ากับมือถือ (ที่มีค่าเฉลี่ยเกิน 90%) โดยประเทศที่เชื่อมต่อ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์มากที่สุดถึง 84% คือ ประเทศเช็กเกีย (สาธารณรัฐเช็ก) ตามด้วยโปรตุเกส (81.5%) และรัสเซีย (81%) แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีผู้เชื่อมต่อ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์เพียง 40.5% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าหลายๆประเทศ โดยประเทศโมร็อคโค ไนจีเรีย และกาน่า เป็น 3 ประเทศที่เชื่อมต่อ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ต่ำกว่า 30%
หากมองดูที่ช่วงอายุจะพบว่าการเชื่อมต่อ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ (ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแล็ปท็อป) โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยเกษียณช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีสัดส่วนเป็นเพศชายถึง 85.5% และเพศหญิง 76.2% ทั้งนี้เข้าใจได้ว่าปัญหาทางสายตาอาจส่งผลกระทบในการใช้งาน Internet ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยจากข้อมูลการเชื่อมต่อ Internet ทั้งผ่านโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละวันจะมีการใช้อุปกรณ์ทั้ง 2 อย่างในการเชื่อมต่อ Internet อยู่เสมอ โดยปัจจัยของการใช้อุปกรณ์ใดมากกว่ากันก็มาจากพฤติกรรมการใช้งาน ความสะดวก ลักษะหน้าที่การงาน ประเภทงานที่ทำ ช่วงเวลาทำงาน โดยโทรศัพท์มือถือนั้นเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และทำได้ทุกที่ เช่น แชท เช็คอีเมล เล่นโซเชียลมีเดีย การค้นหาข้อมูลสั้นๆ ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็เหมาะกับงานที่ต้องใช้เวลานาน และต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ เช่น งานเอกสาร งานออกแบบ การประชุมออนไลน์ การตัดต่อวิดีโอ หรือ Coding ที่ต้องมีการเชื่อมต่อ Internet ตลอดเวลา
ระยะเวลาที่ใช้ Internet ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
หากเรานำไปเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่เชื่อมต่อ Internet ผ่านมือถือ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพฤติกรรมและอุปกรณ์ในการใช้ Internet ในแต่ละวันของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยบางประเทศเชื่อมต่อ Internet ผ่านทั้ง 2 อุปกรณ์ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนบางประเทศจะใช้เวลาบนอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งมากกว่า แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากจนเกินไป โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาด สามารถออกแบบการสื่อสารได้ถูกช่องทางที่เหมาะสม
ประเภทของ Website และ Application ที่ผู้ใช้ Internet เข้าเยี่ยมชมและใช้งาน
ข้อมูลจาก GWI ระบุว่าผู้ที่ใช้ Internet ส่วนใหญ่เกิน 94% เข้าเยี่ยมชม Website และใช้งาน Application เกี่ยวกับการสื่อสารและส่งข้อความ (Chat & Messaging) รวมถึง Social Networks ส่วนบรรดา Search Engine ตามมาเป็นอันดับที่ 3 ที่ 82.3% สำหรับอีเมล์ (Email) และเว็บไซต์รวมถึงแอปฯที่เกี่ยวกับการช้อปปิ้ง การประมูล ประกาศซื้อขาย อยู่ในอับดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับที่ 75% และ 74.9%
เมื่อแยกให้เห็นตามช่วงอายุจะพบว่ากลุ่มคนวัยเกษียณอายุ 65 ปีขึ้นไป ชอบใช้ Search Engine มากที่สุดถึง 85.7% รวมถึงเข้าไปตรวจสอบ Email เป็นหลัก กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานช่วยแรกในช่วงอายุ 16-34 ปี มักจะใช้งาน Social Networks มากที่สุดเกิน 95% ส่วนกลุ่มคนอายุ 35-64 ปี มักจะใช้ Chat & Messaging มากที่สุดเป็นอันดับแรก เป็นที่น่าสังเกตว่า Email นั้นยังคงได้รับความนิยมมากกว่า 70% ในทุกช่วงอายุ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่องทางการสื่อสารแบบดั้งเดิมที่สุด ยังคงมีความสำคัญกับทุกวัย
Website ที่ผู้ใช้ Internet เข้าเยี่ยมชมมากที่สุด
ข้อมูลจาก SimilarWeb เผยให้เห็นว่า Google.com ยังคงเป็นเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด โดยในแต่ละเดือนมีผู้เยี่ยมชมทั้งหมดกว่า 83 พันล้านครั้ง ห่างจากอันดับที่ 2 อย่าง YouTube.com ที่มีผู้เยี่ยมชมทั้งหมดต่อเดือนอยู่ที่ 28.5 พันล้านครั้ง ตามมาด้วย Facebook.com (12.3 พันล้านครั้งต่อเดือน) Instagram.com (5.88 พันล้านครั้งต่อเดือน) และ WhatsApp.com (4.55 พันล้านครั้งต่อเดือน) ที่น่าสนใจก็คือ YouTube ยังเป็นเว็บไซต์ที่ผู้เข้าชมใช้เวลาต่อครั้งในการเยี่ยมชมนานที่สุดที่ 20 นาที 7 วินาที
ข้อมูลจาก SimilarWeb ยังเผยให้เห็นอีกว่า Google.com เป็นเว็บไซต์ที่สร้างทราฟฟิกไปสู่เว็บไซต์ระดับ Top 10,000 เว็บไซต์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 (18.73%) อันดับที่ 2 คือ YouTube.com (6.44%) อันดับที่ 3 คือ Facebook.com (2.76%) ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Search Engine ยังคงเป็นช่องทางหลักในการเชื่อมต่อไปยังเว็บอื่นๆ ด้วยพฤติกรรมที่ผู้คนชอบค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆมาเป็นอันดับต้นๆ
ข้อมูลจาก StatCounter เผยให้เห็นถึง Browser ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในการสร้างทราฟฟิกมากที่สุด ซึ่งก็หนีไม่พ้น Chrome ที่มาเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่าง Safari ไปกว่า 50% ด้วยความที่พัฒนาโดย Google ที่มีอัลกอริธึมที่ทรงพลังและแม่นยำ มีระบบ PageRank และ AI อย่าง RankBrain ที่ช่วยให้การค้นหามีความแม่นยำ และเข้าใจเจตนาของผู้ใช้งานได้ดีขึ้น
จากข้อมูลยังพบว่า Google Chrome ยังคงเป็น Browser ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก โดยมีส่วนแบ่งการใช้งานที่สูงในหลายประเทศ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ (93.99%) อินเดีย (90.23%) อินโดนีเซีย (87.80%) และเม็กซิโก (85.51%) ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้งาน Chrome อย่างล้นหลาม ส่วนแบ่งการใช้งานทั่วโลก (Worldwide) อยู่ที่ 68.34% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของ Chrome ในฐานะ Browser หลักของผู้ใช้งาน Internet แต่อย่างไรก็ตาม บางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ (58.92%) แคนาดา (51.92%) และสวิตเซอร์แลนด์ (45.58%) มีสัดส่วนการใช้งานที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 68.34% ข้อมูลนี้ได้ยืนยันว่า Google Chrome ยังคงเป็น Browser อันดับ 1 ที่ครองตลาดโลก แต่ระดับการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค
Source:
https://datareportal.com/reports/digital-2025-sub-section-device-trends
