ทำพรีเซ็นต์ให้ชนะใจการทำ Online Business Matching

การทำ Business Matching ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มโอกาสการนำแบรนด์ออกสู่ตลาดระดับโลกได้ และโดยส่วนใหญ่เราจะเห็นรูปแบบการทำ Business Matching ผ่านการจัดงานนิทรรศการต่างๆ (Exhibition) ที่รวมบรรดาผู้ประกอบการและนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาพบผู้ประกอบการไทย แต่ด้วยสถานการณ์ Covid-19 ที่ทำให้บรรทัดฐานใหม่ไปสู่การทำ Online Business Matching ซึ่งมีความแตกต่างกับการพบปะกันในแบบเดิมๆค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ผมได้มีโอกาสไปเป็นกรรมการตัดสินเกี่ยวกับ Online Business Matching Presentation หรือการตัดสินการนำเสนอเพื่อชนะใจการทำ Online Business Matching ในหลักสูตร SMART CONTENT ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหารส่งออก เลยได้นำสรุปไอเดียและแนวทางจากการที่ผู้ประกอบการทำผลงานมานำเสนอ มาสรุปเป็นการทำ Presentation และ Video Presentation ที่โดนใจสำหรับการทำ Online Business Matching มาฝากเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจกันครับ


ความแตกต่างของ Online Business Matching

Business Matching คือ การจับคู่ธุรกิจที่จะส่งผลต่อการเติบโตการสร้างรายได้และโอกาสในการสร้างแบรนด์ในระดับโลก และผมเชื่อว่าผู้ประกอบการ SME รวมถึงธุรกิจใหญ่ๆหลายๆธุรกิจน่าจะเคยเข้าร่วมกิจกรรม Business Matching ที่จัดโดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในงานจะมีทั้งการจัดเวทีเสวนา ออกบูธผู้ประกอบการ ที่มีทั้งการเปิดให้คนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงาน มีการนำเสนอสินค้าหรือบริการภายในบูธ และการทำ Business Matching นั้นก็อาจจะทำเป็นโซนเพื่อให้พูดคุยกันหรือเปิดให้พูดคุยภายในบูธเลยก็ได้ ซึ่งการจัดงานในหนึ่งครั้งก็ใช้เวลาขั้นต่ำๆ 3-5 วัน

ข้อดีของรูปแบบ Offline Business Matching นั้นคือโอกาสที่ผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆจะได้เห็นตัวอย่างสินค้าหรือเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิตแบบเต็มๆ และได้พูดคุยกันกับผู้ประกอบการโดยตรง มีการทดลองใช้สินค้าหรือบริการในช่วงที่จัดกิจกรรม Business Matching ซึ่งมันสร้างโอกาสในการปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งเลยก็ว่าได้

ความแตกต่างของ Online Business Matching

แต่หาก Business Matching นั้นมาอยู่ในรูปแบบ Online มันจะมีความแปลกใหม่ที่มาพร้อมกับการต้องปรับตัวในหลายๆอย่างของผู้ประกอบการ โดยคุณจะไม่มีโอกาสจัดกิจกรรมออกบูธใดๆได้สิ่งที่สามารถทำได้นั้นก็คือการนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทางผู้จัดงานได้เตรียมไว้ จุดนี้เองที่สร้างความแตกต่างทั้งด้านบรรยากาศ วิธีการนำเสนอ การเตรียมสื่อในการนำเสนอ วิธีเจรจาสื่อสาร ซึ่งดูแล้วต้องมีการเตรียมตัวหลายอย่างและสร้างให้เกิดความเคยชินกับ Online Business Matching ที่อาจเป็นมาตรฐานการจัดงานในรูปแบบใหม่ในอนาคตก็ได้ แล้วการทำ Online Business Matching นั้นผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมในด้านไหนบ้าง เรามาดูกันครับ

  • การทำ Presentation ในรูปแบบ PowerPoint
  • Video Presentation
  • การเตรียมคำพูดในการนำเสนอ
  • การจัดสถานที่สำหรับการนำเสนอ
  • การเตรียมสินค้าเพื่อนำเสนอ
  • ความพร้อมของผู้นำเสนอ
  • สัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • อื่นๆ

จริงๆแล้วการทำ Online Business Matching อาจดูจะไม่ได้สร้างให้เกิดโอกาสการปิดการขายได้มากเท่ากับแบบ Offline ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องสร้างความประทับใจให้อยู่หมัดมากกว่าเดิม และต้องให้ความสำคัญการนำเสนอ (Presentation) ในรูปแบบออนไลน์เกิน 100% เพราะคุณอาจมีโอกาสแค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นที่จะทำให้แบรนด์ของคุณน่าสนใจและกลายเป็นที่จดจำ จนเป็นหนทางสู่การต่อยอดธุรกิจในระดับสากล (International) โดยมันมีเทคนิคที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างครับ


เทคนิคการทำ Presentation ให้โดนใจ

การทำ Presentation นั้นผมพูดถึง 2 รูปแบบนั่นก็คือ PowerPoint และ Video Presentation รวมไปถึงอีกส่วนนั่นก็คือการเตรียมคำพูดและหมั่นซ้อมสำหรับการนำเสนอของตัวผู้ประกอบการเองครับ

1. ตั้งวัตถุประสงค์และแตกประเด็นการนำเสนอให้ชัดเจน

เรากำลังพูดถึงเป้าหมายของการทำ Online Business Matching ซึ่งผู้ประกอบการนั้นต้องรู้ดีที่สุดว่าอยากให้ผลลัพธ์ของการนำเสนอครั้งนี้เป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าทุกๆคนอยากให้เกิดการต่อยอดธุรกิจกันอยู่แล้ว ดังนั้นคุณต้องรู้ว่ากลุ่มคนที่จะเข้ามาฟังคุณนำเสนอนั้นอยากฟังข้อมูลในลักษณะใดเพื่อนำมาเตรียมทำทั้ง PowerPoint และ Video Presentation โดยวัตถุประสงค์ในการนำเสนอนั้นก็ควรจะชัดเจนไม่แตกยอดออกเป็นหลายประเด็นจนทำให้ผู้ฟังนั้นสับสนและจำยาก ประเด็นหลักๆที่ควรมีใน Presentation นั้นประกอบไปด้วย

  • ประวัติความเป็นมาของธุรกิจ
  • กระบวนการผลิต
  • รางวัลที่ได้รับ
  • ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ
  • ความโดดเด่นและความแตกต่างที่มี
  • เหตุผลที่ต้องเลือกแบรนด์ของคุณ
  • ช่องทางการติดต่อ
ตั้งวัตถุประสงค์และแตกประเด็นการนำเสนอให้ชัดเจน

2. นำเสนอแบบ Storytelling

หากเป็น Video Presentation ถ้าทำเป็นลักษณะ Storytelling ได้นั้นจะสร้างความรู้สึกร่วมได้ดีกว่า Video Presentation แบบปกติ ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องวางการดำเนินเรื่องให้ดูน่าสนใจและแต่ละจุดสามารถเชื่อมต่อได้อย่างลื่นไหล แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้มันยาวจนเกินไปอาจใช้ความยาวในช่วง 2-3 นาทีก็น่าจะเพียงพอ และยังสามารถนำมาปรับใช้ผ่านการทำ PowerPoint ได้อีกเช่นกันโดยอาจนำเสนอเป็น Timeline หรือการนำเอา Infographic เข้ามาปรับใช้สร้างความน่าสนใจได้ ลองดูวิธีการสร้าง Storytelling ให้กับแบรนด์ ได้ที่นี่ครับ

3. สร้างอัตลักษณ์ให้โดดเด่น

อัตลักษณ์ของแบรนด์หรือ Brand Identity นั้นค่อนข้างจำเป็นโดยเฉพาะการนำเสนอแบบ Online Business Matching เรียกได้ว่ามันมีความสำคัญเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับการจัดบูธ Business Matching แบบ Offline เพราะคุณจะอยู่แค่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงเท่านั้นซึ่งคุณก็ต้องพยายามทำให้คนที่เข้ามาฟังคุณนำเสนอนั้นจดจำความโดดเด่นที่นอกเหนือจากข้อมูลที่คุณนำเสนอ ด้วยการจดจำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านทั้ง PowerPoint, Video Presentation และตัวผู้นำเสนอเอง และสิ่งที่เรากำลังพูดถึงนั่นก็คือ

  • การมี Template ของแบรนด์ใน PowerPoint
  • การใส่โลโก้และชื่อของแบรนด์ให้เหมาะสม
  • การใช้สีสันใน PowerPoint
  • การทำ Video ที่สะท้อนถึงตัวแบรนด์
  • การนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มาวางตรงหน้าจอเวลานำเสนอ
  • Backdrop ด้านหลังควรมีสัญลักษณ์ที่แสดงถึงแบรนด์
  • การแต่งกายที่สะท้อนถึงแบรนด์
สร้างอัตลักษณ์ให้โดดเด่น

เนื่องจากเรามีเวลาไม่มากและอาจมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ดังนั้นการสร้างการจดจำให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนั้นถือว่าสำคัญมากที่สุดครับ เพราะเมื่อหมดวันในการนำเสนอไปแล้วคุณไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ฟังหรือลูกค้าจะไปเจอกับคู่แข่งของคุณอีกกี่เจ้า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าความโดดเด่นของอัตลักษณ์ในตัวแบรนด์จะทำให้ลูกค้านึกถึงเราได้ง่ายขึ้นจาก Online Business Matching นั่นเอง

4. Presentation ไม่ใช่การ Review สินค้า

การนำเสนอในการทำ Online Business Matching นั้นไม่ใช่การ Review ว่าสินค้าใช้ได้ดีอย่างไรหรือมีคนดังมานำเสนอสินค้าเพื่อให้คนมาสนใจซื้อ ซึ่ง Online Business Matching มันคือการสร้างความเชื่อมั่นความน่าเชื่อถือ โดยแนวทางของการนำเสนอนั้นต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ได้อย่างชัดเจน เพราะคนที่มาฟังเรานั้นก็ต้องมีความคาดหวังที่จะได้รู้ว่าสินค้านั้นดีอย่างไร โดดเด่นอย่างไร กระบวนการผลิตเป็นอย่างไร มาตรฐานการผลิตเป็นอย่างไร จะสร้างคุณค่าและประโยชน์กับลูกค้าได้อย่างไร

5. ไม่ใส่ทุกอย่างไว้ใน Presentation

หลายครั้งผู้ประกอบการพยายามใช้โอกาสของการทำ Online Business Matching ในการนำเสนอแบบ All-in-One ซึ่งมันทำให้เกิดทั้งความสับสนในสิ่งที่คุณกำลังจะนำเสนอ และมันจะทำให้คนที่ฟังนั้นจับใจความอะไรไม่ได้เลย Presentation ที่น่าดูนั้นจะมี Key Message หรือข้อความหลักๆเพียงหนึ่งถึงสองอย่างเท่านั้นและต้องจัดระเบียบแต่ละหน้าของ PowerPoint ให้ลงตัว ซึ่ง PowerPoint จะยาวหรือสั้นไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นอยู่ที่มีเนื้อหาที่ครบถ้วนแบบพอดีสำหรับการนำเสนอหรือไม่

  • หากคุณมีผลิตภัณฑ์อยู่ 150 รายการ คุณไม่ต้องใส่ทุกอย่างมาหมดให้แบ่งเป็นประเภทก็เพียงพอ
  • ดึงผลิตภัณฑ์เด่นๆหรือสินค้าที่เป็นเรือธงที่อยากนำเสนอมาสัก 3-4 ตัว และทำให้มันน่าสนใจมากที่สุด
  • หากเป็นประวัติก็ไม่ต้องใส่มาทุกช่วงปีให้เลือกปีที่เป็น Highlight สำคัญๆมานำเสนอ และนำเสนอเป็น Story line แบบเข้าใจง่าย
  • แต่หากต้องการโชว์ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างให้ทำเป็นโครงสร้างในลักษณะ House of Brands หรือ Branded House จะได้เห็นภาพรวมชัดมากขึ้น

6. ชูจุดเด่นให้มากที่สุด

บางครั้งเราอยากใส่ข้อมูลทุกอย่างเข้าไปใน Presentation แต่มันจะทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ จนมันกลายเป็น Presentation แบบธรรมดาๆและดูน่าเบื่อไป ดังนั้นจึงควรแบ่งสัดส่วนการให้ความสำคัญกับจุดเด่นๆที่คุณอยากนำเสนอ ซึ่งควรให้น้ำหนักกับอะไรที่เป็น Highlight ของคุณให้มากขึ้น เช่น

  • จุดเด่นคุณคือความสามารถในการ Customize คุณก็อธิบายว่าสามารถ Customize อะไรได้บ้าง
  • จุดเด่นคุณคือรสชาติคุณก็เน้นความเป็นส่วนประกอบที่เติมเต็มอาหารมื้อต่างๆ สามารถปรุงได้กับเมนูไหนบ้าง
  • จุดเด่นคือกระบวนการผลิตที่ทันสมัยก็ต้องนำเสนอภาพหรือวิธีการที่สดใหม่สะอาดได้มาตรฐาน
  • จุดเด่นคือการนำเอานวัตกรรมมาใช้ในการผลิต ก็ต้องนำเสนอส่วนที่เป็นนวัตกรรมให้มากขึ้น
  • จุดเด่นคือรสชาติของสินค้าคุณก็ต้องนำเสนอภาพสินค้าเน้นสีสันความสวยงามทั้งใน PowerPoint และ Video Presentation ให้มากขึ้น

7. รูปสินค้าต้องโดดเด่น

โอกาสในการทำ Online Business Matching นั้นมีไม่ค่อยมากดังนั้นสินค้าที่คุณกำลังจะขายต้องทำให้มันกลายเป็นพระเอกให้มากที่สุด หลายๆครั้งเราจะเห็นการนำเสนอที่ทำให้จุดเด่นนั้นกลายเป็นจุดด้อย จากการให้ความสำคัญกับตัวหนังสือมากกว่าการนำรูปภาพมานำเสนอ และยิ่งหากคุณกำลังขายผลิตภัณฑ์ขายหน้าตา Packaging คุณต้องมีภาพที่สวยงามชัดเจนในทั้ง PowerPoint และ Video Presentation เพราะลูกค้าไม่มีโอกาสได้ลองชิมสินค้าคุณได้ในตอนนั้น ดังนั้นพยายามทำให้พวกเค้ารู้สึกว่าของที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์นั้นมันเป็นสิ่งที่น่าลิ้มลองให้ได้มากที่สุด

รูปสินค้าต้องโดดเด่นสำหรับการนำเสนอผ่าน Online Business Matching

8. ตัวหนังสือไม่ต้องมากมายมหาศาล

การทำ PowerPoint นับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งครับซึ่งหากเป็นการนำเสนอโดยใช้ PowerPoint เป็นสื่อกลางก็จะขอเน้นว่าอย่าให้มีตัวหนังสือเยอะจนเกินไป เพราะคนฟังจะไม่สนใจสิ่งที่คุณกำลังพูดและอีกอย่างก็คือหากเป็น Online Business Matching ถ้าเกิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ดีก็อาจทำให้ตัวหนังสือนั้นเลือนลางอ่านยากเข้าไปอีก การมีตัวหนังสือเยอะมากๆก็จะต้องใช้ตัวหนังสือที่เล็กลงยิ่งทำให้อ่านยากเข้าไปใหญ่ ซึ่งหากปรับรูปแบบเป็นการเล่าด้วยภาพหรือ Infographic มาช่วย มันจะทำให้ PowerPoint และการนำเสนอนั้นน่าสนใจขึ้นมาก หากจะใช้ตัวหนังสือเยอะๆอาจต้องทำเป็นเวอร์ชั่นสำหรับส่งอีเมล์แนบไปต่างหากจะดีกว่า

9. เตรียม Product Catalogue Online เอาไว้ด้วย

สำหรับผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์มากหมายมหาศาลก็ควรทำแคตาล็อกสินค้าเอาไว้ด้วย เพราะในการนำเสนอจริงๆคุณคงไม่สามารถเอาทุกผลิตภัณฑ์มานำเสนอในระยะเวลาจำกัดได้ ดังนั้นคุณต้องเปิดช่องทางให้กับลูกค้าและผู้ฟังที่สนใจเข้าไปมองหาคุณเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็รวมถึงการบริหารจัดการคอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่สร้างประสบการณ์ดีๆของผู้ใช้งานอีกด้วย

10. อย่าลืม QR Code และช่องทางการติดต่อ

ด้วยความที่เป็นการนำเสนอในรูปแบบออนไลน์ซึ่งคุณอาจมีโอกาสเจอลูกค้าเพียงแค่ไม่กี่นาที และลูกค้ามักจะถ่ายรูปรายละเอียดหรือช่องทางการติดต่อคุณจากหน้าจอ ซึ่งการมี QR Code จะทำให้การติดต่อกับคุณนั้นมีความง่ายมากยิ่งขึ้น มีช่องทางอื่นๆให้ติดต่อก็ควรใส่ไว้ในหน้าสุดท้ายของการนำเสนอด้วยเช่นกัน โดย QR Code สามารถลิ้งค์ไปยังเว็บไซต์ ช่องทางโซเชียลมีเดีย หรืออาจจะเป็น Line ก็อยู่ที่ความเหมาะสมครับ

11. มีจังหวะในการพูด

หลายๆคนนั้นนำเสนอเก่งเป็นชีวิตจิตใจและมีพลังในการนำเสนอมาก แต่หลายๆครั้งอาจพูดเร็วจนเกินไปไม่มองผู้ฟังจนอาจทำให้ผู้ฟังนั้นตามไม่ทัน ซึ่งการนำเสนอที่ดีนั้นควรใช้ความเร็วแบบกลางๆและแบ่งจังหวะมีการตั้งคำถามกับผู้ฟังบ้าง ใช้น้ำเสียงและโทนเสียงที่ดูน่าฟังก็จะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมและเช็คความตั้งใจของผู้ฟังได้อีกด้วย

มีจังหวะในการพูด

12. ไม่ควรท่องบทมานำเสนอ

หลายครั้งเรามักจะเห็นผู้นำเสนอท่องและอ่านทุกตัวหนังสือใน PowerPoint ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆกับการที่คุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ทำ Online Business Matching เพราะคุณจะเอาแต่มอง Presentation และ Script ที่อยู่ในมือจนบางทีคุณลือมองปฏิกิริยาผู้ฟังหรือไม่ได้มองผู้ฟังเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ถือว่าผิดพลาดมากๆครับ ดังนั้นคุฯควรจะใช้เวลาฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆสรุปเป็นประเด็นสำคัญๆเพื่อนำเสนอใน PowerPoint เพื่อให้การนำเสนอนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

13. ลองตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอ

ในการนำเสนอไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตามเรามักจะนำเสนอสิ่งที่จะทำให้ผู้ฟังสนใจและปิดการขายกับเราให้ได้อย่างรวดเร็ว เราพยายามเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอจนอาจจะลืมไปว่ามันยังมีโอกาสที่จะเกิดคำถามจากผู้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งหลายๆครั้งผู้ประกอบการไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้และตอบคำถามไม่ได้จนบางทีก็อาจทำให้การนำเสนอนั้นมันจบลงอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด และยิ่งเป็น Online Business Matching ด้วยแล้วมันยิ่งต้องพยายามจบทุกอย่างให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด ดังนั้นคุณควรลองสวมบทบาทเป็นผู้ฟังดูและพยายามตั้งคำถามให้ได้มากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้หาคำตอบมาเตรียมตัวไว้ให้การนำเสนอนั้นราบรื่นมากที่สุด


คำแนะนำ

  1. หมั่นซ้อมอยู่บ่อยๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนการนำเสนอ
  2. ทักทายผู้ฟังและถามทุกข์สุขก่อนนำเสนอเพื่อลดความตื่นเต้น
  3. นำเสนอใน Style ที่คุณมั่นใจมากที่สุด
  4. เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเอาไว้เผื่อว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรพอ อาทิ สัญญาณมือถือ 3G, 4G, 5G
  5. การทำ Online Business Matching จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ฟังให้ได้ ดังนั้นควรจะมีเนื้อหาที่สั้นกระชับจดจำได้ง่าย
  6. อย่าลืมทิ้งช่องทางการติดต่อไว้เสมอไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย เบอร์โทร
  7. ในเว็บไซต์ควรมีอย่างต่ำ 2 ภาษาทั้งไทยและอังกฤษ และหากกลุ่มเป้าหมายมีคนจีนหรือชาติอื่นๆ ถ้าสามารถทำออกมาได้ตรงตามภาษาของแต่ละประเทศก็นับเป็นประโยชน์ครับ

ความสำคัญของการนำเสนอในรูปแบบ Online Business Matching นั่นก็คือความพร้อมของทั้งตัวผู้พูดเองและการเตรียมสื่อต่างๆ ที่จะต้องมีการจัดวางลำดับเนื้อหาให้เป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน มีความอ่านง่าย เข้าใจง่าย จดจำง่าย ตรงประเด็น และสามารถโต้ตอบประเด็นต่างๆที่ผู้ฟังอยากรู้ให้ได้ มันจะทำให้การนำเสนอในครั้งนั้นประสบความสำเร็จแน่นอนครับ


Share to friends


Related Posts

สร้าง Company Presentation เวลานำเสนองานให้โดนใจ

Company presentation หรือ โปรไฟล์ หรือ การนำเสนอผลงานของบริษัท นับเป็นสิ่งสำคัญของทุกๆองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Powerpoint ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก หรือรูปแบบอื่นๆก็ตาม เวลาเราออกไปแนะนำบริษัทกับลูกค้า โปรไฟล์บริษัท เป็นเหมือนประวัติโดยย่อที่สรุปความเป็นมาเป็นไป เป้าหมาย ศักยภาพ


สร้างเว็บไซต์อย่างไรให้ปัง

เว็บไซต์เป็น Own Media ที่สำคัญที่สุดในการแสดงความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจและการสร้างแบรนด์ ซึ่งแทบจะไม่มีธุรกิจไหนๆในโลกที่จะไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะโลกออนไลน์และโลกดิจิทัลนั้นทำให้พฤติกรรมคนหันมาใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลต่างๆ


เขียน Headline เว็บไซต์อย่างไรให้เวิร์ค

การให้ความสำคัญกับหัวข้อ หรือ Headline ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าคุณจะเขียนอะไรก็ตาม เพราะมันสามารถช่วยให้คุณขายของได้โดยหัวข้อที่หมายถึงนั้นเป็นได้ทั้งเว็บไซต์ บล็อก หรือบทความต่างๆ ที่ไม่ได้เน้นแบบขายของแบบข้อความส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆครับ แต่เน้นเป็นรูปแบบการนำเสนอจุดเด่นหรือจุดขายที่อยากสื่อสารให้ผู้เยี่ยมชมนั้นเข้าใจ



Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *


copyright 2024@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์