
เมื่อคุณกำลังออกแบบเว็บไซต์โดยเฉพาะหน้า Landing Page คุณก็จำเป็นต้องรู้ถึงตัววัดผล (Metrics) สำคัญๆที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงตรวจสอบติดตาม (Tracking) และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหน้า Landing Page ของคุณ โดยเป้าหมายของการรู้ถึงตัววัดผลนั้นจะช่วยให้หน้า Landing Page ของคุณสร้าง Conversion ได้ดีขึ้นนั่นเอง แล้วตัววัดผล (Metrics) สำคัญๆสำหรับหน้า Landing Page นั้นมีอะไรบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณครับ ส่วนใครยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือ Landing Page ผมได้เคยอธิบายเอาไว้ในบทความก่อนหน้านี้ ลองเข้ามาอ่านได้ตามลิ้งค์นี้ครับ >>> เทคนิคสร้าง Landing Page ให้เกิด Conversion สูงสุด

1. จำนวนผู้เยี่ยมชม (Page Visits)
ตัวชี้วัดแรกที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า Landing Page ของคุณมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ก็คือ จำนวนคนที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้า Landing Page หรือ Page Visits โดยตามหลักแล้วยิ่งมีคนเข้าเยี่ยมชมมากก็สามารถบอกได้นัยหนึ่งได้ว่า การออกแบบหน้า Landing Page ของคุณนั้นมาถูกทางที่เหมาะสมแล้ว และเป้าหมายที่คุณวางไว้นั้นตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
2. แหล่งที่มาของการเยี่ยมชม (Traffic Source)
ตัวชี้วัดที่สองก็คือแหล่งที่มาของ Traffic หรือการที่ได้รู้ว่าผู้เยี่ยมชมเข้ามาหน้า Landing Page ของคุณจากช่องทางไหนกันบ้าง เช่น Organic Search, Social Media หรือมาจากช่องทางอื่นๆ เพื่อที่คุณจะนำไปปรับกลยุทธ์การตลาดกับช่องทางที่เหมาะสมมากขึ้น Traffic Source จะทำให้คุมทั้งประมาณการงบการตลาด และเลือกช่องทางที่ควรจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย โดยสามารถลำดับความสำคัญได้ดีมากยิ่งขึ้น
3. อัตราการส่งข้อมูล (Submission Rate)
ตัวชี้วัดจำนวนที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้เยี่ยมชมกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์ม หรืออาจกดปุ่ม Call-to-Action บางอย่างและเปลี่ยนไปสู่หน้าถัดไปที่คุณตั้งเอาไว้ หรืออาจเป็นหน้า Thank you page ก็ได้เช่นกัน โดยอาจต้องมีการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มตัวเลขให้มากขึ้น เช่น ลองทำ A/B Testing กับคอนเทนต์และการออกแบบ Landing Page หน้านั้นๆเพื่อวัดผลความแตกต่าง ตัดชี้วัดนี้จะช่วยให้คุณเห็นถึงความตั้งใจของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้า Landing Page และมันยังสะท้อนให้เห็นว่า เนื้อหาในหน้านั้นๆมันตรงกับความความสนใจและความต้องการจริงๆครับ
4. ข้อมูลติดต่อ (Contacts)
ข้อมูลจำนวนการติดต่อซึ่งมาจากจำนวนคนที่ให้ข้อมูลบนหน้า Landing Page ที่คุณสร้างแบบฟอร์มไว้ และมันมีความแตกต่างจากตัว Submission Rate ตรงที่เป็นการเก็บข้อมูลผู้ที่สนใจแบบไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้ง โดยคุณจำเป็นต้องระบุข้อมูลที่จะเก็บให้ครบถ้วนที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในเชิงการตลาดและการขาย
5. อัตราการตีกลับ (Bounce Rate)
ตัวชี้วัดสำคัญอีกอันหนึ่งสำหรับหน้า Landing Page ก็คือ การที่ผู้ที่สนใจเข้ามาชมหน้านั้นๆแล้วอยู่ๆก็ออกจากหน้านั้นไปในทันที หรือที่เราเรียกว่าอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) ซึ่งนั่นอาจเป็นจากหลากหลายสาเหตุครับทั้งในแง่ของตัวคอนเทนต์ที่นำเสนออาจไม่ตรงตามความต้องการของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม หรืออาจจะเป็นการออกแบบ UX/UI ของหน้า Landing Page นั้นๆที่ไม่ดีพอ และยังมีในส่วนของ Technical SEO
ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งนั่นก็เป็นโจทย์ที่คุณจำเป็นต้องทำการปรับแต่ง Landing Page เพื่อทำให้ อัตราการตีกลับ (Bounce Rate)
นั้นมีให้น้อยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
6. การยกเลิกการกรอกแบบฟอร์ม (Form Abandonment)
ตัวชี้วัดนี้จะบอกให้คุณได้รู้ว่ามีผู้ที่สนใจสักกี่คนที่กรอกข้อมูลบนหน้า Landing Page จนครบถ้วน ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก็คือการที่คนกรอกข้อมูลยกเลิกการกรอกกลางคันแล้วปิดหน้านั้นไปเลย ซึ่งก็อาจเกิดจากหลากหลายปัจจัยด้วยกันที่คุณจำเป็นต้องนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ที่สนใจกรอกข้อมูลไปจนครบ เช่น การย่นย่อให้แบบฟอร์มกระชับไม่ยาวจนเกินไป การเปลี่ยนปุ่ม Call-to-Action ให้โดดเด่น หรืออาจมองเรื่องการปรับวัตถุประสงค์ของ Landing Page นั้นใหม่ก็ได้เช่นกัน
7. การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง (Benchmark)
สุดท้ายคุณก็ควรนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจประเภทเดียวกัน และเทียบกับกลุ่มเป้าหมายเดียวกันเพื่อดูว่า มันใช่หรือตรงกับสิ่งที่คุณคาดหวังไว้มากน้อยแค่ไหน แล้วลองนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่าหรืออย่างน้อยก็ให้เท่ากับค่าเฉลี่ยในประเภทธุรกิจเดียวกัน
เป็นอย่างไรบ้างครับกับตัวชี้วัดที่จะช่วยให้คุณตรวจสอบการทำงานของหน้า Landing Page และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแน่นอนครับว่ามันจะส่งผลต่อการทำ SEO และช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตบนโลกออนไลน์ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง