
แบรนด์ที่น่าจดจำทุกแบรนด์ต่างก็มีเรื่องเล่าเสมอ ที่ให้ความรู้สึกที่ “ลึกซึ้งถึงความเป็นมนุษย์” โดยเบื้องหลังเรื่องเล่าอันทรงพลังทุกเรื่อง คือ “ต้นแบบ / แบบฉบับของแบรนด์” (Brand Archetype) ซึ่งเป็นตัวกำหนดรูปแบบของลักษณะผู้คนและเวลา ที่เชื่อมโยงทางอารมณ์กับกลุ่มเป้าหมาย และมอบบุคลิกภาพ (Personality) ที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ ตั้งแต่ วีรบุรุษ (Hero) ของ Nike นักมายากล (Magician) ของ Disney ไปจนถึง คนธรรมดา (Everyman) ของ IKEA โดยแบบฉบับเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่า แบรนด์นี้คือใคร ยึดมั่นในหลักการใด และทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร
สำหรับการใช้ Brand Archetype ให้ได้อย่างมีประสิทธิผลนั้น ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่การติดป้ายให้กับแบรนด์ของคุณเท่านั้น แต่มันคือ การยึดโยงการสื่อสาร (Communication) น้ำเสียง (Tone of Voice) และการเล่าเรื่อง (Storytelling) ของคุณเข้าให้กับเอกลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอนั่นเอง และในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักกับวิธีใช้ “ต้นแบบ / แบบฉบับของแบรนด์” (Brand Archetype) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเรื่องเล่าของแบรนด์ (Brand Narrative) กันครับ

ต้นแบบ / แบบฉบับของแบรนด์ (Brand Archetype) คืออะไร
ต้นแบบ / แบบฉบับของแบรนด์ (Brand Archetype) คือ บุคลิกที่เป็นสากล ซึ่งมีรากฐานมาจากทฤษฎีทางจิตวิทยาของคาร์ล ยุง (Carl Jung) ที่ได้นำเสนอว่า มนุษย์ทุกคนต่างก็มีแบบจำลองของตัวละคร และเรื่องราวที่อยู่ในจิตไร้สำนึกร่วมกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “แบบฉบับ” (Archetypes) โดยแบบฉบับเหล่านี้ก็มีปรากฏอยู่ในเทพนิยาย ภาพยนตร์ หรือแม้แต่ในงานโฆษณาต่างๆ
และหากพูดถึงในเรื่องของการสร้างแบรนด์ (Branding) แบบฉบับนี้จะช่วยทำให้ “ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับบริษัทต่างๆเชื่อมกันได้ง่ายมากขึ้น” โดยจะเปลี่ยนธุรกิจให้กลายเป็น “ตัวละคร” ที่ลูกค้าสามารถทำความเข้าใจ ไว้วางใจ และเชื่อมโยงทางอารมณ์ด้วยได้นั่นเอง เรามาดู “แบบฉบับ” (Archetypes) ทั้ง 12 รูปแบบกันครับ

| Archetype | ความปรารถนาหลัก | ตัวอย่างแบรนด์ |
|---|---|---|
| The Hero (วีรบุรุษ) | เพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญผ่านการกระทำ | Nike, Adidas, FedEx |
| The Magician (นักมายากล / ผู้วิเศษ) | เพื่อสร้างความฝันให้กลายเป็นจริง | Disney, Apple |
| The Creator (นักสร้างสรรค์) | เพื่อสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ | LEGO, Adobe |
| The Everyman (คนธรรมดา) | เพื่อเชื่อมโยงและความเป็นส่วนหนึ่ง | IKEA, Levi’s |
| The Lover (คนรัก) | เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแห่งความหลงใหล และการเชื่อมโยง | Chanel, Godiva |
| The Caregiver (ผู้ห่วงใย) | เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น | Johnson & Johnson, Dove |
| The Explorer (นักสำรวจ) | เพื่อค้นหาอิสรภาพและการผจญภัย | Jeep, The North Face |
| The Ruler (ผู้นำ) | เพื่อควบคุมและนำคน | Rolex, Mercedes-Benz |
| The Jester (ผู้สนุกสนาน) | เพื่อนำความสุขและความสนุกสนานมา ให้คนอื่นๆ | M&M’s, Old Spice |
| The Innocent (ผู้บริสุทธิ์) | เพื่อความสุขและความบริสุทธิ์ | Coca-Cola, Dove |
| The Sage (ผู้รู้) | เพื่อค้นหาและแบ่งปันความรอบรู้ | Google, BBC |
| The Outlaw (ผู้นอกเหนือกฎ) | เพื่อฉีกกฎและบรรทัดฐานแบบเดิมๆ | Harley-Davidson, Diesel |
แบบฉบับ (Archetypes) ทั้ง 12 นี้ เป็นตัวแทนของภาพรวมและแรงผลักดัน ที่สามารถนำไปใช้ได้กับทั้งการสื่อสาร รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าหรือบริการได้ทั้งสิ้น

ขั้นตอนการกำหนด Achetype ให้เหมาะสมกับเรื่องเล่า
ขั้นตอนที่ 1 – ค้นหาแรงจูงใจหลักของแบรนด์
ตั้งคำถามดูครับว่าอะไรคือเหตุผลที่แบรนด์ของคุณดำรงอยู่ ที่นอกเหนือไปจากการทำกำไร เช่น แรงผลักดันหลักของแบรนด์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย (Safety) อิสรภาพ (Freedom) ความเชี่ยวชาญ (Mastery) ความเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging) การค้นพบ (Discovery) หรือความสุข (Joy) โดยแรงจูงใจหลักเหล่านี้จะเปิดเผยว่า แบบฉบับใดที่เข้ากันได้กับ Brand DNA
ของคุณโดยธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น
- หากพันธกิจของคุณ คือ การกระตุ้นให้ผู้คนเป็นตัวตนที่ดีที่สุดของพวกเขา คุณก็มีแนวโน้มที่จะเป็นแบรนด์ Hero (วีรบุรุษ)
- หากคุณท้าทายประเพณีและสร้างแรงบันดาลใจในการทำอะไรนอกกรอบ แบรนด์ของคุณก็อยู่ใกล้เคียงกับ Outlaw (ผู้นอกเหนือกฎ) มากกว่า
ขั้นตอนที่ 2 – วางโครงสร้างเรื่องราวแบรนด์ตามแบบฉบับ
เมื่อคุณระบุแบบฉบับของคุณได้แล้ว ให้กำหนดโครงร่างเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story)
โดยใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องตามแบบฉบับนั้นๆ ตัวอย่างเช่น
| Archetype | โครงเรื่อง |
|---|---|
| The Hero (วีรบุรุษ) | การที่คนเราสามารถเอาชนะอุปสรรค และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น |
| The Magician (นักมายากล / ผู้วิเศษ) | ความสามารถในการเปลี่ยนสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา |
| The Creator (นักสร้างสรรค์) | การสร้างสรรค์สิ่งที่ดี สิ่งมีความหมาย และดูเป็นต้นฉบับไม่เหมือนใคร |
| The Everyman (คนธรรมดา) | การยกย่องใครสักคนด้วยความเรียบง่าย และถ่ายทอดวิถีของชุมชน |
| The Lover (คนรัก) | การยกย่องความงาม ความดี และความใกล้ชิดสนิทสนม |
| The Caregiver (ผู้ห่วงใย) | การแสดงการปกป้อง การเยียวยา การช่วยเหลือ และการปลอบโยน |
| The Explorer (นักสำรวจ) | การค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ หรือการเปิดประตูสู่อิสรภาพ |
| The Ruler (ผู้นำ) | เรื่องของการสั่งการ การแสดงความเป็นเลิศ และแสดงความมั่นคงในชีวิต |
| The Jester (ผู้สนุกสนาน) | การนำเสนอมุมมองเรื่องราวที่มีอารมณ์ขัน และการมองโลกในแง่ดี |
| The Innocent (ผู้บริสุทธิ์) | เรื่องราวของการแสวงหาความบริสุทธิ์ ความสงบ และความสุข |
| The Sage (ผู้รู้) | การให้ความรู้แจ้งผ่านความจริง บทพิสูจน์ ข้อมูล และภูมิปัญญา |
| The Outlaw (ผู้นอกเหนือกฎ) | เรื่องราวของการทลายกฎเกณฑ์เดิมๆ ไม่ทำอะไรซ้ำๆ และกำหนดนิยามใหม่ๆ |
ขั้นตอนที่ 3 – ประยุกต์ใช้แบบฉบับกับน้ำเสียง ภาพลักษณ์ และการสื่อสาร
ใช้แบบฉบับเป็นแนวทางในการกำหนดว่า แบรนด์ของคุณจะดูเป็นอย่างไร พูดอย่างไร และแสดงออกอย่างไร เช่น
| องค์ประกอบ | ตัวอย่างแบรนด์ Nike กับความเป็น Hero | ตัวอย่างแบรนด์ Chanel กับการเป็น Lover |
|---|---|---|
| Tone of Voice | สร้างแรงบันดาลใจ กล้าหาญ มุ่งมั่น | ความเย้ายวน ความเป็นบทกวี ความอ่อนไหว |
| Visual Style | ภาพที่มีคอนทราสต์สูง เน้นภาพการกระทำ | เน้นความสง่างาม ดูน่าค้นหา มีแรงดึงดูด |
| Tagline Style | “Just Do It” (ลงมือทำมันซะ) | “Inimitable Beauty” (ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้) |
| Content Theme | การเอาชนะขีดจำกัด | การกระตุ้นความปรารถนา |

โดยแบบฉบับของแบรนด์ไม่ได้มีไว้สำหรับโฆษณาเท่านั้น มันควรมีอิทธิพลต่อบรรจุภัณฑ์สินค้า ข้อความบนเว็บไซต์ สคริปต์สำหรับการบริการลูกค้า หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมขององค์กร
ขั้นตอนที่ 4 – ผสมผสาน Archetypes อย่างเหมาะสม
ขั้นต่อไปเป็นการเลือกแบบฉบับให้กับแบรนด์อย่างระมัดระวัง โดยสามารถผสมผสานให้ออกมาเป็นต้นแบบหลัก (Primary Archetype) และต้นแบบรอง (Secondary Archetype) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการบุคลิกภาพในหลากหลายมิติ เช่น
- Apple – Magician (ที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม) + Creator (นักสร้างสรรค์ศิลปะ)
- Red Bull – Hero (ที่แสดงถึงความสำเร็จ) + Jester (พลังแห่งความสนุกสนานเร้าใจ)
- Patagonia – Explorer (ที่แสดงถึงการผจญภัย) + Caregiver (ผู้ปกป้องโลก)
ข้อควรระวัง ก็คือ หลีกเลี่ยงการผสมผสานความไม่เข้ากัน หรือสร้างความขัดแย้งในบุคลิกภาพ เช่น The Innocent (ผู้บริสุทธิ์) + The Outlaw (ผู้นอกเหนือกฎ) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนและทำให้แบรนด์พังทลายได้

Image Source: https://www.redbull.com/bg-bg/the-fastest-way-down-the-world-s-biggest-hill
ขั้นตอนที่ 5 – ตรวจสอบและปรับปรุงอยู่เสมอ
เมื่อแบรนด์ของคุณเติบโตขึ้น ให้ทบทวน Brand Archetypes ของคุณเป็นระยะๆ เพื่อปรับใช้เข้ากับบริบทต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น
- กลุ่มเป้าหมายของคุณเปลี่ยนไปหรือไม่
- จุดมุ่งหมายของคุณพัฒนาไปหรือไม่
- เรื่องเล่าในปัจจุบันของคุณยังคงเข้ากับแก่นทางอารมณ์ของคุณหรือไม่
ตัวอย่างเช่น Old Spice ได้เปลี่ยนจากแบบฉบับของการเป็น Caregiver (ผู้ดูแล) ที่มีน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบพ่อ ไปเป็น Jester (ตัวตลก) กับความเป็นชายที่ตลกขบขัน ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของแบรนด์


ประโยชน์ของการใช้ Brand Archetypes กับเรื่องเล่าของแบรนด์ (Brand Narrative)
เมื่อถูกนำไปใช้อย่างมีกลยุทธ์ Brand Archetypes จะเปลี่ยนแบรนด์ของคุณจากบริษัทธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่มีชีวิตชีวา เป็นเรื่องราวที่ผู้คนจดจำ ไว้วางใจ และติดตามด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยมีประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้
- สร้างความชัดเจนทางอารมณ์และการจดจำ
- สร้างความสอดคล้องภายในองค์กรในทุกทีม
- เสริมความแข็งแกร่งให้กับเรื่องเล่าและแคมเปญ
- เพิ่มความสม่ำเสมอในน้ำเสียงและการออกแบบ
- ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
หัวใจสำคัญของ “ต้นแบบ / แบบฉบับของแบรนด์” (Brand Archetype) ทุกแบบ แสดงให้เห็นถึงความจริงข้อหนึ่งครับ ซึ่งนั่นก็คือ ผู้คนไม่ได้ซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาซื้อบุคลิกภาพ (Personality) ค่านิยม (Values) และอารมณ์ความรู้สึก (Feelings) และเมื่อคุณกำหนดเรื่องเล่าของคุณผ่านแบบฉบับที่ชัดเจน คุณจะมอบบางสิ่งบางอย่างให้กลุ่มเป้าหมายของคุณได้เชื่อมั่น เป็นวีรบุรุษที่พวกเขาพร้อมจะเชียร์ หรือนักปราชญ์ที่พวกเขาวางใจนั่นเอง
หากข้อมูลและบทความต่างๆบนเว็บไซต์นี้ ทำให้คุณได้มุมมองใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ การตลาด หรือการสื่อสารมากขึ้น
และอยากต่อยอดความเข้าใจเหล่านี้ให้ลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
ก็สามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษากับผมได้โดยตรงครับ
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ การสอนแบบ Workshop
หรือการบรรยายสำหรับทีมและองค์กร
ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการทำงาน งานสอน และงานที่ปรึกษา
เพื่อช่วยให้คุณหรือทีมของคุณเติบโตอย่างมีทิศทาง
และเข้าใจ “หัวใจของแบรนด์และการตลาด” อย่างแท้จริง
📩 Email: thepopticles@gmail.com
📞 โทร / Line ID: 0829151594
