วิธีสร้างแบรนด์ให้ไปสู่ความเป็น Lovemark

แนวคิดการสร้าง Lovemark หรือการสร้างความรู้สึกรักในตัวแบรนด์ ให้ลูกค้ารู้สึกดีอย่างสุดซึ้งแบบตกหลุมรักเข้าเต็มเปา ถือเป็นบันไดขั้นสูงที่สุดของการสร้างแบรนด์เลยก็ว่าได้ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ดี แต่มันเป็นเรื่องของการสร้างความพึงพอใจลึกๆที่สร้างความผูกพันธ์ทางอารมณ์จนถึงขั้นขาดไม่ได้ครับ Lovemark จึงไม่ใช่เรื่องของการซื้อขายสินค้าหรือบริการระหว่างแบรนด์และลูกค้า แต่เป็นเรื่องของการสร้างความรู้สึกทางอารมณ์เชิงบวกล้วนๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่แบรนด์ขึ้นไปสู่ระดับ Lovemark ได้แล้วนั้น ก็จะส่งเสริมและเปลี่ยนให้ลูกค้ากลายเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) Link โดยไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลใดๆทั้งสิ้น และนั่นก็จะกลายเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image) Link ที่เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง เรามาดูกันครับว่าการที่แบรนด์จะไปสู่ความเป็น Lovemark ต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง

What's next?

Mystery, Sensuality, Intimacy 3 องค์ประกอบของการไปสู่ความเป็น Lovemark

การที่จะเชื่อมโยงอารมณ์และความรู้สึกระหว่างแบรนด์และลูกค้า ให้ไปสู่ความเป็น Lovemark หรือเครื่องหมายและสัญลักษณ์ของความรู้สึกรักในตัวแบรนด์ขั้นสูงสุด (อาจเรียกว่าคลั่งใคล้ก็ได้) มีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ ความลึกลับ (Mystery) ความหลงใหล (Sensuality) และความใกล้ชิดสนิทสนม (Intimacy) และมีเพียงไม่กี่แบรนด์ในโลกที่ไปสู่ความเป็น Lovemark ได้ เช่น Apple, Google และ Coca Cola นั่นเองครับ

1. ความลึกลับ (Mystery)

ความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับลูกค้าองค์ประกอบแรก คือ ความลึกลับ (Mystery) ครับ โดยมันหมายถึงแบรนด์ต้องทำในสิ่งที่ลูกค้านั้นคาดไม่ถึง และความคาดไม่ถึงนั้นต้องสร้างผลกระทบด้านอารมณ์ให้ได้ เมื่อได้ใช้สินค้าหรือบริการจากแบรนด์ หากจะอธิบายให้เข้าใจนั่นก็คือแบรนด์สามารถมอบสิ่งที่เกินความคาดหวังของลูกค้า โดยทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความประหลาดใจ (Surprise) หรืออาจขายสินค้าหรือบริการผ่านการทำ Storytelling Link ที่ทำให้ลูกค้าจินตนาการและคล้อยตามไปจนสุดนั่นเอง

2. ความหลงใหล (Sensuality)

องค์ประกอบที่สอง คือ ความหลงใหล (Sensuality) หรือการเข้าถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกค้า (Sensorial Image) ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แบรนด์ต้องดึงดูดลูกค้าจนเกิดความลุ่มหลงเพื่อให้เกิดประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้ได้มากที่สุด จึงจะกลายเป็นแบรนด์ที่ไปสู่ความเป็น Lovemark ได้ เช่น รูปร่างลักษณะของสินค้าต้องดี รสชาติต้องไม่เหมือนใคร มีกลิ่นที่เย้ายวนใจ เพลงที่ใช้ฟังแล้วลื่นหู บรรยากาศต้องโดน เป็นต้น

3. ความใกล้ชิดสนิทสนม (Intimacy)

องค์ประกอบที่สาม คือ ความใกล้ชิดสนิทสนมหรือความคุ้นเคย (Intimacy) ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ รู้สึกดีที่มีแบรนด์ของคุณอยู่ในชีวิตประจำวัน มีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณ และมีความพึงพอใจในสินค้าหรือบริการของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากการที่แบรนด์มีความเข้าอกเข้าใจในตัวของลูกค้า รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าปรารถนาอะไร จนสามารถสร้างความเชื่อมโยงได้อย่างไร้รอยต่อ หน้าที่ของแบรนด์คือทำให้ลูกค้าไม่ใช่แค่อยากซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ แต่อยากได้แบรนด์ของคุณมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และเมื่อถึงจุดของความเป็น Lovemark แบรนด์ของคุณจะไม่มีคู่แข่งอีกต่อไปนั่นเอง

การไปสู่ความเป็น Lovemark เป็นสิ่งที่ทุกๆแบรนด์นั้นปรารถนามากที่สุดครับ แม้ว่าคุณจะสามารถสร้าง 3 องค์ประกอบที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่หากคุณไม่ได้ทำมันอย่างต่อเนื่องและมีความคงเส้นคงวาเพียงพอ ก็อาจจะไม่สามารถไปสู่จุดที่เรียกว่า Lovemark ได้เช่นกัน


Share to friends


Related Posts

บันได 3 ขั้น ของการสร้างแบรนด์

สำหรับใครที่กำลังคิดจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ลองมาดูกันสักนิดว่ากว่าจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการสร้างแบรนด์ เราต้องเจอกับขั้นตอนอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ


บันไดสู่การสร้าง Emotional Brand ขั้นสุด

กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่สร้างให้ความเชื่อมโยงทางอารมณ์ (Emotional) จะช่วยให้ความผูกพันระหว่างลูกค้ากับแบรนด์มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นลำดับในการสร้างจากลูกค้าเพื่อเปลี่ยนไปสู่การเป็นมิตรภาพแบบเพื่อนสนิท ไปสู่ความไว้เนื้อเชื่อใจสู่การเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์



copyright 2024@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์