
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) มักจะถูกอธิบายว่าเป็นความสามารถ ในการสร้างสรรค์ไอเดีย แนวคิด หรือวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่มีความริเริ่ม มีคุณค่า และมีความหมาย โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแสดงออกทางศิลปะเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงการแก้ไขปัญหา การสร้างนวัตกรรม และการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน ความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในธุรกิจ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และแม้แต่เรื่องส่วนบุคคล ทำให้ Creativity เป็นหนึ่งทักษะที่จำเป็นทั้งในด้านอาชีพและเรื่องส่วนตัวไปแล้ว เรามาเรียนรู้กับคำว่า Creativity ในบทความนี้กันครับ

ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) คืออะไร
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) คือ ความสามารถในการมองสิ่งต่างๆที่แตกต่างออกไป คิดนอกกรอบ และเชื่อมโยงไอเดียบางอย่าง โดยมักเกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างจินตนาการ ความรู้ และความสามารถ ในการนำแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมไปปฏิบัติ ความคิดสร้างสรรค์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
- ความคิดสร้างสรรค์แบบแตกยอด (Divergent Creativity)
การสร้างไอเดียหลายๆไอเดียจากแนวคิดเดียว สิ่งนี้มักใช้ในการระดมสมอง ห้องปฏิบัติการนวัตกรรม และการออกแบบอย่างรวดเร็ว (Design Sprints) จากปริมาณนำไปสู่คุณภาพ เช่น บริษัทของเล่นระดมไอเดียเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ตุ๊กตาโต้แบบตอบได้ เกมเสมือนจริง หรือชุดของเล่นเสริมพัฒนาการ ก่อนคัดเลือกแนวคิดที่ดีที่สุด - ความคิดสร้างสรรค์แบบรวม (Convergent Creativity)
การค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดโดยการบูรณาการไอเดียต่างๆ Creativity ประเภทนี้ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ การแก้ปัญหา และการปรับแต่งแนวคิด สำหรับการใช้งานในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนนำข้อเสนอแนะจากผู้ใช้และเทคโนโลยีใหม่ๆมารวมกัน เพื่อออกแบบโทรศัพท์เครื่องเดียว ที่ได้สมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ดีไซน์ และราคาที่เหมาะสม - ความคิดสร้างสรรค์แบบนอกกรอบ (Lateral Creativity)
การท้าทายรูปแบบความคิดแบบเดิมๆ เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร สิ่งนี้มักส่งผลให้เกิดนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด ในด้านเทคโนโลยี รูปแบบธุรกิจ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเปิดตัวแคมเปญ “จ่ายด้วยรอยยิ้ม” ที่ให้ลูกค้าได้รับส่วนลดเพียงแค่แสดงสีหน้ายิ้มแย้ม แทนที่จะใช้วิธีชำระเงินแบบเดิมๆ - ความคิดสร้างสรรค์เชิงสุนทรียะ (Aesthetic Creativity)
การสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดสายตาหรืออารมณ์ สิ่งนี้มักพบเห็นได้ในสาขาต่างๆ เช่น การออกแบบกราฟิก การสร้างแบรนด์ การสร้างภาพยนตร์ และการเล่าเรื่อง เช่น แบรนด์รถยนต์หรูออกมีการแบบภายใน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะและสถาปัตยกรรม จนสร้างประสบการณ์ที่ตราตรึงใจ

ประโยชน์ของ Creativity
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างไอเดียเท่านั้น แต่ยังมอบข้อได้เปรียบที่จับต้องได้ ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโต ความสำเร็จทางธุรกิจ และความก้าวหน้าทางสังคม โดยมีประโยชน์อยู่หลายประการ
1. สร้างนวัตกรรมและความได้เปรียบในการแข่งขัน
ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวจุดระเบิดนวัตกรรม ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้ถุงของ Dyson ปฏิวัติอุตสาหกรรมการทำความสะอาด โดยการแก้ไขปัญหาทั่วไปในการออกแบบเครื่องดูดฝุ่นแบบดั้งเดิม

Source: https://www.dyson.com.au/products/vacuum-cleaners/bagless-vacuum-cleaners
2. เพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ
ด้วยการคิดอย่างสร้างสรรค์จะทำให้ทีมและบุคคล สามารถหาวิธีการทำงานที่ฉลาดมากขึ้น และช่วยลดความพยายามในขณะที่เพิ่มผลลัพธ์ได้สูงสุด ตัวอย่างเช่น ระบบอัตโนมัติใน E-Commerce เช่น แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยปรับปรุงการบริการลูกค้าในขณะที่ลดภาระงานลง
3. การแก้ปัญหาและความสามารถในการปรับตัว
การคิดเชิงสร้างสรรค์ช่วยให้สามารถหาทางออก ที่ไม่เหมือนใครสำหรับปัญหาที่ซับซ้อน และช่วยให้บุคคลปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ร้านอาหารปรับตัวอย่างรวดเร็วไปสู่การจัดส่งแบบไร้สัมผัส และประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบเสมือนจริง

Source: https://www.prachachat.net/ict/news-1594398
4. การสื่อสารและการเล่าเรื่องที่ได้รับการปรับปรุง
ความคิดสร้างสรรค์ช่วยในการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม ตัวอย่างเช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งใช้การเล่าเรื่องเพื่อสร้างความคาดหวัง และการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภค
5. การเชื่อมโยงทางอารมณ์และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น
แบรนด์ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้าง จะสร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกับผู้ชมมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น แคมเปญ “Share a Coke” ของ Coca-Cola ได้ปรับแต่งผลิตภัณฑ์และวิธีการนำเสนอ ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้น
6. เพิ่มความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงาน จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจ แรงจูงใจ และความพึงพอใจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น นโยบาย “20% time” ของ Google ซึ่งอนุญาตให้พนักงาน ใช้เวลาในโครงการที่ตนเองสนใจ นำไปสู่การสร้าง Gmail และ Google Maps ขึ้นมา
7. การเติบโตส่วนบุคคลและความมั่นใจ
การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ช่วยให้ผู้คนสร้างความมั่นใจและความยืดหยุ่น โดยกล้าที่จะเสี่ยงและสำรวจเพื่อหาข้อมูลที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการทดลองรูปแบบธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร แม้ว่าบางไอเดียจะล้มเหลว แต่พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับความสำเร็จในอนาคต
8. ผลกระทบเชิงบวกทางสังคม
แนวคิดที่สร้างสรรค์สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญได้ ตัวอย่างเช่น ที่พักพิงสำหรับผู้ลี้ภัยแบบประกอบเองของ IKEA ได้มอบโซลูชันที่พักอาศัย ที่เป็นนวัตกรรมและความยั่งยืนสำหรับชุมชนพลัดถิ่น

Source: https://housinginnovation.co/rapidshelter/rhu1-2/

ตัดสินอย่างไรว่าสิ่งที่คิดนั้นมี Creativity
ไม่ใช่ทุกไอเดียใหม่ๆจะถือว่ามีความคิดสร้างสรรค์ทั้งหมดครับ ความคิดสร้างสรรค์สามารถประเมินได้ โดยใช้เกณฑ์หลายประการ ดังนี้
- ความเป็นต้นฉบับ (Originality)
ไอเดียนั้นนำเสนอสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ หรือเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของแนวคิดที่มีอยู่แล้ว - คุณค่าและความเกี่ยวข้อง (Value and Relevance)
มันมีจุดประสงค์ ตอบสนองปัญหา หรือปรับปรุงประสบการณ์หรือไม่ - สร้างผลกระทบ (Impact)
มันกระตุ้นอารมณ์ กระตุ้นความคิด หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนหรือไม่ - ความเป็นไปได้ (Feasibility)
มันเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ขยายโอกาส และเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้กับทรัพยากรที่มีอยู่หรือไม่ - ความประหลาดใจ (Surprise)
มันท้าทายความคาดหวัง และแนะนำองค์ประกอบที่ไม่คาดคิด แต่มีประสิทธิภาพจนสร้างให้เกิด Wow Moment หรือไม่

องค์ประกอบของ Creativity
ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีองค์ประกอบสำคัญๆอยู่ 5 องค์ประกอบ ที่ถูกนำมาใช้พัฒนากระบวนการคิดแบบสร้างสรรค์ ดังนี้
1. ความอยากรู้อยากเห็นและการสำรวจ (Curiosity and Exploration)
ความอยากรู้อยากเห็นถือเป็นถังเชื้อเพลิงของความคิดสร้างสรรค์ โดยการส่งเสริมให้บุคคลสำรวจแนวคิดใหม่ๆ ฝึกตั้งคำถามและท้าทายสถานะที่เป็นอยู่ จนนำไปสู่การค้นพบที่อาจไม่เคยถูกพิจารณามาก่อน ตัวอย่างเช่น นักออกแบบผลิตภัณฑ์ทำการวิจัยพฤติกรรมผู้ใช้งานในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อพัฒนาเก้าอี้ที่ถูกหลักสรีรศาสตร์ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย
2. จินตนาการและวิสัยทัศน์ (Imagination and Vision)
ความสามารถในการมองเห็นที่เหนือกว่าความเป็นจริงในปัจจุบัน เป็นกุญแจสำคัญในการคิดเชิงสร้างสรรค์ ตัวอย่างเช่น นักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน หรือ User-Experience (UX) จินตนาการถึงประสบการณ์ดิจิทัลที่ไร้รอยต่อสำหรับผู้ใช้งาน และได้สร้างอินเทอร์เฟซสำหรับแอปฯพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย
3. การกล้าเสี่ยงและการทดลอง (Risk-Taking and Experimentation)
ความคิดสร้างสรรค์มักเกี่ยวข้องกับการก้าวออกจาก Comfort Zone และยอมรับความไม่แน่นอน นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมากมายเกิดขึ้นจากการกล้าเสี่ยง ตัวอย่างเช่น เชฟอาหารทดลองส่วนผสมที่ไม่ธรรมดา เพื่อสร้างอาหารจานพิเศษที่โดดเด่นในโลกแห่งการทำอาหาร
4. การทำงานร่วมกันและมุมมองที่หลากหลาย (Collaboration and Diverse Perspectives)
การทำงานกับผู้คนจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน จะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ผ่านมุมมอง และข้อมูลเชิงลึกที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ทีมการตลาดระดมสมองในการทำแคมเปญโฆษณา ด้วยข้อมูลจากนักออกแบบ นักวิเคราะห์ข้อมูล และนักจิตวิทยาผู้บริโภค เพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดผ่านแคมเปญที่ทรงพลัง
5. ความพยายามและความสามารถในการปรับตัว (Persistence and Adaptability)
บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ต้องมีความยืดหยุ่น เต็มใจที่จะปรับแต่งไอเดียของตน และปรับตัวเข้ากับความท้าทายที่เกิดขึ้น เพราะนวัตกรรมที่แท้จริงมาจากการทดลองและปรับปรุงซ้ำๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการปรับแต่งไอเดียธุรกิจสตาร์ทอัพของตนหลายครั้ง ตามความคิดเห็นของลูกค้า จนกระทั่งพบคุณค่าที่ไม่เหมือนใครที่โดนใจอย่างแท้จริง

บทบาทของ Creativity กับสายงานต่างๆ
ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ของความสำเร็จในหลากหลายอาชีพ ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหา สร้างสรรค์นวัตกรรม และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ เรามาดูตัวอย่างความคิดสร้างสรรค์ ในบทบาทงานต่างๆกันครับ
การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
- ใช้การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและความสวยงาม
- สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยวัสดุที่ยั่งยืน และการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน
- ตัวอย่างเช่น ทีมออกแบบของ Apple ปฏิวัติการออกแบบสมาร์ทโฟน โดยการกำจัดแป้นพิมพ์ออกไป และเพิ่มพื้นที่หน้าจอให้สูงสุด
การตลาดและการโฆษณา (Marketing and Advertising)
- สร้างเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Storytelling)
ที่น่าสนใจ ผ่านเทคนิคการเล่าเรื่องในแบบต่างๆ
- ออกแบบแคมเปญโฆษณาที่ไม่เหมือนใครที่สร้างสรรค์อย่างน่าจดจำ
- ตัวอย่างเช่น แคมเปญ “Just Do It” ของ Nike ซึ่งผสมผสานข้อความที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้เข้ากับภาพที่ทรงพลังและเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตจริงอย่างสร้างสรรค์
เทคโนโลยีและวิศวกรรม (Technology and Engineering)
- พัฒนา Software Solution ที่ทำให้ปัญหาที่ดูซับซ้อนนั้นง่ายขึ้น
- สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยอัลกอริทึมใหม่ และเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- ตัวอย่างเช่น วิศวกรของ Tesla ออกแบบระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมการขับขี่ในโลกแห่งความเป็นจริง
กลยุทธ์ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ (Business Strategy and Entrepreneurship)
- ระบุช่องว่างทางการตลาดและสร้างรูปแบบธุรกิจที่พลิกโฉมได้
- ค้นหาแหล่งรายได้ใหม่ๆและกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของลูกค้า
- ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ของ Airbnb ที่อนุญาตให้เจ้าของบ้านเช่าพื้นที่ของตนเอง เพื่อสร้างตลาดใหม่สำหรับที่พักระยะสั้น
การศึกษาและการฝึกอบรม (Education and Training)
- ใช้การเล่นเกมและเทคนิคการเรียนรู้แบบโต้ตอบ เพื่อให้การศึกษาน่าสนใจยิ่งขึ้น
- ออกแบบหลักสูตรที่ปรับให้เข้ากับรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน
- ตัวอย่างเช่น Duolingo ใช้แนวทางการเล่นเกมเพื่อการเรียนรู้ภาษา ทำให้สนุกและเข้าถึงได้สำหรับผู้เรียนทั่วโลก
การดูแลสุขภาพและการแพทย์ (Healthcare and Medicine)
- การสร้างสรรค์นวัตกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์และวิธีการรักษา
- สร้าง Healthcare Solution ที่เน้นให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมากขึ้น
- ตัวอย่างเช่น การประดิษฐ์อวัยวะเทียมที่พิมพ์ด้วยเทคโนโลยี 3D ซึ่งนำเสนอทางเลือกที่คุ้มค่าและปรับแต่งได้
แฟชั่นและการค้าปลีก (Fashion and Retail)
- ออกแบบเสื้อผ้าที่ยั่งยืนด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ปรับแต่งประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ ด้วยคำแนะนำที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- ตัวอย่างเช่น ความมุ่งมั่นของ Patagonia ต่อแฟชั่นที่ยั่งยืน โดยใช้วัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์ Worn Wear ซึ่งเป็นแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำเสื้อผ้าที่ซื้อไปของ Patagonia มาส่งซ่อมได้ หรือบริการแลกเปลี่ยนสินค้าที่ซื้อไปแล้วไม่ชอบ เป็นเงินแล้วซื้อของชิ้นใหม่ในร้านได้
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ แต่เป็นทักษะที่สามารถพัฒนาและขัดเกลาได้ ไม่ว่าจะเป็นในธุรกิจด้านศิลปะ เทคโนโลยี หรือในชีวิตประจำวัน การคิดเชิงสร้างสรรค์จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม และความก้าวหน้าที่มีความหมาย นั่นเอง