AI-Generated-of-woman-reading-book-sitting-armchair-in-front-brick-fireplace-warm-cozy-interior-daylight

ในโลกที่เต็มไปด้วยโฆษณาโดยจะมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างแท้จริง และสิ่งที่ทำให้โฆษณาเหล่านี้ดูโดดเด่นก็คงเป็นการเล่าเรื่องราวแบบมนุษย์ (Human-Like Storytelling) ซึ่งเป็นหนึ่งเทคนิคที่เปลี่ยนการตลาดจากการเป็นเพียงแค่การส่งเสริมการขาย ไปสู่การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ดึงดูด เชื่อมโยงอารมณ์ และเปลี่ยนแปลงให้เกิดการกระทำ ในบทความนี้ผมจะอธิบายถึงลักษณะของ Human-Like Storytelling ที่ดึงดูดอารมณ์ผู้ชม ที่จะช่วยให้การทำการตลาดนั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

What's next?

แก่นแท้ของ Human-Like Storytelling

แก่นแท้ของการเล่าเรื่องราวแบบมนุษย์ (Human-Like Storytelling) คือ การเลียนแบบวิธีการที่ผู้คนแบ่งปันประสบการณ์ตามธรรมชาติ ที่โอบรับอารมณ์ ความเป็นจริง และความสัมพันธ์ ทำให้แบรนด์รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนที่น่าเชื่อถือมากกว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แนวทางนี้เปลี่ยนจุดเน้นจากผลิตภัณฑ์ไปสู่เรื่องราวที่จุดประกายอารมณ์ กระตุ้นความทรงจำ และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แทนที่จะเพียงแค่นำเสนอคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์

การเล่าเรื่องราวแบบมนุษย์ (Human-Like Storytelling) จะทำให้ผู้ชมรู้สึกดื่มด่ำไปกับเรื่องเล่า เพราะมันสร้างโลกที่แบรนด์นั้นมีบทบาทในการแก้ปัญหา เติมเต็มความฝัน หรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น


จิตวิทยาเบื้องหลัง Human-Like Storytelling

มนุษย์เล่าเรื่องราวมานานนับพันปี และสมองของเราถูกสร้างมาให้ตอบสนองต่อเรื่องเล่า และในศาสตร์ด้านประสาทวิทยา (Neuroscience) เผยให้เห็นว่า เมื่อเราได้ยินเรื่องราวหลายส่วนของสมองของเราจะเริ่มทำงาน รวมถึงส่วนที่รับผิดชอบด้านอารมณ์ การประมวลผลทางประสาทสัมผัส และความทรงจำ ซึ่งหมายความว่าเรื่องราวที่สร้างสรรค์อย่างดี สามารถสร้างการตอบสนองทางอารมณ์ เพิ่มความทรงจำ และเสริมสร้างความไว้วางใจในตัวแบรนด์ (Brand Trust) Link

AI-Generated-of-a-Man-Finding-Ingredients-for-Their-Restaurant

จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะจดจำข้อเท็จจริงได้มากกว่าถึง 22 เท่า เมื่อนำเสนอในรูปแบบเรื่องราวมากกว่าการนำเสนอในแบบสถิติหรือตัวเลข และนี่คือเหตุผลสำหรับแบรนด์ที่ใช้ประโยชน์จากการเล่าเรื่องราวแบบมนุษย์ (Human-Like Storytelling) จึงมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่ยั่งยืนมากขึ้น


ทำไม Human-Like Storytelling ถึงสำคัญกับการตลาด

ด้วยความที่ผู้บริโภคยุคใหม่มีตัวเลือกมากมาย แบรนด์ที่โดดเด่น คือ แบรนด์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบางอย่างได้ และเมื่อการเล่าเรื่องถูกเติมเต็มด้วยองค์ประกอบของความเป็นมนุษย์ มีตัวละครที่เข้าถึงได้ มีปัญหาในชีวิตจริง และมีอารมณ์ที่แท้จริง มันก็จะกลายเป็นสิ่งมากกว่าแค่เนื้อหาแต่มันจะกลายเป็นเรื่องของประสบการณ์ ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้

  • เพิ่มความสามารถในการแบ่งปัน – ผู้คนมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันเรื่องราวที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่า
  • เพิ่มการมีส่วนร่วม – เรื่องราวมีส่วนร่วมกับผู้คนมากกว่าข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริง
  • เสริมสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ – การเล่าเรื่องอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ผู้ชมรับรู้ว่าแบรนด์เป็นอย่างไร
  • ส่งเสริมความภักดี – เพราะผู้คนจะสนุบสนุนและซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่พวกเขารู้สึกผูกพันด้วย
  • ขับเคลื่อนการตัดสินใจ – ความผูกพันทางอารมณ์ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อมากกว่าเหตุผลเชิงตรรกะ

องค์ประกอบของ Human-Like Storytelling

ด้วยความที่ผู้บริโภคยุคใหม่มีตัวเลือกมากมาย แบรนด์ที่โดดเด่น คือ แบรนด์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบางอย่างได้ และเมื่อการเล่าเรื่องถูกเติมเต็มด้วยองค์ประกอบของความเป็นมนุษย์ มีตัวละครที่เข้าถึงได้ มีปัญหาในชีวิตจริง และมีอารมณ์ที่แท้จริง มันก็จะกลายเป็นสิ่งมากกว่าแค่เนื้อหาแต่มันจะกลายเป็นเรื่องของประสบการณ์ ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้

AI-generated-of-a-man_applying_facial_hair_oil_smiling_bathroom_mirror_reflection_self-care_grooming_routine

  1. ตัวละครเอก (Protagonist)
    ทุกเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่จะมีฮีโร่อยู่เสมอ และในการตลาดนั้นฮีโร่ก็มักจะเป็นลูกค้า พวกเขาเผชิญกับความท้าทาย ค้นหาทางแก้ไข และท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จ โดยที่แบรนด์มีบทบาทสนับสนุนสิ่งเหล่านั้น
  2. ตัวกระตุ้นอารมณ์ (Emotional Triggers)
    ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความคิดถึง ความกลัว หรือความหวัง อารมณ์มักจะเป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจอยู่เสมอ แบรนด์ที่เข้าถึงอารมณ์จะสร้างแคมเปญที่น่าจดจำ และใส่ใจผู้คนอย่างแท้จริง
  3. ความขัดแย้งและการทางออกที่ชัดเจน (Clear Conflict and Resolution)
    ทุกเรื่องเล่าที่น่าสนใจจะเกี่ยวข้องกับความท้าทาย (Challenge) แบรนด์ควรเน้นย้ำปัญหาที่ลูกค้าเผชิญ และแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าพึงพอใจ
  4. ความแท้จริงและความโปร่งใส (Authenticity and Transparency)
    ผู้คนโหยหาเรื่องราวที่แท้จริงโดยไม่มีการปรุงแต่ง การตลาดที่ถูกขัดเกลามาจนดูเกินจริงมากไป มักจะสร้างให้เกิดความรู้สึกที่ฝืนธรรมชาติ ดังนั้น แบรนด์ควรนำเสนอประสบการณ์ของลูกค้าจริง เบื้องหลังฉากนั้นๆ หรือเส้นทางของผู้ก่อตั้ง ที่มาจากความแท้จริงทั้งหมด
  5. โครงสร้างเรื่องเล่าที่แข็งแกร่ง (Strong Narrative Structure)
    การเล่าเรื่องแบบคลาสสิกดำเนินไปตามโครงสร้าง โดยมีจุดเริ่มต้น (ฉาก) ช่วงกลาง (ความขัดแย้ง) และจุดจบ (ทางออก / การแก้ไข) สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและเกิดความใส่ใจในผลลัพธ์

การปรับใช้ Human-Like Storytelling กับแบรนด์

  • ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ
    ทำการวิจัยเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจถึงความยากลำบาก ความปรารถนา ค่านิยม และอารมณ์ของพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสร้างเรื่องราว ที่สอดคล้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขา
  • ใช้เรื่องราวจากชีวิตจริง
    เน้นย้ำคำรับรองจากลูกค้า (Testimonials) เส้นทางของผู้ก่อตั้ง (Founder’s Journey) หรือผลกระทบต่อชุมชน (Community Impact) เพื่อสร้างความรู้สึกของความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
  • สร้างเนื้อหาที่เข้าถึงได้
    หลีกเลี่ยงภาษาแบบทางการ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติดูเป็นมิตร ซึ่งจะทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • แสดงให้เห็นไม่ใช่แค่เพียงคำพูด
    ใช้ภาพที่น่าสนใจ ภาพเคลื่อนไหว และรูปแบบวิดีโอ เพื่อทำให้เรื่องเล่าสมจริงและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
  • มีความสม่ำเสมอ
    พัฒนาเรื่องราวของแบรนด์ที่ดำเนินไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านโซเชียลมีเดีย โฆษณา หรือบทความ การเล่าเรื่องควรเป็นการเดินทางที่ดำเนินต่อไปอยู่เสมอ
  • กระตุ้นความเห็นอกเห็นใจ
    แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณเข้าใจ และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างไร การเล่าเรื่องด้วยความเห็นอกเห็นใจ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
  • ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย
    สนับสนุนเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-Generated Content) Link โดยเชิญชวนลูกค้าให้แบ่งปันเรื่องราวของตนเอง ที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยสร้างความเป็นชุมชน และขยายขอบเขตการเล่าเรื่องของคุณ
  • เล่าเรื่องให้สอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกเรื่องราวสะท้อนถึงพันธกิจ (Mission) และค่านิยมของแบรนด์ (Core Values) Link ความสอดคล้องในการสื่อสารจะสร้างความไว้วางใจได้ในระยะยาว
A nostalgic Coca-Cola bottle with a personalized name, sitting on a wooden café table

ตัวอย่าง Human-Like Storytelling

Nike: “Find Your Greatness”

แคมเปญ “Find Your Greatness” ของ Nike ที่เน้นไปที่ผู้คนและนักกีฬาทั่วๆไป ทำให้เรื่องราวของพวกเขาดูเข้าถึงได้จริง แทนที่จะนำเสนอแต่นักกีฬามืออาชีพในระดับแนวหน้า พวกเขาแสดงให้เห็นผู้คนธรรมดาที่สามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆได้ ตัวอย่างในแคมเปญของ Nike ได้นำเสนอเด็กชายอ้วนคนหนึ่งที่วิ่งอยู่คนเดียวบนถนนร้าง โดยเรื่องราวไม่ได้เกี่ยวกับการจะเป็นที่สุดแต่เกี่ยวกับความพยายามในการพัฒนาตนเอง

Video Source: https://youtu.be/XcbSCnUXOkk

Airbnb: “Stories from Hosts and Travelers”

แคมเปญของ Airbnb ที่ชื่อ “Stories from Hosts and Travelers ไม่ได้แค่จะโปรโมทการเช่าที่พักเท่านั้น แต่ Airbnb นั้นแชร์เรื่องราวจากเจ้าของที่พักและนักเดินทางจริง เน้นย้ำถึงการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ตัวอย่างเช่น ในวิดีโอหนึ่งได้เล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ปล่อยบ้านให้เช่า และได้ค้นพบมิตรภาพตลอดชีวิตกับแขกจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผลกระทบทางอารมณ์นั้นตอกย้ำแนวคิดที่ว่า Airbnb ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พัก แต่เป็นเรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ที่มีความหมาย

Video Source: https://youtu.be/NzQyDqorvo4

Dove: “Real Beauty”

แคมเปญ “Real Beauty” ของ Dove ได้แหกกฎเกณฑ์ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงาม ด้วยการสนับสนุนและภูมิใจในความเป็นธรรมชาติและความรักตัวเองในแบบที่เป็น แนวทางการเล่าเรื่องราวที่เน้นอารมณ์นี้ ได้ปรับเปลี่ยนการตลาดของผลิตภัณฑ์ความงามไปอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น โฆษณาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นถึงอดีตนักวาดภาพของ FBI ที่ได้วาดภาพเหมือนของผู้หญิงคนเดียวกันออกมา 2 ภาพ โดยภาพที่ 1 ได้วาดตามคำอธิบายของตัวเธอเอง และอีกภาพหนึ่งวาดตามคำอธิบายของคนที่รู้จักเธอ โดยความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างภาพวาดทั้งสอง ก็ได้เน้นย้ำให้เห็นว่าผู้หญิงมองตัวเองอย่างไร เมื่อเทียบกับที่คนอื่นมองพวกเธออย่างไร (ภาพที่เจ้าตัวพูดถึงตัวเองจะเป็นการบอกแต่ข้อเสียทั้งรูปร่างหน้าตา ที่แสดงถึงความไม่มั่นใจ แต่ภาพที่คนอื่นๆพูดถึงนั้นกลับออกมาเป็นความสวยงาม) แคมเปญนี้ได้สื่อสารบางอย่างที่ทรงพลังและสะเทือนอารมณ์ เกี่ยวกับการให้ผู้หญิงทุกคนมองเห็นคุณค่าในตนเอง

Video Source: https://youtu.be/rymT28Z6KQY

Google: “Reunion”

การเล่าเรื่องราวของ Google ไม่ได้เพียงแค่แสดงคุณสมบัติของการเป็น Search Engine เท่านั้น แต่ยังเข้าถึงอารมณ์ที่ลึกซึ้งได้อีกด้วย หนึ่งในโฆษณาที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาคือ “Reunion” โดยเล่าเรื่องราวของเพื่อนรักในวัยเด็กสองคน ที่พลัดพรากจากกันเนื่องจากการแบ่งแยกอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งในอีกหลายสิบปีต่อมา ด้วยความช่วยเหลือของ Google Search โฆษณานี้เป็นการติดตามเรื่องราวของหลานสาว ที่ช่วยคุณปู่ตามหาเพื่อนเก่าที่หายไปนาน ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือของ Google ช่วยอำนวยความสะดวกในการกลับมาพบกันที่น่าประทับใจนี้ แบรนด์ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ใช้สอยอย่างละเอียดอ่อน ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบทางอารมณ์ที่ทำให้ผู้ชมน้ำตาไหล

Video Source: https://youtu.be/gHGDN9-oFJE

Coca-Cola: “Share a Coke”

แคมเปญ “Share a Coke” ของ Coca-Cola ได้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ธรรมดา ให้กลายเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่สามารถแบ่งปันได้ ด้วยการพิมพ์ชื่อทั่วไปลงบนขวด กระตุ้นให้ผู้คนซื้อและแบ่งปันกับคนที่รัก ตัวอย่างเช่น ในวิดีโอแคมเปญหนึ่งแสดงให้เห็นเพื่อนและคนแปลกหน้าพบชื่อของตนเองบนขวด สร้างให้เกิดช่วงเวลาแห่งความประหลาดใจและความสุข และได้เปลี่ยน Coca-Cola ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงกับความสุข

Video Source: https://youtu.be/CNu9GjbgDxg


ในภูมิทัศน์ของการตลาดปัจจุบัน ข้อเท็จจริงและคุณสมบัติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การเล่าเรื่องราวแบบมนุษย์ (Human-Like Storytelling) จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค และเปลี่ยนการสื่อสารให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ตาม

Share to friends


Related Posts

สร้าง Storytelling ให้กับแบรนด์

Storytelling หรือการเล่าเรื่องราว แท้ที่จริงแล้วมีมานานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่เราเห็นหลักฐานจากการวาดภาพในถ้ำต่างๆที่ถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับถิ่นกำเนิด การใช้ชีวิต การดำรงชีพ ไปสู่การเล่าเรื่องราวแบบปากต่อปากถ่ายทอดมาเรื่อยๆสู่สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์


The Power of Authenticity กับการสร้าง Brand Story ให้เชื่อมโยงอย่างแท้จริง

โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยสื่อที่หลากหลาย ทำให้ผู้บริโภคถูกถล่มด้วยข้อมูลข่าวสารจากทุกสารทิศ ทำให้การสร้างความโดดเด่นในฐานะแบรนด์อาจกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่าเดิม ในจังหวะที่ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และนวัตกรรม (Innovation) และโดยเฉพาะกับการเข้ามาของ AI ที่มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จทางการตลาด แต่ก็มีองค์ประกอบที่ทรงพลังอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม


ขั้นตอนการสร้าง Brand Story ให้กับธุรกิจ

เรื่องราวดีๆจะช่วยให้สมองของคุณกระตุ้นเคมีความสุขบางอย่างออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ซึ่งเรื่องราวดีๆจะดึงดูดความสนใจและสร้างให้เกิดความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ โดยคุณสมบัติที่จะทำให้การสร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์นั้นออกมาดีได้นั้น สิ่งที่ทำหรือเรื่องราวจะต้องมีความหมาย สร้างความเชื่อมโยงเฉพาะบุคคล กระตุ้นอารมณ์และความเข้าอกเข้าใจ สื่อสารง่ายเข้าใจง่าย และต้องเป็นเรื่องราวที่แท้จริง



copyright 2025@popticles.com
หากท่านต้องการนำเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ไปเผยเพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเว็บไซต์