ปกติเรามักจะให้ความสำคัญกับการออกแบบเว็บไซต์โดยคำนึงถึงเรื่องของประสบการณ์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือ UX (User Experience) และความสวยงามที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือ UI (User Interface) รวมไปถึงเรื่องของการทำคอนเทนต์และการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อผลลัพธ์ในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ Ranking ต้นๆบน Google หรือที่เราเรียกว่าการทำ SEO และยังช่วยในการดึงดูดใจผู้อ่านให้อยู่กับข้อมูลในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ให้นานยิ่งขึ้น แต่อันที่จริงแล้วยังมีรายละเอียดอีกมากที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์รวมถึงธุรกิจของคุณนั้น สร้างความประทับใจและมัดใจผู้อ่านโดยหนึ่งในนั้นก็คือการให้ความสำคัญกับ Thank you page หรือหน้าขอบคุณลูกค้า โดยเฉพาะเมื่อเว็บไซต์ของคุณนั้นมีการให้กรอกรายละเอียดการติดต่อกลับ การสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ การกรอกแบบฟอร์มในรูปแบบต่างๆ หรือพวก Lead Generation Landing Page หน้า Thank you page จึงยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น และในบทความนี้ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเขียนหน้า Thank you page เพื่อสร้างความประทับใจและดึงดูดให้ผู้อ่านรวมไปถึงลูกค้ารู้สึกดีๆกับธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณครับ
Thank you page คืออะไรทำไมถึงสำคัญขนาดนั้น
การที่คุณขอร้องหรือต้องการให้ใครสักคนทำอะไรสักอย่าง และเมื่อได้รับการตอบสนองในสิ่งที่คุณคาดหวังแล้วก็ต้องมีการแสดงความขอบคุณทุกครั้ง หากเป็นในโลกออฟไลน์การแสดงความขอบคุณก็อาจมาได้จากการที่คุณฝากใครสักคนซื้อของให้ หรือการที่มีใครสักคนทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณ โดยการขอบคุณแสดงถึงมารยาทที่ดีรวมไปถึงการมอบความรู้สึกดีๆ ส่วนถ้าเป็นบนโลกออนไลน์หลักการของ Thank you page ก็คล้ายๆกันครับ แต่ค่อนข้างจะดูเป็นทางการมากขึ้นมานิดหน่อย ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการเขียนคอนเทนต์ การออกแบบ การคิดคำพูด รวมถึงการวางแผนให้เกิดการกระทำอะไรบางอย่างในอนาคต ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของการบริหารความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ให้อยู่กับคุณไปให้อย่างยาวนานมากที่สุดนั่นเอง
Thank you page ถือเป็นกระบวนการขั้นสุดท้ายของการสร้าง Conversion ผ่านเว็บไซต์ของคุณ โดย Thank you page จะปรากฎอยู่บนหน้าสุดท้ายจากการที่ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจนั้นกรอกข้อมูล สั่งซื้อสินค้า ลงทะเบียน สอบถามรายละเอียด และอื่นๆ เช่น คุณต้องการให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลด Ebook สักเล่มหนึ่งและเมื่อกรอกรายละเอียดที่จำเป็นและดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็จะมีหน้า Thank you page โผล่ขึ้นมาโดยอาจจะเป็นในรูปแบบ Popup การเปลี่ยนเป็นหน้าใหม่ไปเลย หรืออาจมีการส่งรายละเอียดไปยังอีเมล์ที่คุณกรอกก็ได้ทั้งนั้น โดย Thank you page นั้นก็มีประโยชน์และความสำคัญ ดังนี้
- ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจที่กรอกข้อมูลรับรู้ว่ากระบวนการนั้นเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย
- สร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเพื่อต่อยอดในการขายสินค้าหรือบริการในอนาคต
- Thank you page ที่ดีสามารถสร้างให้เกิด Conversion บางอย่างเพิ่มเติมได้อีก
- แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของธุรกิจที่มีต้อลูกค้าทุกๆคน
เขียน Thank you page อย่างไรให้ดึงดูดใจผู้อ่าน
โดยปกติทั่วไปถ้าจะเอาแบบรวดเร็วและง่ายๆก็จะเขียนแค่ “ขอบคุณสำหรับ…………..” แต่หากจะให้หน้า Thank you page นั้นสร้างความประทับใจและอาจนำไปสู่การสร้างให้เกิด Conversion บางอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง Thank you page ควรมีลักษณะของการดึงดูด สร้างการมีส่วนร่วม กระตุ้นให้เกิดการกระทำบางอย่าง ไม่ใช่แค่ขอบคุณเฉยๆแล้วก็จบๆกันไป Thank you page จึงควรทำให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจนั้นอยากเรียนรู้ธุรกิจของคุณต่อ โดยสิ่งที่คุณสามารถนำมาใช้กับหน้า Thank you page ได้นั้นก็มีลักษณะ ดังนี้
- Thank you page ต้องประกอบด้วย
- มี Confirmation Message หรือข้อความยืนยันว่าสำเร็จแล้ว เช่น
- ขอบคุณสำหรับข้อมูลทางบริษัทได้รับข้อมูลของท่านเป็นที่เรียบร้อย…..
- ขอบคุณสำหรับคำสั่งซื้อสินค้า…..
- มี Call-to-Action เพื่อบอกให้ลูกค้าทำอะไรบางอย่าง เช่น
- หากเป็นการดาวน์โหลด Ebook ก็ต้องมีการแจ้งว่าให้ไปเปิดอ่านในอีเมล์ หรือมีปุ่มกดไปที่ลิ้งค์เพื่อดาวน์โหลด
- หากเป็นการสั่งซื้อสินค้าก็ควรมีการเตือนให้ลูกค้าไปตรวจสอบข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ และอาจมีปุ่มให้ตรวจสอบสถานะการจัดส่งหรือเงื่อนไขอื่นๆ
- มีคำแนะนำอย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไรต่อไป โดยอาจเป็นการบอกเงื่อนไขต่างๆให้รับรู้โดย
- เขียนเป็นขั้นตอนให้อ่านง่าย เช่น
- Step ที่ 1 ตรวจสอบอีเมล์
- Step ที่ 2 ตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียด
- Step ที่ 3 หากรายละเอียดผิดพลาดให้กด Link แก้ไขรายละเอียด
- Step ที่ 4 เช็คสถานะต่างๆได้ที่ปุ่มตรวจสอบสถานะ
- เงื่อนไขอื่นๆและคำแนะนำอื่นๆที่ควรรู้
- เขียนเป็นขั้นตอนให้อ่านง่าย เช่น
- มี Confirmation Message หรือข้อความยืนยันว่าสำเร็จแล้ว เช่น
- ขอบคุณให้ตรงเรื่องเป็นอันดับแรก ถ้าหากตอบไม่ตรงเรื่องก็คงไม่สามารถไปต่อได้ถูกต้องแน่ๆครับ เช่น
- ขอบคุณสำหรับการดาวน์โหลด…..
- ขอบคุณสำหรับการสมัครสมาชิก…..
- ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อสินค้า…..
- ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็น…..
- ขอบคุณสำหรับการเข้าร่วมสัมมนา…..
- ขอบคุณสำหรับการเข้าร่วมกิจกรรม…..
- อย่าลืมว่าเว็บไซต์ก็คือตัวแทนของแบรนด์และธุรกิจ ซึ่งต้องออกแบบให้ตรงกับ อัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) ด้วยเช่นกันเพื่อการจดจำที่ดี
- ดึงความสนใจเพื่อสร้าง Conversion ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ขอบคุณสำหรับการดาวน์โหลด Ebook เรื่องนี้…..นอกจากนั้นเรายังมี Ebook / บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย…..
- นำเสนอข้อเสนออะไรใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษ นำเสนอสินค้าที่น่าสนใจเพิ่มเติม ร่วมกิจกรรมต่างๆที่อาจตรงกับความสนใจของลูกค้า
- แนะนำช่องทางใหม่ๆของธุรกิจ เช่น
- ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อสินค้า……นอกจากนั้นคุณยังสามารถติดตามช่องทางใหม่ๆของเราได้ที่……
- ดึงดูดให้คนที่อาจยังไม่ใช่ลูกค้ากลับกลายมาเป็นลูกค้า ด้วยการใส่ Social Proof เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจเพิ่มขึ้น เช่น
- ใส่ Testimonials
- ใส่การรีวิวจากลูกค้า
- อย่าลืมใส่ช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆด้วยนะครับ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าติดตามแบรนด์หรือธุรกิจ และยังช่วยสร้างให้เกิด Traffic ให้กับโซเชียลมีเดียของคุณได้อีกด้วย
ข้อชวนคิดก็คือแม้ว่า Thank you page นั้นสามารถเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสร้าง Conversion หรือ Call-to-Action ไปสู่เรื่องอื่นๆได้ แต่ก็ไม่ใช่จะทำลักษณะนั้นได้ทั้งหมดนะครับ หากจะให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมอย่างแท้จริงก็ควรเกี่ยวข้องกันกับเรื่องนั้นๆด้วย เช่น
- ขอบคุณสำหรับการดาวน์โหลด Ebook สามารถแนะนำ Ebook เรื่องอื่นๆ และอาจเชื่อมไปยัง งานสัมมนา หรือ Webinar ที่เกี่ยวข้องได้
- ขอบคุณสำหรับการสมัครสมาชิก
- หากเป็นการสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสาร ก็ควรแนะนำข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ กิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น มากกว่าเรื่องของการนำเสนอสินค้าหรือโปรโมชั่น
- หากเป็นการสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือโปรโมชั่น ก็ส่งรายการอัพเดทสินค้าหรือโปรโมชั่นแบบจัดเต็มได้ (แทรกด้วย Review / Testimonials ได้)
- ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็น (ขอข้อมูลเพิ่มเติม / สอบถามประเด็นต่างๆ / ตำหนิการบริการ) ก็ไม่ควรนำเสนอสินค้าหรือบริการใหม่ๆหรือข้อมูลอื่นๆ ควรทำแค่เพียง
- ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น…..ทางทีมงานจะรีบตอบกลับ / ดำเนินการโดยเร็วที่สุด สิ่งที่สามารถนำเสนอเพิ่มเติมได้ ก็คือ การเสนอช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
- ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อสินค้า สามารถนำเสนอสินค้าทั้ง Cross-Selling และ Up-Selling รวมถึงโปรโมชั่นโดนๆหรือช่องทางการติดตามอื่นๆ และถ้าหากอยากให้เกิดประสบการณ์ดีๆกับลูกค้า ก็อาจมีปุ่มให้กดตรวจสอบสถานะการจัดส่งเข้าไปด้วย หรืออาจมีเงื่อนไขการรับประกันและการเคลมสินค้าเข้าไปด้วยก็ดีครับ
- ขอบคุณสำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม
- สามารถนำเสนอรายะเอียดกิจกรรมเพื่อให้ติดตามได้ เช่น รายละเอียดงาน รายละเอียดบูธที่มาออกงาน รายละเอียดการเข้างาน และอื่นๆ
- สามารถนำเสนอวีดิโอบรรยากาศงานในอดีตที่ผ่านมา
ตัวอย่าง Thank you page
เราลองมาดูตัวอย่างของหน้า Thank you page กันบ้างครับ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้พอมองเห็นภาพและนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้
1. Thank you page สำหรับการดาวน์โหลด Ebook
Source: business2community.com
ตัวอย่างเมื่อคุณดาวน์โหลด Ebook เสร็จสิ้นก็จะเปลี่ยนเป็นหน้า Thank you page ที่มีเพิ่มในส่วนของการเข้าไปอ่านบทความต่างๆที่น่าสนใจได้
2. Thank you page แบบมี Social Proof
Source: stablewp.com
ตัวอย่างเมื่อคุณติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะเปลี่ยนเป็นหน้า Thank you page มีกำหนดระยะเวลาว่าจะตอบกลับภายใน 1-2 วันทำการ และต่อท้ายด้วย Testimonials จากลูกค้า
3. Thank you page เมื่อสั่งซื้อสินค้า
Source: stablewp.com
ตัวอย่างเมื่อคุณกดสั่งซื้อสินค้าเสร็จสิ้นก็จะเปลี่ยนเป็นหน้า Thank you page ที่นำเสนอส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป และอีกตัวอย่างก็มีการคอนเฟิร์มว่าสั่งซื้อเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพิ่มลูกเล่นหากแชร์ให้คนอื่นต่อจะได้ส่วนลดพิเศษ และมีช่องทางให้ติดตามเพิ่มเติมเข้าไปอีก เป็นต้น
เห็นไหมครับว่า Thank you page นั้นมีความจำเป็นมากสำหรับการทำธุรกิจ ซึ่งสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้หลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับลูกค้า รวมถึงสามารถเปลี่ยนให้ผู้ที่สนใจกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ และที่สำคัญที่นอกจากการคิดเรื่องคอนเทนต์ก็อย่าลืมเรื่องการออกแบบ การวางเลย์เอ้าท์ ความยากง่ายในการอ่าน รวมถึงวัตถุประสงค์ของ Thank you page แต่ละอย่างให้ดูเหมาะสมและใช้งานง่ายด้วย ไม่แน่นะครับว่า Thank you page เนี่ยแหละที่อาจจะกลายเป็นหน้าที่สร้าง Conversion ได้ดีไม่แพ้หน้าอื่นๆเลยก็ได้ครับ