
ธุรกิจต่างๆกำลังมองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพ ในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าไว้ และหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และได้รับการทดสอบมาอย่างยาวนาน ก็คือ การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) ที่เป็นสิ่งจูงใจให้แก่ลูกค้าในการซื้อสินค้า (Purchase) กระตุ้นความรู้สึกเร่งด่วน (Sense of Urgency) รักษาลูกค้า (Customer Retention) และยังมีส่วนในการส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)
และในบทความนี้ผมได้สรุปรูปแบบและประเภทของคูปอง รวมถึงความเหมาะสมในการใช้งาน พร้อมกับแนบกลยุทธ์การใช้งาน เพื่อให้ผู้อ่านที่สนใจลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจดูครับ

เข้าใจความหมายของ Coupon Marketing
การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) เป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่ธุรกิจเสนอส่วนลด (Discount) ข้อเสนอ (Offer) หรือสิ่งจูงใจพิเศษ (Incentive) แก่ลูกค้าในรูปแบบของ รหัสคูปอง (Coupon Codes) บัตรกำนัล (Vouchers) หรือคูปองที่พิมพ์ได้ (Printable Coupons) คูปองเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการชำระเงิน (ทั้งออนไลน์หรือในร้านค้า) เพื่อรับส่วนลดราคา ของแถม หรือสิทธิพิเศษอื่นๆเพิ่มเติม และสำหรับเป้าหมายของ Coupon Marketing โดยหลักๆแล้ว ก็คือ
- ดึงดูดลูกค้าใหม่ (Attract New Customers)
- ส่งเสริมให้เกิดการซื้อซ้ำ (Repurchase)
- เพิ่มปริมาณการขายให้มากขึ้น (Increase Sales Volume)
- ระบายสินค้าคงคลังที่มีอยู่ (Drain Existing Inventory)
- เพิ่มการแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Increase Competitive Advantage)
- เสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Create Brand Loyalty)
หากพูดถึงรูปแบบของคูปองก็แยกออกมาได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
- Printed Coupons – เป็นคูปองลักษณะของสิ่งพิมพ์ที่พบในหนังสือพิมพ์ (Newspaper) นิตยสาร (Magazine) ใบปลิว (Flyer) แผ่นพับ (Leaflet) โบรชัวร์ (Brochure) หรือจดหมายที่ส่งถึงลูกค้า (Mail) โดยรูปแบบนี้จะเหมาะกับธุรกิจร้านค้าทั่วๆไป การทำโปรโมชั่นในร้าน (In-store Promotion) และการทำ Direct Mail โดยตรง
- Electronic Coupons (E-Coupons) – ที่ส่งผ่านอีเมล์ SMS แอปพลิเคชั่นบนมือถือ หรือ Pop-up หน้าเว็บไซต์ ใช้กับธุรกิจ E-Commerce และการแลกรับสิทธิ์ทันที (Redemption)
- QR Code Coupons – คูปองที่ต้องผ่านการสแกน QR Code เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษ โดยส่วนใหญ่การชำระเงินแบบไร้สัมผัส การทำ Mobile Marketing รวมถึงโปรโมชั่นงานอีเว้นท์ต่างๆ
- Social Media Coupons – การแชร์คูปองบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วม เหมาะสำหรับใช้ในการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ (Brand Awareness)
การทำ Viral Marketing และร่วมมือกับ Influencer ในการโปรโมทกิจกรรม


ประเภทของ Coupon Marketing
ในปัจจุบันมีการใช้กลยุทธ์การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) อยู่หลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เรามาดูคูปองทั้ง 17 ประเภทที่พบบ่อยที่สุดกันครับ
1. คูปองส่วนลด (Discount Coupons)
คูปองประเภทนี้เสนอส่วนลดเป็นจำนวนเงินคงที่ หรือเปอร์เซ็นต์จากยอดซื้อทั้งหมด เป็นเหมือนการมอบ “รางวัล” ทันทีให้แก่ลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกว่าการซื้อครั้งนี้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการส่งเสริมการซื้อใหม่และการซื้อซ้ำ เพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rates) ซึ่งก็คือ การเปลี่ยนลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้า (Potential Customer) ให้กลายเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริงๆ (Real Customer) วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าป้อนรหัสส่วนลดในขั้นตอนการชำระเงินออนไลน์ การรับสิทธิ์ส่วนลดผ่านอีเมล์ หรือแสดงคูปองที่เป็นกระดาษสิ่งพิมพ์ในร้านค้า
ตัวอย่างเช่น “รับส่วนลด 20% สำหรับการซื้อครั้งต่อไป เมื่อใส่รหัส SAVE20” ลองจินตนาการถึงลูกค้าที่กำลังลังเลว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่ แต่เมื่อเห็นคูปองส่วนลด 20% ความลังเลนั้นก็หายไปทันที กลายเป็นความตื่นเต้นที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้

Image Source: https://fitsmallbusiness.com/coupon-examples-and-ideas/
2. คูปองแนะนำ (Referral Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นการให้รางวัลแก่ลูกค้า สำหรับการแนะนำเพื่อนหรือครอบครัว เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการตลาดแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth) ให้เกิดการได้ลูกค้าใหม่ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า นับเป็นการสร้างเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งและยั่งยืน วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าได้รับลิงก์หรือรหัสแนะนำที่ไม่ซ้ำกันเพื่อแบ่งปันกับผู้อื่น เหมือนกับการมอบ “บัตรเชิญ” ให้เพื่อนๆมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ หรือการชวนเพื่อมาซื้อสินค้าที่หน้าร้านก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น “แนะนำเพื่อนมาซื้อคอนโดฯ และได้เงินตอบแทน 20,000 บาท” หรือ “รับส่วนลด 10% เมื่อกรอกรหัสอ้างอิง” ซึ่งเหมือนกับการสร้างชุมชนของนักช้อป ที่แบ่งปันความสุขและผลประโยชน์ร่วมกัน

Image Source: https://cello.so/what-are-referral-codes/
3. คูปองแบบ BOGO (Buy One, Get One Free)
คูปองประเภทนี้เป็นเสนอสินค้าฟรี (Free) หรือสินค้าลดราคา (Discount) เมื่อซื้อสินค้าอีกชิ้นในราคาเต็ม เป็นการสร้างข้อเสนอที่ดึงดูดใจอย่างมาก เพราะลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้ “กำไร” เพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับใช้เพิ่มปริมาณการขาย ระบายสินค้าคงคลัง เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในปริมาณมากขึ้นเพื่อรับข้อเสนอสุดคุ้ม วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าต้องซื้อสินค้าที่กำหนดเพื่อรับสิทธิ์ได้สินค้าฟรีอีกหนึ่งชิ้น เปรียบเสมือนการปลดล็อคข้อเสนอพิเศษด้วยการซื้อสินค้าชิ้นแรก
ตัวอย่างเช่น “ซื้อพิซซ่า 1 ถาด รับฟรีอีก 1 ถาด” โดยลองนึกภาพการแบ่งปันพิซซ่า กับเพื่อนหรือครอบครัว ที่จ่ายเงินเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ความสุขที่เพิ่มเป็นสองเท่า

Image Source: https://www.facebook.com/thepizzacompany
4. คูปองแบบจำกัดเวลา (Limited-Time Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นคูปองที่มีวันหมดอายุภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อสร้างความรู้สึกเร่งด่วนให้กับลูกค้า เป็นเหมือนการประกาศ “โอกาสทอง” ที่มีเวลาจำกัด เหมาะสำหรับกระตุ้นยอดขายทันที เพิ่มรายได้ระยะสั้น สร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าต้องใช้คูปองก่อนถึงกำหนดเส้นตาย เปรียบเสมือนการแข่งขันกับเวลา เพื่อคว้าส่วนลดพิเศษก่อนที่จะหมดอายุ
ตัวอย่างเช่น “ลดราคาแบบสายฟ้าแลบ! ลด 30% ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น”

Image Source: https://getsitecontrol.com/blog/limited-time-offer-examples/
5. คูปองจัดส่งฟรี (Free Shipping Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นการยกเว้นค่าจัดส่ง เมื่อลูกค้าทำตามเงื่อนไขที่กำหนด เป็นการขจัดอุปสรรคสำคัญในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งก็คือ ค่าจัดส่งที่อาจทำให้ลูกค้าลังเล เหมาะสำหรับเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย (Average Order Value หรือ AOV) ลดการละทิ้งตะกร้าสินค้า (Abandon Cart) กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าสามารถใช้โดยอัตโนมัติในขั้นตอนการชำระเงิน เมื่อซื้อสินค้าถึงเกฑฑ์ที่กำหนด หรือการป้อนรหัสและข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเองเพื่อรับสิทธิ์ส่งฟรี ซึ่งเปรียบเสมือนการมอบ “ของขวัญ” เพิ่มเติมที่ทำให้การซื้อสินค้านั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น “จัดส่งฟรีสำหรับคำสั่งซื้อที่มีมูลค่า 300 บาท ขึ้นไป” ลองนึกภาพลูกค้าที่กำลังจะยกเลิกการซื้อเพราะค่าจัดส่งแพง แต่เมื่อเห็นคูปองจัดส่งฟรีก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อในทันที

Image Source: https://www.peacocks.co.nz/blog/26-everyone-loves-free-shipping
6. คูปองสำหรับการซื้อครั้งแรก (First-Time Purchase Coupons)
คูปองประเภทนี้มอบส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ (New Customer) ถือเป็นการต้อนรับลูกค้าเข้าสู่โลกของแบรนด์ด้วยข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ เหมาะสำหรับการได้มาซึ่งผู้ซื้อครั้งแรกหรือการเก็บรายชื่ออีเมล์ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น และสร้างโอกาสการสื่อสารในอนาคต วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าต้องสร้างบัญชีเพื่อสมัครรับสิทธิ์หรือข่าวสาร ซึ่งเปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อรับสิทธิพิเศษในการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน หรือการลงทะเบียนกรอกรหัสหน้าเว็บไซต์เพื่อรับคูปองสำหรับสิทธิพิเศษต่างๆ
ตัวอย่างเช่น “ลงทะเบียนและรับส่วนลด 15% สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรกของคุณ”

Image Source: https://wisepops.com/blog/discount-code-ideas
7. คูปองสำหรับลูกค้าประจำ (Loyalty Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นการมอบรางวัลให้กับลูกค้าปัจจุบันสำหรับการซื้อซ้ำ ถือเป็นการแสดงความขอบคุณ ต่อความภักดีของลูกค้า (Loyalty Customer) และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้ออีกเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการรักษาลูกค้าเก่า ส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้า และทำให้พวกเขารู้สึกว่าการเป็นลูกค้าประจำนั้นคุ้มค่า วิธีการทำงาน คือ จะมีการมอบคูปองให้ตามประวัติการซื้อโดยอัตโนมัติ หรือมีคะแนนสะสมครบตามจำนวน เปรียบเสมือนการมอบ “รางวัล” ให้กับลูกค้าที่สนับสนุนแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างเช่น “สะสมครบ 500 คะแนนและรับคูปองส่วนลด 10%” หรือ “เราขอมอบส่วนลด 40% สำหรับลูกค้าประจำอย่างคุณ”

Image Source: https://blog.wishpond.com/post/115675448062/coupon-marketing-strategy
8. คูปองตามฤดูกาลและเทศกาล (Seasonal & Holiday Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นโปรโมชั่นพิเศษ (Special Promotion) ที่เชื่อมโยงกับวันหยุด (Holiday) หรือเหตุการณ์พิเศษ (Special Occasion) เป็นการใช้ประโยชน์จากบรรยากาศ และกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น เหมาะสำหรับการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการช็อปปิ้งตามฤดูกาล เป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่ผู้คน มีความต้องการซื้อสินค้าสูงเป็นพิเศษ วิธีการทำงาน คือ การใช้ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา (Limited-Time Offer) ที่เชื่อมโยงกับโอกาสเฉพาะ เช่น เทศกาลปีใหม่ ฮาโลวีน วาเลนไทน์ ตรุษจีน หน้าฝน หน้าหนาว หน้าร้อน และอื่นๆ ที่เปรียบเสมือนการมอบของขวัญพิเศษในช่วงเวลาแห่งความสุข
ตัวอย่างเช่น “ต้อนรับเทศกาลฮัลโลวีน ลดแรง 50% สำหรับชุดคอสตูมทั้งหมด! ภายในเดือนนี้เท่านั้น” และสำหรับใครที่รอเทศกาลนี้อยู่ ก็คงจะตื่นเต้นกับการเตรียมตัวสำหรับเทศกาลฮัลโลวีน คูปองนี้ก็จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการเลือกซื้อชุดคอสตูม

Image Source: https://learnwoo.com/best-halloween-deals-and-discounts/
9. คูปองคืนเงิน (Cashback Coupons)
คูปองประเภทนี้จะเสนอคืนเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดซื้อกลับมา ในรูปแบบของเครดิตร้านค้าหรือเงินคืน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และรู้สึกว่าทุกการใช้จ่ายนั้นคุ้มค่า เหมาะสำหรับส่งเสริมการซื้อบ่อยครั้ง เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า วิธีการทำงาน คือ จะถูกเครดิตเงินคืนหลังจากที่การซื้อเสร็จสมบูรณ์ เปรียบเสมือนการได้รับ “รางวัล” กลับคืนมาหลังจากที่ทำการซื้อสินค้า
ตัวอย่างเช่น “รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับการซื้อทุกครั้ง” ลองนึกภาพการได้รับเงินคืนเล็กน้อยหลังจากการซื้อของ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการซื้อครั้งต่อไปได้ ก็เปรียบเสมือนกับการได้รับ “เงินปันผล” จากการช็อปปิ้ง

Image Source: https://popupsmart.com/blog/coupon-code-ideas
10. คูปองแบบชุด (Bundle Coupons)
คูปองประเภทนี้เสนอส่วนลดเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหลายชิ้นพร้อมกัน เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น และรู้สึกว่าการซื้อเป็นแพ็คเกจนั้นคุ้มค่ากว่าการซื้อแบบแยกชิ้น เหมาะสำหรับเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย (Average Order Value หรือ AOV) หรือส่งเสริมแพ็คเกจสินค้า นับเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นและเพิ่มยอดขายโดยรวม วิธีการทำงาน คือ ส่วนลดจะถูกนำไปใช้เมื่อซื้อสินค้าที่ถูกจับคู่ไว้พร้อมกัน เปรียบเสมือนการปลดล็อคข้อเสนอพิเศษเมื่อซื้อสินค้าเป็นชุด
ตัวอย่างเช่น “ซื้อเสื้อ 3 ชุด รับส่วนลด 15%” ลองนึกภาพการซื้อเสื้อยืดหลายตัวในครั้งเดียว เพื่อประหยัดเงินและได้สินค้าที่ต้องการครบชุด เปรียบเหมือนกับการซื้อ “ชุดสุดคุ้ม” ที่มาพร้อมส่วนลดพิเศษ

Image Source: https://www.facebook.com/ValorManager
11. คูปองแบบเกม (Gamified Coupons)
คูปองประเภทนี้ดึงดูดลูกค้าด้วยเกมแบบโต้ตอบ (Interactive Game) เพื่อรับส่วนลด เป็นการเปลี่ยนประสบการณ์การช็อปปิ้งให้สนุกสนานและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเสริมสร้างการมีส่วนร่วม เพิ่มความน่าสนใจให้กับแบรนด์ และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า วิธีการทำงาน คือ ลูกค้าเข้าร่วมเล่นเกมบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น เพื่อปลดล็อกคูปองสำหรับดีลพิเศษหลากหลายรูปแบบ
ตัวอย่างเช่น “หมุนวงล้อเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 50%!” ลองนึกภาพของการลุ้นและความตื่นเต้น เพื่อรับส่วนลดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา

Image Source: https://pushalert.co/blog/new-easter-popup-templates-onsite-messaging/
12. คูปองพิเศษสำหรับลูกค้า VIP (Exclusive VIP Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกหรือลูกค้า VIP เป็นการมอบสิทธิพิเศษและความรู้สึกพิเศษ ให้กับลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์มากที่สุด เหมาะสำหรับเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) มอบรางวัลแก่ลูกค้าที่มีการใช้จ่ายเป็นมูลค่าสูง เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้า ที่สนับสนุนแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน วิธีการทำงาน คือ เฉพาะลูกค้าที่มีสิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงคูปองเหล่านี้ได้ เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกแห่ง “สิทธิพิเศษ” สำหรับลูกค้าที่ได้รับเลือกแล้วเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น “สมาชิกระดับ Gold รับส่วนลดเพิ่มอีก 20%” ลองนึกภาพการได้รับสิทธิพิเศษ ที่เสมือนกับการเป็นสมาชิกของคลับสุดพิเศษ ที่ได้รับส่วนลดและข้อเสนอที่ไม่เหมือนใคร

Image Source: https://www.instagram.com/9primewestchester/p/DGoODhYSFNx/
13. คูปองแบบกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ (Geo-Targeted Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง (GPS, Wi-Fi, เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ) เพื่อส่งคูปองหรือข้อเสนอพิเศษ ไปยังลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ทำให้ข้อเสนอที่ส่งไปมีความเกี่ยวข้องกับความสนใจ กระตุ้นพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้ามาเยี่ยมชมร้านค้าหรือกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง
ตัวอย่างเช่น “คนขอนแก่นห้ามพลาด! พบกับงานแสดงสินค้าสุดยิ่งใหญ่ พร้อมรับคูปองส่วนลดพิเศษภายในงาน” หรือ “งานเซลล์ประจำปีของเมืองล้านนา เริ่มแล้ว! พบกับสินค้าราคาพิเศษมากมาย พร้อมรับคูปองส่วนลดเพิ่ม 10% เมื่อแสดงข้อความนี้”

Image Source: https://clearlineapps.com/features/digital-coupons/
14. คูปองสำหรับแคมเปญที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-Generated Content Campaign Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด โดยใช้ประโยชน์จากพลังของการบอกต่อแบบปากต่อปากในยุคดิจิทัล แทนที่แบรนด์จะสร้างคอนเทนต์ทางการตลอดเองทั้งหมด ด้วยการส่งเสริมให้ลูกค้าสร้างเนื้อหาด้วยตัวเอง หรือที่เราเรียกว่า User-Generated Content (UGC) ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เป็นรูปภาพรีวิว การทำวิดีโอรีวิวบนโซเชียลมีเดีย ที่แสดงถึงประสบการณ์ของพวกเขาที่มีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ จากนั้นแบรนด์จะมอบคูปองเป็นรางวัลสำหรับการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ตัวอย่างเช่น “การกระตุ้นให้ลูกค้าโพสต์รูปภาพการแต่งหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ พร้อมติด #Hashtag ชื่อแบรนด์ เพื่อรับคูปองส่วนลด 20% สำหรับการซื้อครั้งต่อไป”

Image Source: https://blog.wishpond.com/post/115675448062/coupon-marketing-strategy
15. คูปองหลังการซื้อ (Post-Purchase Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นคูปองที่มอบให้กับลูกค้า หลังจากที่พวกเขาได้ทำการซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว คูปองเหล่านี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เพิ่มมูลค่าการซื้อเฉลี่ย (Average Order Value – AOV) ส่งเสริมให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่มเติมในครั้งถัดไป และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ด้วยการให้รางวัลแก่ลูกค้าสำหรับการสนับสนุนของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น “ขอบคุณสำหรับการสั่งซื้อของคุณ! พร้อมรับส่วนลด 15% สำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไปภายใน 30 วัน” หรือ “แสดงใบเสร็จนี้เพื่อรับส่วนลด 10% สำหรับอาหารจานหลักในครั้งถัดไป”

Image Source: https://advancedcouponsplugin.com/sales-promotion-ideas-2/
16. คูปองแบบย้อนอดีตที่น่าจดจำ (Flashback Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ โดยการนำเสนอคูปองหรือโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต หรือสินค้าที่เคยได้รับความนิยมในอดีต เพื่อกระตุ้นความรู้สึกถึงความทรงจำและความคิดถึง (Nostalgia) ของลูกค้า
ตัวอย่างเช่น “ฉลองครบรอบ 20 ปี! กลับมาพบกับเมนูยอดนิยมจากยุค 2000 พร้อมรับส่วนลดพิเศษ” หรือ “คืนความสุขในวัยเด็ก! รับฟรีของแถมสุดพิเศษ เมื่อสั่งชุดอาหารในยุค 90″

Image Source: https://jp.pinterest.com/pin/flashback-to-husker-mania
17. คูปองจากการสำรวจความคิดเห็น (Post-Survey Coupons)
คูปองประเภทนี้เป็นกลยุทธ์การตลาด ที่ใช้คูปองเป็นสิ่งจูงใจในการตอบแบบสำรวจความคิดเห็น ด้วยการมอบคูปองให้กับผู้ตอบแบบสำรวจความคิดเห็น หลังจากที่พวกเขาได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจแล้ว ถือเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคตอบแบบสำรวจ เป็นการรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความพึงพอใจ ความคิดเห็น และความต้องการของลูกค้า แสดงให้เห็นว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของลูกค้า และยังกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าอีกครั้ง
ตัวอย่างเช่น “ขอบคุณสำหรับการตอบแบบสอบถามของคุณ! เราขอเสนอพิซซ่าถาดเล็กฟรี เมื่อสั่งซื้อพิซซ่าถาดใหญ่ในครั้งถัดไป” หรือ “ร่วมตอบแบบสำรวจและรับฟรี Premium Package 1 เดือน”

Image Source: https://discny.org/p/tag/townhall

ประเภทธุรกิจที่เหมาะกับการทำ Coupon Marketing
ต้องยอมรับครับว่ามีธุรกิจบางประเภทเท่านั้น ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกลยุทธ์การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) เรามาดูตัวอย่างประเภทธุรกิจที่นำการตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) มาใช้แล้วสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับธุรกิจมากที่สุดกันครับ
1. ธุรกิจค้าปลีกและ E-Commerce (Retail & E-Commerce)
บริษัทต่างๆ เช่น Amazon, Walmart, Target หรือ E-Marketplace อย่าง Shopee, Lazada รวมไปถึงธุรกิจที่มีช่องทาง E-Commerce ของตัวเองเป็นหนึ่งในช่องทางหลักสำหรับขายสินค้า เช่น JIB, Central, Uniqlo, Nike, Zara, H&M และอื่นๆ สามารถใช้ Coupon Marketing ได้เกือบครบทุกประเภท เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและกระตุ้นยอดขายได้มากที่สุด ธุรกิจเหล่านี้มักจะมีสินค้าหลากหลายประเภท และมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่ต้องการกระตุ้นการซื้ออย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น
- ส่วนลด “สมัครสมาชิกพร้อมรับสิทธิเศษ” (Subscribe & Save) ของ Amazon เสนอความคุ้มค่าและประหยัดสำหรับการซื้อซ้ำ
- Walmart มีโปรแกรม “Walmart+” ซึ่งเป็นบริการสมัครสมาชิกที่ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น จัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ ส่วนลดค่าน้ำมัน และการเข้าถึงข้อเสนอพิเศษต่างๆ
- eBay มีโปรแกรม “eBay Bucks” ซึ่งให้รางวัลแก่ผู้ซื้อด้วยคะแนน ที่สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าในอนาคตได้
- Shopee เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีโปรแกรมเช่น Shopee coins ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป และมีแคมเปญส่งฟรีที่ดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก
- Target มีโปรแกรม “Target Circle” ซึ่งเป็นโปรแกรมความภักดี ที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าด้วยส่วนลดพิเศษ ข้อเสนอเฉพาะบุคคล และเงินคืน

Image Source: https://frequentmiler.com/ebay-bucks-5x-sep-15/
2. ร้านอาหารและร้านอาหารจานด่วน (Restaurants & Fast Food Chains)
ธุรกิจอย่าง McDonald’s, Starbucks และ Domino’s มักนำเสนอคูปองแบบจำกัดเวลา (Limited-Time Coupons) และรางวัลของลูกค้าที่ภักดี เพื่อกระตุ้นการกลับมาใช้บริการซ้ำ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มีการแข่งขันสูง และต้องการดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการบ่อยๆ Coupon Marketing จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการกลับมาใช้บริการ และเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
- แอปฯของ McDonald’s มอบคูปองส่วนลดพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าบ่อยขึ้น
- Starbucks Rewards มีโปรแกรมความภักดี ที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าด้วยดาว (Stars) สำหรับทุกการซื้อ ดาวเหล่านี้สามารถนำไปแลกเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารฟรีได้
- Domino’s Rewards มีโปรแกรมสะสมคะแนน ที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าสำหรับการสั่งซื้อแต่ละครั้ง

Image Source: https://www.facebook.com/DominosCanada
3. ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Beauty & Personal Care)
เราจะเห็นแบรนด์สายความงาม เช่น Sephora มอบคูปองสำหรับ Loyalty Customer และรางวัลคืนเงินให้กับสมาชิกอยู่บ่อยครั้ง ธุรกิจเหล่านี้ต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น
- โปรแกรม Beauty Insider ของ Sephora มอบรางวัลเป็นคะแนนที่สามารถแลกเป็นส่วนลดได้
- Ulta Beauty มอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคลให้กับสมาชิก Ultamate Rewards ผ่านแอปพลิเคชันมือถือและอีเมล์
- คลินิกเสริมความงามหลายแห่งจะมีการขาย E-Voucher ในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shopee เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ารับบริการและทำโปรโมชั่นลดราคาต่างๆ
- GoWabi มี “GoWabi Gift Voucher” ที่เป็นบัตรกำนัลในรูปแบบออนไลน์ ที่สามารถส่งต่อให้กับคนที่คุณต้องการได้ และสามารถนำไปซื้อบริการที่มีอยู่ในแอปพลิเคชั่น GoWabi ได้ทุกบริการ โดยใช้แทนเงินสดตามมูลค่าของ Gift Voucher ที่ได้รับมา

Image Source: https://www.instagram.com/gowabi/p/DCMUzQNh1ve/
4. การท่องเที่ยวและการโรงแรม (Travel & Hospitality)
ธุรกิจเหล่านี้มีสินค้าและบริการที่ต้องการการวางแผนล่วงหน้า Coupon Marketing จึงเป็นประโยชน์กับธุรกิจโรงแรม สายการบิน และบริษัทท่องเที่ยว เช่น Expedia และ Booking.com ใช้รหัสโปรโมชั่นสำหรับส่วนลดในการจอง ธุรกิจเหล่านี้ต้องการกระตุ้นการจอง และเพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
- Marriott Bonvoy เป็นโปรแกรมสมาชิกของเครือโรงแรม Marriott ที่มอบสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ส่วนลดห้องพัก การอัพเกรดห้องพักฟรี และการเข้าใช้บริการพิเศษต่างๆ
- Thai Airways Royal Orchid Plus เป็นโปรแกรมสะสมไมล์ของสายการบินไทย ที่ให้รางวัลแก่ลูกค้าด้วยไมล์สะสมสำหรับการเดินทาง
- Klook แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ที่ให้บริการจองกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆทั่วโลก มักมีโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษอยู่ตลอดเวลา
- Agoda แอปพลิเคชันจองที่พัก ที่มีโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆมากมายในแต่ละช่วงเวลา และยังมีโปรแกรม Agoda VIP ที่มอบส่วนลดเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อมียอดการจองตามเงื่อนไขที่กำหนด

Image Source: https://loyaltylobby.com/

การใช้ Coupon Marketing กับธุรกิจประเภท B2B
แม้ว่า Coupon Marketing อาจดูเหมาะกับธุรกิจประเภท B2C เป็นส่วนใหญ่ แต่ธุรกิจแบบ B2B (Business-to-Business) ก็สามารถใช้คูปองเพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เช่นกัน เรามาดูตัวอย่างกันครับ
1. คูปองส่วนลดสำหรับการซื้อจำนวนมาก (Bulk Purchase Discounts Coupons)
เนื่องจากธุรกิจมักจะซื้อสินค้าในปริมาณมาก การเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาซื้อสินค้าในปริมาณที่มากขึ้นได้ เป็นเหมือนการมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับการสั่งซื้อแบบ “ขายส่ง” ตัวอย่างเช่น “สั่งซื้อเก้าอี้สำนักงาน 50 ตัวขึ้นไป รับส่วนลด 10% และฟรีค่าประกอบติดตั้ง” ตัวอย่างธุรกิจ เช่น
- Office Depot เป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานรายใหญ่ที่ให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ โดยมักจะเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมากสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระดาษ หมึกพิมพ์ และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน
- Grainger เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม MRO (Maintenance, Repair, and Operations) โดยให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆในหลากหลายอุตสาหกรรม และเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมากสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องมือ อุปกรณ์ความปลอดภัย และวัสดุสิ้นเปลือง
- Sysco เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่ให้บริการแก่ร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจบริการอาหารอื่นๆ โดยนำเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้

Image Source: https://www.maxwarehouse.com/collections/bulk-discount
2. คูปองแนะนำ (Referral Coupons)
การกระตุ้นให้ธุรกิจแนะนำบริษัทอื่นๆมาเป็นลูกค้า ด้วยการให้รางวัลเป็นส่วนลด เครดิต หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ นับเป็นการขยายฐานลูกค้าผ่านการบอกต่อ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากในวงการธุรกิจ เช่น “แนะนำธุรกิจและรับเครดิต 20,000 บาท สำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไป”
- Dropbox ใช้โปรแกรมแนะนำเพื่อนเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งาน แนะนำบริการของตนให้กับธุรกิจอื่นๆ เมื่อผู้ใช้แนะนำเพื่อนร่วมธุรกิจและเพื่อนร่วมธุรกิจสมัครใช้บริการ Dropbox แล้ว ทั้งผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมฟรี
- Salesforce ใช้โปรแกรมแนะนำเพื่อน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าแนะนำบริการ CRM (Customer Relationship Management) ของตนให้กับธุรกิจอื่นๆ เมื่อลูกค้าแนะนำเพื่อนร่วมธุรกิจและเพื่อนร่วมธุรกิจสมัครใช้บริการ Salesforce ทั้งผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำจะได้รับส่วนลดค่าบริการ
- Adobe ใช้โปรแกรมแนะนำเพื่อน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าแนะนำบริการซอฟต์แวร์ของตนให้กับธุรกิจอื่นๆ เมื่อลูกค้าแนะนำเพื่อนร่วมธุรกิจและเพื่อนร่วมธุรกิจสมัครใช้บริการ Adobe ทั้งผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำจะได้รับส่วนลดค่าบริการ

Image Source: Trillium Professional
3. คูปองส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก (Exclusive Member Discounts Coupons)
การมอบส่วนลดพิเศษให้กับพันธมิตรหรือลูกค้าที่ภักดีในระยะยาว เป็นการแสดงความขอบคุณและกระตุ้นให้รักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในอนาคต เช่น
- “ส่วนลดพิเศษ 15% สำหรับลูกค้าประจำที่มีสัญญานาน 1 ปี”
- “ส่วนลดพิเศษ 20% สำหรับลูกค้าประจำที่มีสัญญานาน 2 ปี”
- “ส่วนลดพิเศษ 40% สำหรับลูกค้าประจำที่มีสัญญานาน 5 ปี”

Image Source: https://www.getreditus.com/blog/how-b2b-saas-should-add-a-partner-program/
4. คูปองตามฤดูกาลหรือเหตุการณ์ (Seasonal or Event-Based Coupons)
การให้ส่วนลดในช่วงงานแสดงสินค้า งานในอุตสาหกรรม หรือวันหยุด จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และสร้างยอดขายในช่วงเวลาที่กำหนดได้ เช่น “ข้อเสนอพิเศษสำ รับส่วนลด 20% สำหรับการสมัครสมาชิกครั้งแรกของธุรกิจ”
5. คูปองส่วนลดทดลองใช้แบบจำกัดเวลา (Limited-Time Trial Discounts Coupons)
การเสนอส่วนลดชั่วคราวในระยะเวลาจำกัดสำหรับลูกค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความคุ้นเคย และส่งเสริมการตัดสินใจซื้อในระยะยาว เช่น “สมัครแพลตฟอร์ม SaaS ของเราภายในอาทิตย์นี้ รับสิทธิ์ทดลองฟรี 2 เดือน”

วิธีนำ Coupon Marketing ไปใช้ให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อให้กลยุทธ์การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) มีประสิทธิภาพสูงสุด แบรนด์และธุรกิจควรปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (Set Clear Goals)
ก่อนที่จะเริ่ม Coupon Marketing Campaign คุณต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร ตัวอย่างเช่น
- หากคุณต้องการเพิ่มยอดขาย คุณอาจเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก
- หากคุณต้องการดึงดูดลูกค้าใหม่ คุณอาจเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก
- หากคุณต้องการระบายสินค้าคงคลัง คุณอาจเสนอส่วนลดสำหรับสินค้าที่กำลังจะหมดอายุ (แบบลดล้างสต๊อก)

Image Source: https://www.fitnessexpertthai.com/promotions/clearance-sales/
2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม (Target the Right Audience)
การเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องใช้ข้อมูลลูกค้าและการวิเคราะห์ เพื่อกำหนดว่าลูกค้าของคุณสนใจอะไร และเสนอคูปองที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา เช่น
- หากคุณเป็นร้านพิซซ่าที่ต้องการดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นและครอบครัว คุณอาจใช้คูปองแบบ BOGO (Buy One, Get One Free) “ซื้อ 1 แถม 1” ในช่วงสุดสัปดาห์
- หากคุณขายเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิงวัยทำงาน คุณอาจใช้คูปองส่วนลด (Discount Coupon) สำหรับการซื้อสินค้าในคอลเลกชันใหม่
- หากคุณขายวัตถุดิบสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม คุณอาจเสนอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก

Image Source: https://www.1112.com/
3. เลือกช่องทางการกระจายข่าวสารที่เหมาะสม (Choose the Right Distribution Channels)
การเลือกช่องทางการสื่อสารและกระจายข่าวสารที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ ดังนั้นคุณต้องพิจารณาช่องทางที่ลูกค้าของคุณใช้งานบ่อยที่สุด และเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับประเภทของคูปองที่คุณเสนอด้วย เช่น
- การตลาดผ่านอีเมล์ (Email Marketing)
- แคมเปญบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Campaigns)
- ป๊อปอัปบนเว็บไซต์ (Website Pop-ups)
- การตลาดผ่าน SMS (SMS Marketing)
- การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Partnerships)
4. สร้างความรู้สึกเร่งด่วน (Create a Sense of Urgency)
การสร้างความรู้สึกเร่งด่วนสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าใช้คูปองได้ทันที โดยต้องมีการกำหนดวันหมดอายุหรือจำนวนจำกัด สำหรับคูปองแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาต้องรีบตัดสินใจ โดยอาศัยหลักจิตวิทยาที่ว่า “คนเรามักจะกลัวการพลาดโอกาสดีๆ” หรือ Fear of Missing Out เช่น
- “คูปองนี้ใช้ได้ถึงเที่ยงคืนวันนี้เท่านั้น!”
- “โปรโมชั่นนี้หมดเขตใน 24 ชั่วโมง”
- “สินค้ามีจำนวนจำกัด 100 ชิ้นเท่านั้น!”
- “เหลือเพียง 3 ชิ้นสุดท้าย!”
- “ด่วน! ส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกเท่านั้น!”
- “โปรโมชั่นอาหารกลางวันสุดคุ้ม! สั่งภายใน 1 ชั่วโมง รับฟรีเครื่องดื่ม 1 แก้ว!”

Image Source: Lineman
5. ติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ (Monitor and Analyze Performance)
การติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณ ด้วยการติดตามอัตราการใช้คูปอง ผลที่เกิดขึ้นต่อยอดขาย และการมีส่วนร่วมของลูกค้า เพื่อดูว่าแคมเปญของคุณมีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยจำเป็นต้องกำหนดตัวชี้วัด (KPIs) ที่ชัดเจนก่อนเริ่มแคมเปญ ดังนี้
5.1 ติดตามอัตราการใช้คูปอง (Coupon Redemption Rate)
- วิธีการ
- ใช้รหัสคูปองที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละแคมเปญหรือช่องทางการตลาด
- ติดตามจำนวนคูปองที่ถูกใช้เทียบกับจำนวนคูปองที่แจกจ่ายไป
- ใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์
- ตัวอย่าง
- หากคุณแจกคูปอง 1,000 ใบ และมีผู้ใช้ 200 ใบ อัตราการใช้คูปองคือ 20%
- หากคุณใช้รหัสคูปอง “ONLINE10” สำหรับแคมเปญออนไลน์ และมีผู้ใช้ 150 ครั้ง คุณจะทราบว่าแคมเปญออนไลน์มีอัตราการใช้คูปองเท่าไหร่
5.2 ติดตามผลกระทบต่อยอดขาย (Sales Impact)
- วิธีการ
- เปรียบเทียบยอดขายก่อนและหลัง Coupon Marketing Campaign
- วิเคราะห์ยอดขายของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับคูปองที่ใช้ไป
- ติดตามมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย (Average Order Value – AOV) ของลูกค้า
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ยอดขายเพื่อติดตามข้อมูล
- ตัวอย่าง
- หากยอดขายเพิ่มขึ้น 30% ในช่วงแคมเปญ แสดงว่าคูปองมีผลกระทบเชิงบวกต่อยอดขาย
- หาก AOV เพิ่มขึ้น แสดงว่าคูปองกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น
- ถ้าหากคุณใช้โค้ดส่วนลดแต่ละโค้ดในการทำแคมเปญแต่ละครั้ง เช่น โค้ด A ใช้ในแคมเปญใน Facebook โค้ด B ใช้ในแคมเปญใน Line จะทำให้ทราบได้ว่า แคมเปญในช่องทางไหนส่งผลต่อยอดขายได้ดีกว่ากัน
5.3 ติดตามการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement)
- วิธีการ
- ติดตามการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เช่น จำนวนการกดไลค์ การแชร์ การคอมเมนต์
- วิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
- ติดตามอัตราการเปิดอีเมล์หรือข้อความ SMS
- รวบรวมความคิดเห็นและรีวิวจากลูกค้า
- ตัวอย่าง
- หากโพสต์โซเชียลมีเดียที่มีคูปองได้รับการแชร์จำนวนมาก แสดงว่าลูกค้ามีส่วนร่วมสูง
- หากอัตราการเปิดอีเมล์ที่มีคูปองสูง แสดงว่าลูกค้าสนใจข้อเสนอนั้นมาก
- การทำแบบสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าที่ใช้คูปอง ก็เป็นวิธีที่จะช่วยให้ทราบถึงการมีส่วนร่วมของลูกค้าเช่นกัน
5.4 เครื่องมือที่ใช้ (Analytic Tools)
- Google Analytics – ติดตามการเข้าชมเว็บไซต์และพฤติกรรมผู้ใช้
- Social Media Insights – วิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดตามและประสิทธิภาพของโพสต์ในแต่ละแพลตฟอร์ม
- ซอฟต์แวร์ด้าน CRM – จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
- ซอฟต์แวร์ด้าน Email-Marketing Campaign – ติดตามอัตราการเปิดและคลิกอีเมล์
- แพลตฟอร์ม E-Commerce – ติดตามยอดขายและพฤติกรรมการซื้อ
6. ปรับให้เหมาะสมสำหรับผู้ใช้มือถือ (Optimize for Mobile Users)
ผู้คนจำนวนมากใช้โทรศัพท์มือถือในการช็อปปิ้งออนไลน์ ดังนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคูปองของคุณ สามารถใช้ได้งานได้ง่ายบนอุปกรณ์มือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้คูปองได้สะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ E-commerce
การตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) ยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์และเครื่องมืออันทรงพลังอยู่เสมอ การทำความเข้าใจประเภทต่างๆของคูปองและนำไปใช้อย่างมีกลยุทธ์ ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขาย ดึงดูดลูกค้าใหม่ และสร้างความภักดี ที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด ไม่ว่าคุณจะดำเนินธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ร้านอาหาร การท่องเที่ยว หรือร้านค้าปลีก การผสมผสานการตลาดด้วยคูปอง (Coupon Marketing) ที่วางแผนมาอย่างดี ก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จและการเติบโตในระยะยาวได้นั่นเอง