
Netflix แพลตฟอร์ม Online Streaming ความบันเทิงรูปแบบใหม่ ที่เริ่มต้นธุรกิจในปี 1997 โดย Reed Hastings และ Marc Randolph ในฐานะผู้ให้บริการเช่า DVD และในเวลาต่อมาในช่วงปี 2007 Netflix ก็ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมบันเทิง ด้วยการนำเสนอวิดีโอสตรีมมิ่งแบบออนดีมานด์ (On-Demand Video Streaming) ด้วยความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์คอนเทนต์ ที่ตรงตามความต้องการเฉพาะแบบบุคคล และที่โด่งดังก็เห็นจะเป็นการลงทุนในผลงานต้นฉบับ (Original Content) อย่าง Stranger Things และ The Crown ที่ทำให้ Netflix กลายเป็น Online Streaming Platform ระดับโลก ด้วยการมุ่งเน้นในการให้คำแนะนำกับการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) และการแปลคอนเทนต์ให้เป็นภาษาท้องถิ่นเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า Netflix จะดึงดูดผู้ชมที่หลากหลายจากทั่วโลก เรามาดู Case Study ตัวอย่าง Business Model Canvas (BMC) ของ Netflix กันครับ


1. กลุ่มลูกค้า (Customer Segments)
กลยุทธ์การแบ่งสัดส่วนลูกค้าของ Netflix มุ่งเน้นไปที่กลุ่มต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์จากบริการและมีส่วนร่วมแบบครบระบบนิเวศ (Ecosystem) ซึ่งรวมถึงผู้บริโภค ครอบครัว และผู้สร้างเนื้อหาทั่วโลก
- ผู้บริโภคทั่วโลก (Global Consumers)
บุคคลที่กำลังมองหาการสตรีมแบบ On-Demand และยังรวมถึงคนทั่วโลกที่แสวงหาความสะดวกสบาย ในการเข้าถึงความบันเทิงได้ตามความต้องการ ที่ครอบคลุมประชากรทั้งหมด เช่น เด็ก นักศึกษา คนทำงาน และผู้เกษียณอายุ - ครอบครัว (Families)
คนที่อยู่ในครัวเรือนที่ใช้บัญชีที่และมีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ร่วมกัน (พ่อ แม่ ลูก และคนอื่นๆในครอบครัว) - ผู้สร้างเนื้อหา (Content Creators)
ผู้กำกับ ผู้สร้าง ผู้ผลิต นักเขียน และผู้เชี่ยวชาญด้านงานสร้างสรรค์ ที่เป็นพันธมิตรกับ Netflix เพื่อสร้างหรือเผยแพร่ผลงานของตน

2. คุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า (Value Propositions)
Netflix มอบคุณค่าผ่านการสร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งระดับโลก ซึ่งรวมถึงความสะดวกสบาย เนื้อหาต้นฉบับ การปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคล และการเข้าถึงทั่วโลก ที่มีส่วนช่วยให้ Netflix ประสบความสำเร็จ
- ความสะดวกสบาย (Convenience)
Netflix นำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี คอมพิวเตอร์ และเครื่องเล่นเกม - เนื้อหาต้นฉบับ (Original Content)
ด้วยการลงทุนมหาศาลในการสร้าง Netflix Originals รวมถึงซีรีส์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์เชิงบวกอย่าง Stranger Things, The Crown และ The Witcher นอกจากนั้นยังมีแนวเพลงที่หลากหลาย การนำเสนอละคร หนังตลก ไปจนถึงสารคดี และอนิเมะ โดยผลงานต้นฉบับถือว่าใช้งบประมาณสูง เทียบได้กับระดับภาพยนตร์ที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ ที่มีเนื้อหาที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น รวมถึงการสร้างผลงานต้นฉบับแบบเฉพาะภูมิภาค (เช่น Money Heist จากสเปน Squid Game จากเกาหลีใต้) ทำให้ Netflix ดึงดูดผู้ชมตามวัฒนธรรมที่หลากหลายทั่วโลก - การปรับเปลี่ยนในแบบฉบับของตัวเอง (Personalization)
ด้วยการแนะนำเนื้อหาตามประวัติการ ดูและการตั้งค่าของผู้ใช้งานโดยใช้ AI ขั้นสูง และยังมีการสร้างโปรไฟล์สำหรับผู้ใช้งานได้หลายคน ช่วยให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้รับประสบการณ์รับชมที่เป็นส่วนตัว ผู้ใช้งานยังสามารถดูแลจัดการรายการที่ชอบดูเป็นของตนเอง เพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย - การเข้าถึงทั่วโลก (Global Reach)
Netflix เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ทำให้เข้าถึงผู้ชมที่หลากหลายด้วยคอนเทนต์ในหลากหลายภาษา ทั้งคำบรรยาย การพากย์เสียง และเนื้อหาต้นฉบับ (Original Content) ที่ช่วยให้ Netflix สามารถเจาะตลาดที่ไม่ใช่คนที่พูดภาษาอังกฤษอีกด้วย

Source: https://www.netflix.com
3. ช่องทาง (Channels)
Netflix ใช้หลายช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคอนเทนต์และบริการให้กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง อุปกรณ์อื่นๆ และพันธมิตรผู้ให้บริการ ซึ่งแต่ละรายถือว่ามีบทบาทสำคัญในการรับรองการเข้าถึงที่ราบรื่น และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน ผสมผสานกับการสื่อสารในช่องทางโซเชียลมีเดียที่ครอบคลุม และอีเว้นท์แบบ Interactive ต่างๆ
- แพลตฟอร์มหลัก (Streaming Platform)
ช่องหลักของ Netflix คือ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแบรนด์ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและแอปพลิเคชั่นมือถือ ที่รองรับการสตรีมความละเอียดสูงและในระดับ 4K สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ แพลตฟอร์มของ Netflix ถือเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน โดยนำมีการออกแบบ User Interface (UI) ที่ใช้งานง่ายสำหรับการเข้าถึงคลังคอนเทนต์ระดับโลก - อุปกรณ์อื่นๆ (Third-Party Devices)
การผสมผสานเชื่อมต่อให้เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ททีวี อุปกรณ์สตรีมมิ่ง คอนโซลเกม และสมาร์ทโฟน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์สตรีมมิ่งอย่าง Amazon Fire Stick, Roku, Apple TV และ Chromecast เกมคอนโซลเช่น PlayStation, Xbox สมาร์ททีวี เช่น Samsung, LG, Sony เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้ตามที่ต้องการ - พันธมิตรผู้ให้บริการ (Partner Carriers)
ความร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และผู้ให้บริการมือถือเพื่อรวมบริการหรือเสนอโปรโมชั่นดีๆ ตัวอย่างเช่น การสมัครสมาชิก Netflix ถูกจัดรวมอยู่ในแพ็กเกจบริการมือถือหรือบรอดแบนด์ (Verizon, T-Mobile, Vodafone, AIS, True) และสำหรับการส่งเสริมการขายในแบบต่างๆ ก็เป็นนำเสนอการสมัครสมาชิกฟรีหรือลดราคาสำหรับลูกค้าใหม่ๆ เป็นต้น - ช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media)
Netflix ใช้แพลตฟอร์มเช่น Instagram, Twitter, Facebook, TikTok และ YouTube เพื่อโปรโมตเนื้อหา และโต้ตอบกับผู้ชม รวมถึงสร้างกระแสเกี่ยวกับรายการหรือหนังที่กำลังจะออกใหม่ - โฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Netflix (Netflix Advertising)
การเปิดการสมัครรับข้อมูลที่รองรับโฆษณา ที่ตอนนี้ทาง Netflix กำลังนำมาใช้กับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเป็นทั้งช่องทางและแหล่งรายได้ - การจัดอีเว้นท์ (Physical Events and Pop-Ups)
Netflix จัดกิจกรรมตามสถานที่ต่างๆในลักษณะ Interactive เพื่อดึงดูดแฟนๆ และสร้างกระแสให้กับรายการต่างๆ ตัวอย่างเช่น Stranger Things จัดป๊อปอัปสโตร์ที่สมจริงและมีกิจกรรมต่างๆในเมืองใหญ่ๆ (เช่น นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส) โดยมีธีมเป็นจักรวาลของ Stranger Things เพื่อให้แฟนๆได้สำรวจสถานที่จำลองของ Hawkins เช่น ห้างสรรพสินค้า Starcourt Mall หรือห้องนั่งเล่นของ Byers และมีกิจกรรมแบบโต้ตอบ (Interactive) ได้แก่ การไขปริศนา และการต่อสู้กับ Demogorgon

Source: https://experiencenve.com/work/xbox-x-stranger-things-4-immersive-rift-activation/
4. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships)
Netflix สร้างและรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน การสื่อสารเชิงรุก และบริการสนับสนุนต่างๆ กลยุทธ์เหล่านี้รับประกันความพึงพอใจ (Customer Satisfaction) และ ความภักดีของลูกค้าในระดับสูง (Brand Loyalty)
ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยรวม
- สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้งาน (User Engagement)
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวแก่ผู้ใช้งาน ด้วยอัลกอริธึมขั้นสูงในวิเคราะห์ประวัติการดูเพื่อแนะนำเนื้อหาตามความความชอบส่วนบุคคล และยังมีการทำเนื้อหาเชิงโต้ตอบ (Interactive Content) อย่างรายการเช่น Bandersnatch ที่ให้ผู้ชมสามารถเลือกระหว่างตอนต่างๆ หรือ Man vs. Wild ที่ทำเป็น Interactive Version ที่ชื่อ You vs. Wild ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกฉากในการผจญภัยที่ต้องการได้เอง เสมือนเรากำลังเล่นเกมผจญภัยเอาตัวรอดในป่าแบบสมจริงไปกับผู้แสดง จนส่งผลต่อการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากขึ้น - การสื่อสารเชิงรุก (Proactive Communication)
การสื่อสารเชิงรุกกับสมาชิก เพื่อแจ้งให้ทราบและสร้างการมีส่วนร่วมอยู่เสมอ ด้วยการอัปเดตข้อมูลทางอีเมล์สำหรับแนะนำรายการใหม่ๆ รายการที่กำลังมาแรง หรือรายการที่คัดสรรตามความสนใจของผู้ใช้งาน การแจ้งเตือน Push Notification เวลามีซีรี่ย์หรือหนังตอนใหม่ รวมถึงการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียด้วยโพสต์และมีมที่สร้างสรรค์มาแบบเฉพาะภูมิภาค ทำให้ผู้ใช้งานได้รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเนื้อหาดีๆ และเกิดรู้สึกเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอย่างไม่ขาดหาย - การสนับสนุนแบบ 24 ชั่วโมง (Support Services)
การให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า เพื่อแก้ไขปัญหาของผู้ใช้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ กับการตั้งศูนย์ช่วยเหลือและแหล่งข้อมูลบนออนไลน์ที่ครอบคลุม คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาและวิธีแก้ปัญหาทีละขั้นตอน มีฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ทีมสนับสนุนพร้อมให้บริการผ่านการแชทหรือโทรศัพท์ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านเทคนิคและคำถามที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้งาน การสนับสนุนที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น เพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้เพียงพอ

Source: https://fmvworld.com/youvswild.html
5. แหล่งที่มาของรายได้ (Revenue Streams)
Netflix สร้างรายได้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก และการขาย License ซึ่งถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของความสำเร็จทางการเงิน ที่ช่วยให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน
- Subscription Fees
แหล่งรายได้หลักของ Netflix คือ รูปแบบการสมัครสมาชิก ซึ่งผู้ใช้งานเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆบนแพลตฟอร์ม โดยแผนราคามีการแบ่งระดับตั้งแต่ มือถือ (Mobile) พื้นฐาน (Basic) มาตรฐาน (Standard) และพรีเมี่ยม (Premium) ซึ่งรองรับความต้องการที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน ค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกถือว่าสร้างรายได้ที่มั่นคงและช่วยในการคาดการณ์ได้ในอนาคต ซึ่งช่วยให้ Netflix สามารถจัดสรรปันส่วนในการดำเนินงาน รวมถึงการสร้างคอนเทนต์และการอัปเกรดเทคโนโลยีใหม่ๆได้อีก - Licensing Agreements
การสร้างรายได้จากการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในเนื้อหาต้นฉบับ (Original Content) และสิทธิ์ในการเผยแพร่ไปยังแพลตฟอร์มหรือเครือข่ายอื่นๆ ในภูมิภาคที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจโดยตรง โดยตัวอย่างรายการ เช่น Stranger Things และ The Crown ที่ได้รับอนุญาตให้สตรีมมิ่งนอกตลาดหลักของ Netflix และการเผยแพร่เนื้อหาแบบ Netflix Original Content ที่อาจถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลที่สามเพื่อหารายได้เพิ่มเติม นอกจากนั้นยังมีรายได้จากความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิต เพื่อแบ่งปันสิทธิ์และผลกำไรซึ่งมีส่วนทำให้เกิดรายได้ที่มากขึ้น

6. ทรัพยากรหลัก (Key Resources)
ความสำเร็จของ Netflix ขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่สำคัญหลายประการ ที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงาน สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และรับประกันความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งรวมถึงคลังห้องสมุดคอนเทนต์ โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
- คลังห้องสมุดคอนเทนต์ (Content Library)
คลังหรือห้องสมุดคอนเทนต์ขนาดใหญ่ของ Netflix ถือเป็นรากฐานสำคัญของการนำเสนอคุณค่า โดยนำเสนอการผสมผสานทั้ง หนังและภาพยนตร์ยอดนิยม รายการทีวี และสารคดีที่ได้มาจากสตูดิโอ บริษัทผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่าย ที่มีความสมดุลของเนื้อหาลิขสิทธิ์และเนื้อหาแบบต้นฉบับ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ชมในวงกว้างและมีความชื่นชอบที่หลากหลาย - โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Technology Infrastructure)
การลงทุนอย่างมหาศาลในเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์การสตรีมที่ราบรื่น อาทิ Content Delivery Network (CDN) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Netflix และ Open Connect ที่ช่วยลดเวลาและรับประกันการส่งมอบคอนเทนต์ด้วยความเร็วสูง นอกจากนั้นยังสามารถปรับคุณภาพวิดีโอโดยอัตโนมัติตามแบนด์วิธอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน ความสามารถที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีในหลายๆด้าน - การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)
การลงทุนและใช้ประโยชน์จาก AI ขั้นสูงรวมถึง Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล มีอัลกอริธึมแนะนำเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละราย ข้อมูลเชิงลึกด้านการพัฒนาเนื้อหา และการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุนสำหรับการผลิตผลงานต้นฉบับ (Original Content) ที่มากขึ้น

7. กิจกรรมหลัก (Key Activities)
การดำเนินงานของ Netflix เกี่ยวข้องกับกิจกรรมสำคัญๆ 5 ประการ ได้แก่ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ การบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม การตลาด การได้มาและการรักษาพนักงานผู้มีความสามารถ และการบริการจัดการคำติชมของลูกค้า กิจกรรมเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Netflix ยังคงเป็นผู้เล่นชั้นนำในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งระดับโลก
- การสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creation)
Netflix ลงทุนอย่างมากในการผลิตคอนเทนต์ต้นฉบับ (Original Content) เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและดึงดูดผู้ชมที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างผลงานให้ออกมาในภาษาท้องถิ่น (เช่น Money Heist, Sacred Games) และยังให้ความสำคัญกับผู้ชมในระดับภูมิภาคเพื่อขยายความน่าดึงดูดไปทั่วโลก โดยมีการร่วมมือกับผู้กำกับ ผู้ผลิต และนักเขียนชื่อดัง เพื่อให้มั่นใจว่าการเล่าเรื่องออกมานั้นจะเต็มไปด้วยคุณภาพ - การปรับปรุงและบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม (Platform Maintenance)
มีการบำรุงรักษาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นแบบไม่สะดุด เพื่อรับประกันการนำเสนอคอนเทนต์ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ทั่วโลก โดยจำเป็นต้องมีการอัปเดตอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน การปรับอัลกอริธึมสำหรับการค้นหา การแก้ไขปัญหาทางเทคนิค เพื่อลดเวลาการหยุดทำงานหรือการหยุดชะงักของการสตรีม - การตลาด (Marketing)
Netflix ใช้แคมเปญการตลาดเชิงกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการรับรู้ ดึงดูดสมาชิก และสร้างความตื่นเต้นให้กับคอนเทนต์ต่างๆ โดยหลายๆคอนเทนต์นั้นก็ถูกทำออกมาเป็นแคมเปญระดับโลก โดยใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย ป้ายโฆษณา และสปอตโทรทัศน์ เพื่อโปรโมตคอนเทนต์สำคัญๆ นอกจากนั้นการทำการตลาดตามภูมิภาค มีการปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มประชากรและวัฒนธรรมแบบเฉพาะเจาะจง ที่ทั้งหมดมาจากการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) - การได้มาและการรักษาพนักงานผู้มีความสามารถ (Talent Acquisition and Retention)
การสรรหาและรักษาผู้มีความสามารถในระดับแนวหน้าด้านเทคโนโลยี เพื่อการสร้างสรรค์คอนเทนต์ และทำการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินงานของ Netflix ไม่ว่าจเป็นการสรรหาผู้กำกับ ผู้สร้าง ผู้ผลิต และคนที่เก่งด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียง เพื่อเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง - การบริหารจัดการกับคำติชมของลูกค้า (Customer Feedback and Experience Management)
Netflix ติดตามความคิดเห็นและข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปรับปรุงการให้บริการ การแก้ไขปัญหาทางเทคนิค และแก้ไขจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Source: https://marketingmind.in/digital-brands-like-netflix-using-power-billboards-outdoor-ads/
8. พันธมิตรหลัก (Key Partnerships)
ความสามารถของ Netflix ในการนำเสนอคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมและการสตรีมที่ราบรื่นนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความร่วมมือกับผู้ผลิตเนื้อหา ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี
- ผู้ผลิตคอนเทนต์ (Content Producers)
Netflix ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้สร้างอิสระ ทีมงานผลิต และสตูดิโอ เพื่อรักษาความปลอดภัยและพัฒนาคอนเทนต์แบบพิเศษโดยเฉพาะ การร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้กำกับชื่อดังเพื่อสร้างผลงาน Netflix Originals อย่างเช่น The Witcher และ Stranger Things โดยมีการแบ่งปันต้นทุนการผลิต และสิทธิ์การเผยแพร่ระหว่างประเทศหรือเฉพาะภูมิภาค (เช่น Money Heist ในสเปน) เพื่อกระจายสู่ผู้ชมทั่วโลก - ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ (Device Manufacturers)
ร่วมมือกับผู้ผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ (Smart Device) เพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มจะสามารถเข้าถึงได้ง่ายและครอบคลุม โดยเป็นการติดตั้งไว้ล่วงหน้าบนอุปกรณ์สตรีมมิ่ง เช่น Roku, Amazon Fire Stick และคอนโซลเกม นอกจากนั้นยังมีการทำงานเพื่อประสบการณ์การสตรีมที่ราบรื่นยิ่งขึ้น เช่น Dolby Vision การรองรับ 4K HDR การมีปุ่มเข้าถึง Netflix โดยตรงบนสมาร์ททีวีหลายรุ่น เช่น LG, Samsung, Sony และ Panasonic เป็นต้น - ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน (Payment Providers)
ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มการชำระเงิน เพื่อรองรับการเรียกเก็บเงินค่าสมัครสมาชิกอย่างสะดวกสบาย เช่น ความร่วมมือกับบริษัทบัตรเครดิต PayPal และผู้ให้บริการชำระเงินผ่านมือถือต่างๆ - ผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต (Internet Service Providers – ISPs)
ร่วมมือกับ ISP ทั่วโลกเพื่อปรับปรุงความเร็วและคุณภาพการสตรีม ผ่านเครือข่ายการจัดส่งคอนเทนต์ Open Connect ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Netflix ตัวอย่างเช่น การเป็นพันธมิตรกับบริษัทโทรคมนาคม เพื่อรวมการสมัครสมาชิก Netflix เข้ากับแผนการใช้งานอินเทอร์เน็ต - ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี (Technology Providers)
ร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์และบริษัทด้าน AI เพื่อรองรับระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์ม เช่น Amazon Web Services (AWS)

Source: https://olednet.com/lg-netflix/
9. โครงสร้างต้นทุน (Cost Structures)
โครงสร้างต้นทุนของ Netflix ได้รับแรงผลักดันและสนับสนุนอย่างมาก จากความมุ่งมั่นในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง การรักษาความเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ล้ำสมัย และการทำการตลาดทั่วโลกเพื่อขยายฐานสมาชิก โดยมีต้นทุนหลักๆ ดังนี้
- การผลิตคอนเทนต์ (Content Production)
Netflix จัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ให้กับการผลิตคอนเทนต์ โดยเฉพาะ Netflix Originals การลงทุนนี้สร้างความแตกต่างให้กับแพลตฟอร์มและดึงดูดใจสมาชิก ต้นทุนสำคัญได้แก่ การผลิตซีรีส์ ภาพยนตร์ และสารคดีพิเศษ (เช่น Stranger Things, The Crown) รวมถึงการพัฒนาคอนเทนต์ที่หลากหลายในระดับภูมิภาคและตามวัฒนธรรม (เช่น Squid Game, Money Heist) - ต้นทุนด้านเทคโนโลยี (Technology Costs)
Netflix มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการพัฒนา ดำเนินการ และปรับปรุงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ด้วยการบำรุงรักษาเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา Open Connect (CDN) ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (เช่น การเป็นหุ้นส่วนกับ AWS) การวิจัยและพัฒนาอัลกอริธึมการแนะนำที่ใช้ AI การปรับแต่งแบบส่วนบุคคล และการปรับปรุงคุณภาพการสตรีม - ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด (Marketing Expenses)
Netflix ลงทุนอย่างมหาศาลในกับการตลาดเพื่อโปรโมตแบรนด์และคอนเทนต์ไปทั่วโลก เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้า ต้นทุนสำคัญๆเช่น แคมเปญโฆษณาสำหรับการเปิดตัวหนัง (เช่น Bridgerton, Red Notice) กลยุทธ์ทางการตลาดที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น ความร่วมมือกับบรรดา Influencer และการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวมถึงสื่อแบบดั้งเดิมตามสถานที่ต่างๆทั่วโลก

Source: https://edition.cnn.com/2022/04/29/entertainment/netflix-korean-money-heist-remake-intl-scli/index.html
Business Model Canvas ของ Netflix แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่มีโครงสร้างค่อนข้างดี สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งระดับโลกได้ ด้วยการผสานรวมองค์ประกอบหลักได้อย่างราบรื่นและลงตัว Netflix จึงเป็นแพลตฟอร์มที่มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ด้วยการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรม จนรักษาการเติบโตและขีดความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้